เจ็ดปีที่แล้ว...
พิชชาในวัยยี่สิบปี เธอกำลังช่วยยายพิมซึ่งเป็นยายของเธอขายขนมอยู่ที่ตลาดหน้าหมู่บ้านหรู ซึ่งภายในหมู่บ้านนี้ต่างเต็มไปด้วยผู้คนที่มีฐานะมั่งคั่ง ซึ่งเมื่อขายขนมช่วงเช้าเสร็จ หญิงสาวก็ต้องรีบไปเรียนที่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง อีกไม่นานหญิงสาวก็จะสำเร็จการศึกษาในระดับอนุปริญญา
โดยพิชชาตั้งใจไว้ว่าเธอจะหางานทำ เพื่อแบ่งเบาภาระของยาย ส่วนเรื่องจะศึกษาต่อให้ถึงระดับปริญญาตรีนั้น หญิงสาวคงต้องพักไว้ก่อน เพราะเธอไม่อยากให้ยายพิมลำบากไปมากกว่านี้แล้ว กิจวัตรประจำวันของหญิงสาวเป็นเช่นนี้ทุกวัน เธอไม่ได้สนใจมองชายหนุ่มที่พยายามเข้ามาขายขนมจีบให้เธอมากหน้าหลายตา เธอมุ่งมั่นเพียงทำงานช่วยยาย และรีบเรียนให้จบ เพราะเธอจะได้ทำงานหาเลี้ยงยาย ยายจะได้ไม่ต้องเหนื่อยตื่นตั้งแต่ตีสามเพื่อมาทำขนมขายเช่นนี้ทำให้หญิงสาวไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากปากท้องเท่านั้น
แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อเธอกำลังข้ามถนนเพื่อจะเอาขนมไปส่งลูกค้า ด้วยความรีบร้อนทำให้หญิงสาวไม่ทันได้มองรถที่ขับออกมาจากภายในซอย ร่างบางถูกรถชนจนกระเด็นไปติดอยู่ที่หน้ารถยนต์หรู ร่างสูงของชายหนุ่มรีบลงมาดูด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะรีบนำร่างของเธอลงมาจากหน้ากระจกรถของเขา
นางพิมได้ยินเสียงรถชนดังกึกก้องไปทั่ว นางรีบมองมาทันที และเมื่อเห็นว่าคนที่ถูกรถชนคือหลานสาวของนาง นางถึงกับเป็นลมล้มพับไปทันที
“คุณ!! เป็นยังไงบ้างครับ” เสียงนุ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขารู้สึกตกใจมาก แต่ก็พอมีสติที่จะกดโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากหญิงสาว ตอนนี้เลือดของเธอไหลออกมาเป็นจำนวนมาก คนที่สัญจรผ่านไปมาต่างหยุดดู ชายหนุ่มพยายามเรียกหญิงสาว และประคองร่างบางไว้ด้วยความเป็นห่วง
ผ่านไปราวสามสิบนาที รถกู้ภัยก็มาถึงที่เกิดเหตุ ร่างบางของหญิงสาวถูกพาขึ้นรถพยาบาล ในขณะที่ชายหนุ่มก็เรียกรถอีกคันมาเปลี่ยนและปล่อยให้ลูกน้องของเขารอประกันภัยอยู่ที่เกิดเหตุ ในขณะที่ตัวเขาก็ขับรถตามร่างบางไปที่โรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วง
ภูผากลัวเหลือเกินว่าเธอจะเป็นอะไร เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ทำให้ร่างของเธอกระแทกที่กระจกรถของเขาด้วยความรุนแรง จนทำให้กระจกถึงกับแตกร้าวเลยทีเดียว ที่จริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องมาที่โรงพยาบาลเลยด้วยซ้ำ แต่เขาก็มาที่นี่ด้วยความสงสาร เพราะระหว่างที่รอรถกู้ภัยอยู่นั้น เขาได้ยินว่ายายของเธอถึงกับเป็นลม และที่สำคัญเธอเป็นเด็กกำพร้าที่มีเพียงยายเท่านั้น มันยิ่งทำให้เขาไม่สามารถปล่อยเธอไว้ได้ เพราะเท่าที่ทราบตอนนี้ยายของเธอก็ถูกพามาที่โรงพยาบาลด้วย เพราะนางยังไม่ฟื้นจากอาการเป็นลม ด้วยวัยที่ชรามากแล้ว เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงตัดสินใจนำส่งโรงพยาบาลเช่นกัน
เมื่อทราบเรื่องราวของหญิงสาวผู้โชคร้ายทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถปล่อยเธอไว้ได้ เขาต้องการจะรู้ว่าหญิงสาวปลอดภัยแล้ว เขาจึงจะวางใจได้ เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ภูผายังคงรอหญิงสาวอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน จนกระทั่งพยาบาลเดินออกมาแจ้งว่าหญิงสาวปลอดภัยแล้ว และกำลังจะนำตัวไปพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วยรวม
“ผมขอห้องพิเศษที่ดีที่สุดให้ผู้หญิงคนนี้ พร้อมกับยายของเธอด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเสียงนุ่ม
“คงจะไม่ได้ค่ะ เพราะคุณพิชชาต้องอยู่ใกล้หมอ ถ้าหากเข้าไปอยู่ที่ห้องพิเศษ หมอจะไม่ค่อยได้เข้าไปตรวจ เอาไว้อาการเธอดีขึ้นกว่านี้เราจะรีบทำการย้ายเธอเข้าไปห้องพิเศษนะคะ” พยาบาลรีบอธิบายทันที เพราะอาการของหญิงสาวต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ยายของเธอนอนพักที่ห้องพิศษก่อนนะครับ แล้วช่วยหาพยาบาลพิเศษมาเฝ้าไข้คุณยายด้วย” ชายหนุ่มยังคงเป็นห่วงสองยายหลาน แม้ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ แต่เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดของสองยายหลานได้
“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันรีบจัดการให้นะคะ”พยาบาลรับคำทันที
“ค่าใช้จ่ายทั้งหมด เรียกเก็บมาที่ผมได้เลยนะครับ” ชายหนุ่มยื่นนามบัตรให้กับพยาบาลสาว ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปดูอาการหญิงสาวภายในห้องพักผู้ป่วย ซึ่งเธอถูกนำพาไปพักฟื้นปะปนกับผู้ป่วยคนอื่น
“ขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องเจ็บแบบนี้” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความจริงใจ เขายืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะหมุนตัวกลับออกไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลย