ดวงตาสวยกะพริบถี่กับภาพตรงหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปส่องให้มันชัดเจนยิ่งขึ้น “ทะ… ทำไมถึงไม่มีรอยแผลจากไฟไหม้” นางยกมือขึ้นลูบแก้มของตนซ้ำไปซ้ำมา ราวกับต้องการดูให้แน่ชัดกระทั่งใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อเพราะถูไปหลายรอบ จากนั้นความรู้สึกร้อนผ่าวก็เข้าปกคลุม และมันก็ทำให้นางแน่ใจว่าขณะนี้ตนไม่ได้ฝัน
“เรื่องราวที่เราพบพานมา มันไม่ใช่ฝันกระนั้นหรือ…?” ความฉงนยังคงมีอยู่ในใจ ทำให้ร่างเล็กต้องทรุดนั่งลงบนตั่ง
เพราะบัดนี้ใจดวงน้อยสับสนยิ่งนัก…
แต่ถ้าเป็นฝัน… แล้วป้ายหยกขาวนี่มาได้เยี่ยงไร ในเมื่อของสิ่งนี้นางตั้งใจแกะสลักให้สามี และหากเป็นช่วงเวลานี้ หยกขาวนั่นก็ยังแกะสลักไม่เสร็จ เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางก็รีบเดินตรงไปที่มุมหน้าต่าง ซึ่งเป็นมุมที่นางนั่งแกะสลักหยกให้จ้าวเสวี่ยอี้
ร่างเล็กทรุดแหมะกับพื้นทันทีเมื่อเห็นแผ่นหยกสลักไปได้นิดเดียว แล้วที่นางถืออยู่นี่มันคืออะไรกัน…
“หรือว่า…” พึมพำแผ่วเบา เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้
“ฮูหยิน ตื่นแล้วเหตุใดไม่เรียกพวกเราเจ้าคะ” ลี่อันเอ่ยพร้อมกับเดินเข้ามาหา ทว่าผู้เป็นนายกลับลุกพรวดขึ้นมาโอบกอดเอาไว้ “ฮูหยินท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ”
“ลี่อัน เจ้ายังอยู่ แล้วชิงชิวเล่า”
“อยู่นี่เจ้าค่ะฮูหยิน” ผู้ถูกเอ่ยถึงรีบสาวเท้าก้าวมาหาด้วยท่าทางตื่นตระหนก หลันถิงจึงเอื้อมมือมาหาแล้วกอดไว้เช่นกัน
“ฮูหยิน ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ” ชิงชิวเอ่ยถามอย่างกังวล
“ฝันร้ายหรือเจ้าคะ เขาว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะ ฮูหยิน อย่าได้ตกใจไปเลย หากไม่สบายใจ เช่นนั้นก็ไปไหว้พระกันนะเจ้าคะ จิตใจจะได้สงบลง” ลี่อันเอ่ยปลอบประโลม
หลันถิงขยับถอยห่างเล็กน้อย มองสาวใช้ทั้งสองก่อนจะยิ้มอ่อนแล้วเอ่ยอย่างปีติ “ฝันของข้าเป็นฝันดี ฝันบอกเหตุ สวรรค์คงเมตตาให้ข้าฝันถึงเรื่องราวเหล่านี้ ภายหน้าจะได้ป้องกันได้ ไม่จำเป็นต้องไปไหว้พระหรอก แค่อยู่ให้ห่างจากคนชั่วก็เพียงพอแล้ว” สิ้นคำริมฝีปากอิ่มก็เผยยิ้ม ทว่าสาวใช้สองนางกลับขมวดคิ้วด้วยความมึนงงอย่างไม่เข้าใจ เพราะเมื่อครู่ผู้เป็นนายยังร้องไห้อยู่เลย
“ไปเตรียมน้ำเตรียมอาหารเถิด ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว”
“ฮูหยินอยู่คนเดียวได้นะเจ้าคะ” ลี่อันถามเสียงแผ่ว
“ได้ ก็แค่ฝันร้าย ทว่านับจากนี้จะไม่ฝันอีกแล้ว”
สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากันพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ไปเถิด” ว่าพร้อมกับดันไหล่ทั้งคู่
เมื่อไม่มีใครแล้ว หลันถิงก็นั่งลงที่เดิม พร้อมกับมองหยกที่ยังแกะสลักไม่เสร็จ สลับกับตัวที่วางอยู่บนโต๊ะ
นางพอจะเดาออกแล้วว่าตนได้ย้อนเวลากลับมาในช่วงที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเรือนนี้ นั่นคือเมื่อหนึ่งปีก่อน ช่วงที่จ้าวเสวี่ยอี้ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากราชสำนัก และยามนี้ใบหน้านางยังไม่เสียโฉม และนี่อาจเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สามีปันใจให้หญิงอื่นกระมัง…
แม้บาดแผลนั้นจะเกิดจากการที่นางเอาตัวเข้าบังมารดาของจ้าวเสวี่ยอี้ ตอนที่ถูกคบไฟหลุดลงมาในคืนที่จ้าวฮูหยินและบุตรสาวแห่มาต่อว่านางถึงที่นี่ ถึงกระนั้นความดีที่ทำมาก็ยังรั้งให้คนสกุลจ้าวสำนึกไม่ได้ พวกเขายังคงเหยียบย่ำน้ำใจนางจนถึงวาระสุดท้าย
มือขาวยกป้ายหยกขึ้นมาพินิจดูอีกหน สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเรื่องทั้งหมดที่นางประสบมามิใช่ความฝัน ทุกอย่างมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว หยกนี้ติดมือนางมาในตอนที่จ้าวเสวี่ยอี้สังหารอย่างเลือดเย็น หากเป็นฝัน.. หยกขาวอันนี้ ย่อมไม่มีทางอยู่ที่นี่แน่
“ในเมื่อข้ามอบทุกอย่างให้ท่านได้ ข้าก็สามารถเอาทุกอย่างกลับคืนมาได้เช่นกันจ้าวเสวี่ยอี้” มือที่ถือป้ายหยกกำแน่น แววตาที่เคยสดใสอ่อนโยน บัดนี้กลับแข็งกร้าวดูน่ากลัว
ในชาติก่อน…. เหอหลันถิงอยากใช้ชีวิตปกติเฉกเช่นคู่สามีภรรยาทั่วไป อยู่เรือนทำอาหารรอสามีกลับมากิน ดูแลเขาในเรื่องต่าง ๆ นางจึงยอมอยู่เบื้องหลังสามี ไม่เผยความรู้ความสามารถของตนให้ผู้ใดได้รู้ นางสอนเขาในเรื่องการค้าและการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับคนต่างแดน ที่เริ่มหลั่งไหลเข้ามาทำการค้าในแผ่นดินใหญ่แห่งนี้
แผ่นดินที่ไม่ใช่ยุคสมัยของนางตั้งแต่แรก….
เพราะเหอหลันถิงผู้นี้หาใช่สตรีที่เกิดในยุคโบราณแต่กำเนิดไม่ นางตายในยุคปัจจุบันแต่มาเกิดใหม่ในร่างนี้ ทว่านางอยากใช้ชีวิตอยู่อย่างคนธรรมดา แต่งงานมีลูกมีครอบครัวที่อบอุ่น เพราะชาติก่อนนางทำแต่งานจนกระทั่งตายก็ยังไม่เคยได้สัมผัสกับความรัก
เมื่อมาอยู่ในร่างนี้เมื่อห้าปีก่อน นางจึงทุ่มเทชีวิตให้กับบุรุษอันเป็นที่รักอย่างสุดหัวใจ ทำให้เขามีหน้ามีตากลายเป็นขุนนางอย่างที่หมาย แม้เสวี่ยอี้จะไม่ได้ฉลาดล้ำเลิศก็ตาม
ทว่าด้วยความหมั่นเพียรที่เขามี ไม่ว่าเหอหลันถิงสอนอันใดเขาก็จดจำได้หมด ในที่สุดความรู้ที่นางสอนสั่งมันก็ทำให้เขาได้กลายเป็นขุนนางสมใจ กลายเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คน
ถึงกระนั้นเสวี่ยอี้ก็หาได้บอกทุกคนไม่ว่าความรู้ทั้งหมดได้มาจากผู้ใด ยิ่งไปกว่านั้นแทบไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำว่าเขานั้นแต่งงานแล้ว
‘หรือที่ท่านสังหารข้าก็เพื่อจะปิดปากเรื่องนี้….’
ยิ่งคิด… หลันถิงก็ยิ่งแค้นใจ
“ขอบคุณสวรรค์ที่ให้โอกาสข้าย้อนกลับมา ต่อจากนี้ข้าจะใช้มันให้คุ้มค่ามากที่สุด จะไม่ให้คนชั่วเช่นนี้หาประโยชน์อันใดจากตัวข้าได้อีกแล้ว พอกันทีความรักอันโง่เขลา” เมื่อคิดทบทวนเรื่องราวครบถ้วน นางก็ลุกขึ้นมาจัดการกับตนเอง อาบน้ำชำระร่างกายก่อนจะออกมาเตรียมใส่อาภรณ์เก่าเก็บสีหม่นไม่ต่างจากบ่าวในเรือน และมันก็ถูกเก็บพับไว้เป็นอย่างดีในหีบไม้เก่าสีซีด
ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มหยันตนเองทันที เมื่อเห็นอาภรณ์ของตนที่ใส่มานานกว่าสามปีแล้ว เพียงเพราะต้องการประหยัดเงินเพื่อใช้ในการสอบเคอจี่ของสามี ไหนจะข้าวของเครื่องใช้ที่จะพังไม่พังแหล่ในเรือนนี้อีก ‘ยอมทนลำบากเพื่อให้คนผู้นั้นสวมเขากระนั้นหรือ หลันถิง เจ้านี่ช่างโง่เขลายิ่งนัก’ นึกถึงคราใด นางก็อดก่นด่าตนเองไม่ได้สักที โง่งมงายเพราะบุรุษผู้เดียวจนตัวตาย
อย่าให้มีซ้ำสองเลยเชียว….
หลังจากแต่งตัวใส่อาภรณ์ที่ดีที่สุดแล้ว เหอหลันถิงก็เดินออกมาด้านนอก และภายในเรือนเล็กหลังนี้มันยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คน
มีเพียงสาวใช้สองนางเท่านั้นที่ยังง่วนกับการทำงาน คนหนึ่งทำความสะอาด อีกคนกำลังทำอาหารอย่างขะมักเขม้น
เหตุนี้เหอหลันถิงจึงดูแลตนเองเสียส่วนใหญ่…
“ฮูหยินหิวหรือยังเจ้าคะ ประเดี๋ยวโจ๊กก็สุกแล้วเจ้าค่ะ วันนี้เรือนใหญ่ไม่ยอมตักข้าวให้ บ่าวจึงต้องออกไปซื้อด้านนอกเจ้าค่ะ” หลันถิงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความมึนงง
“หมายความว่าอย่างไร ไยเขาจึงไม่แบ่งข้าวให้”
“เอ่อ… ป้าชุยบอกว่า ต่อไปนี้อาหารการกินของเรือนเราจะถูกส่งมาสิบวันครั้ง หากเรากินหมดก่อนก็ต้องไปหาซื้อเอาเองเจ้าค่ะ” ชิงชิวเอ่ยบอกเสียงเบา พร้อมกับยืนมองหน้าผู้เป็นนายที่เดินมาหยุดอยู่ริมหน้าต่าง บัดนี้สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย
หลันถิงกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่ได้ยิน ชาติภพก่อนแม้คนสกุลจ้าวไม่เรียกหานางหลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้ใจร้ายถึงขั้นจำกัดเสบียงอาหารที่ส่งเข้าเรือนของนาง
แล้วเหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ หรือว่าเวลาหมุนกลับ ใจคนก็เปลี่ยนตามไปด้วยกระนั้นหรือ ทว่าช่างเถิด…
ต่อให้ใครจะเปลี่ยนไปเช่นไร คนผู้นั้นย่อมไม่ใช่นางแน่ เพราะนับจากนี้คนสกุลจ้าวจะไม่มีทางได้กดขี่อันใดนางอีก
“คนพวกนี้ผลาญสมบัติข้าจนแทบไม่เหลือ บัดนี้ยังกล้าจำกัดข้าวปลาอาหารข้าอีกหรือ ดูท่าคงไม่อยากอยู่อย่างสงบสุขแล้วกระมัง” เสียงรอดไรฟันเปล่งออกมาอย่างแค้นใจ
จากนั้นร่างอรชรก็เดินตรงไปยังเรือนใหญ่ เรือนที่นางไม่เคยได้เหยียบย่างเข้าไปเลยตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ เพียงเพราะเชื่อในคำสามี ที่เอ่ยว่า จำต้องให้นางอยู่อีกเรือนก่อน เพื่อทำตามคำซินแสกล่าว
ทว่าบัดนี้… เหอหลันถิงรู้แล้วว่า
ทุกอย่างมันล้วนแต่เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ…
#ทุกคนขา กดใจ กดเม้นให้ไรท์หน่อยนะคะ พลีสสส มันช่วยเปิดการมองเห็นนิยายได้