8. ไม่ง่ายอีกต่อไป

1761 คำ
เสวี่ยอี้กอดร่างภรรยาของตนไว้อย่างหวงแหน แม้จะกลัวเสียผลประโยชน์ ทว่าสิ่งที่เขาพูดในช่วงท้ายล้วนแต่ออกมาจากใจ เขายังคงรักมั่นต่อนางไม่เปลี่ยน สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อสร้างรากฐานให้สกุลจ้าวมั่นคง แม้มันจะดูเห็นแก่ตัวไปบ้างก็เถอะ โดยเฉพาะการทิ้งนางให้อยู่เรือนนอกลำพัง แต่นั่นมันก็เป็นเพราะคำทำนาย อีกสองปีก็ไม่มีอะไรแล้ว ด้านหลันถิงยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ ทว่าในใจกลับต่างออกไป ‘ท่านรู้หรือไม่อีกหนึ่งปี ข้าต้องเป็นคนหลั่งน้ำตาแทนท่าน ฉะนั้นข้าจะไม่มีวันพาตนเองกลับไปซ้ำรอยเดิมอีกจ้าวเสวี่ยอี้ จากกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า เพราะข้าไม่อยากอยู่ที่นี่อย่างหวาดระแวงอีกแล้ว' “ปล่อยข้าเถิด หากท่านรักข้าจริง เพราะวันหน้าท่านอาจทำเรื่องที่ผิดต่อข้ามากกว่านี้ก็เป็นได้ อย่ารอให้ถึงวันนั้นเลยนะท่านพี่ ปล่อยข้าไปตามทางของข้าเถิด” นางขยับดันร่างแกร่งออก แววตาที่มองเขาแม้มันจะอ่อนลง ทว่ายังแฝงความดื้อรั้นเช่นเคย นางไม่ยอมถอนคำพูดเรื่องหย่า ยังคงเสียงแข็งเกี่ยวกับเรื่องนี้ “เช่นนั้นให้โอกาศพี่ได้แก้ตัวนะ สิบวันที่เจ้าเอ่ยถึง พี่จะใช้มันปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น หลังจากนั้นเรามาคุยกันใหม่นะ” ครานี้เขาเปลี่ยนมาเป็นการต่อรอง เมื่อเห็นนางยังดึงดันที่จะหย่ากับเขา “ไม่! สิบวันนี้ท่านกับข้าอย่าได้พบกันอีก ข้าจะกลับมาที่นี่เมื่อครบกำหนด เตรียมจดหมายหย่าและเงินเอาไว้ให้พร้อมก็พอ แต่ถ้าไม่… สิ่งที่ท่านวาดหวังไว้จะพังทลายลงทันที” สิ้นคำร่างเล็กก็หมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้ผู้เป็นสามียืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม “เสวี่ยเอ๋อร์ ในเมื่อนางดื้อรั้นอยากหย่า เช่นนั้นก็ทำตามความต้องการของนางเถิดนะลูก” จ้าวฮูหยินยกมือลูบแขนบุตรชาย “หย่าหรือ! ช่างพูดง่ายเหลือเกินนะท่านแม่ ข้ากับนางคบหากันจนกระทั่งแต่งงาน หากมิใช่ว่านางรอให้ข้ามีตำแหน่งที่ดี ป่านนี้เราก็มีลูกกันสองสามคนแล้วกระมัง ข้ารักเหอหลันถิง ท่านได้ยินหรือไม่ ข้ารักนาง ข้าไม่มีวันหย่า!!” เสวี่ยอี้หันมาคำรามใส่มารดา ผู้เป็นบิดาจึงรีบโบกมือไล่บ่าวไพร่ที่ยังอยู่ออกไปเสีย “แต่เท่าที่เห็นนางไม่ได้รักท่านพี่แล้ว มิเช่นนั้นนางจะเสียงแข็งเช่นนี้หรือ ข้าว่าหย่าขาดจากนางเสีย วันหน้าท่านได้ตำแหน่งที่ดี ต้องมีสตรีชั้นสูงอยากตบแต่งเข้ามาในจวนเราแน่” จ้าวจินเซียงแทรกขึ้นมา จึงได้เห็นสายตาคมดุของพี่ชายที่เผยความแข็งกร้าวใส่ เสวี่ยอี้จ้องหน้าน้องสาวพร้อมกับขบกรามแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงรอดไรฟัน “เช่นนั้นเจ้ามีเงินคืนนางหรือ ที่สำคัญเจ้าสามารถสอนภาษาต่างแดนให้ข้าได้หรือไม่ หากเจ้าทำสองอย่างนี้ได้ข้าจะหย่ากับนางทันที” เขาจ้องหน้าน้องสาวอย่างกับจะกินเนื้อนาง “ขะ… ข้าจะไปมีหมื่นตำลึงเงินได้เยี่ยงไร แล้วสะ… สอนภาษาอะไรนั่น มันอะไรกัน… หรือท่านพี่จะบอกว่าที่พูดภาษาต่างแดนได้ เป็นเพราะนางสอนหรือ นี่ท่านรักหลงนางจนยอมยกความดีให้ทุกอย่างเลยกระนั้นหรือ ท่านบ้าไปแล้ว” สิ้นคำนางก็เดินกระแทกเท้าตรงกลับไปยังเรือนพักของตนอย่างขัดใจ “เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะเจ้า!!” เสวี่ยอี้คำรามตามหลังน้องสาวอย่างเหลืออด ใช่… หากจินเซียงไม่ลดอาหารที่ส่งไปยังเรือนของเหอหลันถิง นางก็คงไม่มาที่นี่ พอมาเห็นความโอ่อ่าของจวน ภรรยาตัวน้อยก็เกิดความน้อยใจขึ้นมา สุดท้ายก็ขอหย่าขาดจากเขา “ข้าจะไปรับนางมาอยู่ด้วย” ร่างสูงตั้งท่าจะก้าวออกไป “ไม่ได้นะเสวี่ยเอ๋อร์ อย่าลืมสิว่าท่านซินแสกล่าวว่าอย่างไร หากเจ้าพานางมาอยู่ด้วย หน้าที่การงานเจ้าต้องเกิดปัญหาแน่ แม่ว่าปล่อยนางไปเถิดนะลูก ประเดี๋ยวแม่จะให้ท่านพ่อไปกู้ยืมเงินมาคืนนาง ส่วนเรื่องภาษาอะไรนั่น จะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่นางสอนจะใช้การได้จริง ๆ เจ้ายังไม่เคยคุยกับคนต่างแดนเลยมิใช่หรือ” ประโยคทักท้วงของมารดาทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวชะงักทันที ใช่… เขายังไม่เคยได้พูดกับคนต่างแดนเลยสักครา เพราะหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมายล้วนแต่อยู่ในกรมมากกว่า ยามต้อนรับคณะทูตจากต่างแดน ก็มีแต่เจ้ากรมพิธีการที่ได้รับเชิญ ส่วนเขาเป็นแค่หัวหน้าผู้ดูแลในกรม ไม่มีหน้าที่วุ่นวายตรงนั้น “ลูกแม่ นางอาจจะใช้เรื่องนี้เพื่อรั้งเจ้าไว้ก็ได้นะ เจ้าอย่าได้วางใจเป็นอันขาด” เมื่อเห็นบุตรชายมีท่าทางลังเลจ้าวฮูหยินก็รีบ กล่าวโน้มน้าวเหมือนที่เคยทำเช่นทุกครั้ง ซึ่งมันก็ได้ผลอีกตามเคย จ้าวเสวี่ยอี้จึงหยุดความคิดที่จะกลับไปตามงอนง้อภรรยา แต่เดินกลับเข้าเรือนพักของตนแทน โดยมีบิดามารดาเข้าไปพูดเกลี้ยกล่อมเขาเรื่องหย่า เพราะนี่คือโอกาสดีที่ไม่ควรพลาด ทว่าพอได้พูดคุยกัน สองสามีภรรยากลับมีท่าทางเปลี่ยนไป “เหอหลันถิง คืออาจารย์ที่ช่วยให้ลูกสอบได้เคอจี่ และต่อมาก็ช่วยให้ลูกสอบได้ปังเหยียนกระนั้นหรือ” ผู้เป็นบิดาย้ำ หลังจากได้ยินคำสารภาพของบุตรชาย “ขอรับ นางคืออาจารย์ที่สอนลูกทุกอย่างตั้งแต่เรื่อง บทกวี การเรียบเรียงประโยค การปกครองและกฏหมายที่ควรมีในภายหน้า นางเป็นคนสอนลูกทั้งหมด เพราะเหตุนี้ลูกจึงสอบผ่านมาได้” “จะ… จริงหรือ นางเป็นแค่หญิงสาวที่ไม่ได้ร่ำเรียนหนังสือ เหตุใดมีความรู้มากมายเพียงนี้เล่า” ผู้เป็นมารดาไม่ค่อยเชื่อนัก “ลูกเองก็เคยสงสัย ทว่าถามนางไป หลันถิงก็เอ่ยว่าทุกอย่างมันหลั่งไหลเข้ามาในหัวเอง ลูกจึงไม่ได้ซักไซ้ คิดว่ามันอาจจะเป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เกิดก็เป็นได้” “เพราะเหตุนี้ เจ้าจึงไม่อยากหย่ากับนางใช่หรือไม่” “หลันถิงเป็นภรรยาของลูกนะท่านแม่ เราอยู่กินกันมาถึงสองปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นางมีบุญคุณกับสกุลจ้าวของเรามาก บอกให้หย่าก็หย่าเลยมันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกขอรับ” “ลูกรักนาง… หรือเกรงว่าภายหน้าหากไม่มีเหอหลันถิงช่วยชี้แนะ หน้าที่การงานของเจ้าอาจจะไม่ขยับขึ้นกันแน่” คำถามของบิดาช่างแทงใจดำบุตรชายยิ่งนัก เพราะเขารู้ตัวดีว่าตนไม่ใช่คนฉลาด จ้าวเสวี่ยอี้นิ่งไปพักหนึ่ง เขากำลังเฝ้าถามตนเองว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร เขารักนางมากจนไม่ยอมเสียไป หรือเป็นเพราะความฉลาดเฉลียวของนางมันรั้งเขาเอาไว้จนไม่อาจปล่อยไปได้กันแน่ “เอาเถอะ เจ้ายังมีเวลาอีกหลายวันให้ตัดสินใจ แต่อย่าลืมว่าคนเราต้องพึ่งตนเอง มันจึงจะเป็นทางรอดที่มั่นคง” จ้าวเฉินหรงยังคงเตือนสติบุตรชายของตน ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันออกไป เสวี่ยอี้จึงเดินกลับมานั่งที่เตียงก่อนจะเอนตัวลงนอนมองเพดานด้านบน พร้อมยกมือขึ้นก่ายหน้าผากเอาไว้ด้วย ทว่าสิ่งที่เขาครุ่นคิดกลับไม่ใช่เรื่องที่บิดามารดากล่าวถึง แต่เป็นพฤติกรรมของ ภรรยาตัวน้อยที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนต่างหาก จู่ ๆ นางก็มีท่าทีแข็งกร้าวใส่เขา ราวกับโกรธแค้นกันนักหนา ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดนางจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่หลันถิง” จ้าวเสวี่ยอี้ยังคงครุ่นคิด ถึงท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือของภรรยา ทว่าผู้ที่กลับมายังเรือนของตนตั้งแต่สองเค่อก่อน กำลังเก็บข้าวของเพื่อไปหาที่อยู่ใหม่ เพราะนางไม่อยากอยู่ใกล้สามีอีกแล้ว หลันถิงเกรงว่าจ้าวเสวี่ยอี้อาจจะลงมือสังหารนางอีกครั้ง เพื่อตัดปัญหาทุกอย่างเหมือนชาติก่อน นางจะไม่ยอมอยู่เฉยให้ใครมาเอาชีวิตไปแน่ อย่างน้อยก็ขอไปตายเอาดาบหน้ายังจะดีกว่า “ฮูหยินจะหย่าจริง ๆ หรือเจ้าคะ” ชิงชิวเอ่ยถามเสียงเบา หลังจากได้ยินคำพูดหนักแน่นของผู้เป็นนาย “หากพี่สองคนไม่อยากไปกับข้าก็อยู่ที่นี่ต่อ ข้าไม่ว่า” เงยหน้าขึ้นมามองทั้งคู่ที่มีสีหน้าเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย “บ่าวจะขอติดตามฮูหยินเจ้าค่ะ” ชิงชิวรีบเอ่ย “บ่าวจะติดตามฮูหยินเช่นกันเจ้าค่ะ ท่านเป็นคนช่วยเราสองคนจากพวกพ่อค้าทาส เราถึงมีชีวิตที่ดีอย่างเช่นทุกวันนี้ ไหนเลยจะทอดทิ้งท่านยามลำบากได้” ลี่อันกล่าวขึ้นบ้าง “ขอบใจพี่ทั้งสองมาก ไม่ต้องห่วง ข้ายังมีเงินเก็บ ไม่ได้โง่ถึงขั้นมอบให้สกุลจ้าวไปทั้งหมด อย่างไรพวกเราก็ไม่มีทางลำบากแน่ พี่สองคนสบายใจได้เลย” หลันถิงเอ่ยบอกก่อนจะยิ้มบาง ใช่… แม้เหอหลันถิงจะรักจ้าวเสวี่ยอี้มาก ทว่านางก็ยังมีบางส่วนที่เก็บออมเอาไว้ยามจำเป็น ใช่ว่าจะมอบให้สามีจนหมดและตั้งแต่จ้าวเสวี่ยอี้ได้เป็นขุนนาง เขาก็มอบเงินส่วนหนึ่งให้ภรรยาไว้ใช้ ไม่รู้เป็นเพราะหน้าที่หรือสำนึกได้กันแน่ เขาถึงทำเช่นนี้… นางจึงมีเงินส่วนหนึ่งที่พอทำทุนได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม