7. จดหมายหย่าเท่านั้น

1786 คำ
หลังจากแขกมาเยือนกลับไปแล้ว เสวี่ยอี้ก็รั้งเอาร่างของภรรยานั่งลงอีกครั้ง แววตาเขายังคงเศร้าหม่นเช่นเคย “พี่จะให้คนเก็บของเจ้าย้ายมาอยู่ที่นี่นะ” เอ่ยบอกเสียงอ่อนโยน ทว่าถ้อยคำนี้ไม่อาจทำให้คนที่เคยบอบช้ำมาใจอ่อนได้เลย ความเจ็บแต่หนหลังมันยังคอยย้ำเตือนนางอยู่เสมอ “ข้าต้องการเพียงจดหมายหย่าและสมบัติครึ่งหนึ่งของข้าคืน หากท่านหามาคืนข้าไม่ได้ เช่นนั้นก็รอขึ้นศาลพร้อมกับข้าก็แล้วกัน” หญิงสาวยังคงยืนยันคำเดิม ก่อนจะขยับลุกขึ้นจ้องหน้าสามีนิ่ง “พี่บอกแล้วว่าจะไม่หย่า… ไยเจ้าไม่รู้จักฟัง” เสวี่ยอี้เบือนหน้าหนี น้ำเสียงกลับแข็งกร้าวขึ้นอย่างชัดเจน “ท่านพี่! นางอยากหย่าก็หย่าให้นางไปเลย ก็แค่หญิงกำพร้าไร้ค่า ท่านจะไปรั้งไว้ทำไมกัน” จ้าวจินเซียงยังคงแผดเสียงอย่างไม่ชอบใจ และครานี้ผู้เป็นมารดาก็เห็นดีด้วยจึงกล่าวว่า “นั่นสิเสวี่ยเอ๋อร์ หากหลันถิงไม่อยากเป็นภรรยาลูกแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็หย่าให้นางเถิดนะ” ผู้เป็นมารดารีบแนะ เพราะตั้งแต่บุตรสาวคนเล็กพาหลี่ซุนซื่อมาที่จวน นางก็นึกอยากได้คุณหนูผู้สูงศักดิ์คนนี้มาเป็นสะใภ้ ด้วยใจที่ทะเยอทะยาน หากสะใภ้ไร้สกุลอย่างเหอหลันถิงยอมหย่าและจากไปแต่โดยดี ก็ถือว่าเข้าทางของพวกนางแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลากำจัดให้ยุ่งยาก “ข้าบอกว่าไม่หย่า ก็คือไม่หย่า ต่อไปห้ามเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก” กล่าวแล้วใต้เท้าหนุ่มก็ลุกพรวดขึ้น หมายจะเดินจากปัญหาตรงนี้เสีย “ช้าก่อนจ้าวเสวี่ยอี้ ที่ท่านไม่ยอมหย่าให้ข้า ก็เพราะไม่มีสมบัติคืนข้าแล้วใช่หรือไม่ หรือเป็นเพราะท่านยังใช้ประโยชน์จากข้าไม่พอ ถึงต้องรั้งเอาไว้เช่นนี้” ร่างอรชรลุกขึ้นพร้อมกับดึงแขนอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้ากัน ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จ้องมา “ประโยชน์อะไร! เจ้าพูดให้มันดีดี คนเช่นเจ้าจะมีประโยชน์ใดต่อพี่ชายข้า” จ้าวจินเซียงยังคงแผดเสียงใส่ แววตานางยามนี้มาดร้ายต่อสตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้นัก “ถามพี่ชายเจ้าดูสิ” ตอบเสียงหยันก่อนจะหันมาหาสามีที่มีสีหน้าเจื่อนลงไปถนัดตา “ท่านกล้ายอมรับกับทุกคนหรือไม่จ้าวเสวี่ยอี้” น้ำเสียงนางปนความเย้ยหยันอย่างชัดเจน เมื่อเห็นท่าทางสามีที่นิ่งงันไป บนกรอบหน้าก็เริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดซึมออกมา “กลับไปคุยกันที่ห้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งแขนนางพาเดินออกมาตรงกลับไปที่เรือนนอนของตนในทันที “ปล่อยข้า! เสวี่ยอี้! มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” เสียงใสตวาดลั่นลานกว้างหน้าห้องโถงของจวน นำพาให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่ทั้งคู่ในทันที รวมถึงคนที่อยู่ด้านในก็รีบก้าวออกมาดู “หลันถิงอย่าดื้อ ไยไม่รู้จักเชื่อฟังเช่นแต่ก่อนฮึ” ผู้เป็นสามีหันมาตำหนิภรรยาตัวน้อยของตนทันที เมื่อเห็นนางขืนตัวไม่ยอมเดินตามมา ทำให้เขาต้องออกแรงดึงรั้งมากขึ้นอีก “ข้าบอกให้ปล่อย!!” เหอหลันถิงยังคงต่อต้านเขา ทว่าผู้เป็นสามีนั้นหาได้ยอมหยุดไม่ เขายังคงลากนางให้เดินต่อ ในเมื่อพูดดีดีไม่ฟัง เช่นนั้นก็อย่าหาว่านางใจร้ายเลย… มืออีกข้างจึงดึงปิ่นบนหัวออกมา ก่อนจะใช้มันปักลงที่ต้นแขนของสามีเต็มแรงแล้วดึงออกในทันที จ้าวเสวี่ยอี้จึงรีบปล่อยมือ “ตายแล้ว!! เหอหลันถิงนี่เจ้ากล้าทำร้ายลูกข้าหรือ มันจะมากไปแล้วนะ” จ้าวฮูหยินแผดเสียงลั่นจวน พร้อมกับวิ่งเข้ามาดูบุตรชาย โดยมีสามีและบุตรสาววิ่งตามมาด้วย “เจ้ากล้าทำพี่ข้า” จ้าวจินเซียงง้างมือหมายจะตบพี่สะใภ้ ทว่าอีกฝ่ายง้างมือที่ถือปิ่นชูใส่เช่นกัน ร่างอรชรของคุณหนูเล็กจึงถอยกรูดกลับไปหาบิดาที่ยืนตาแข็งกร้าวด้วยอารมณ์โกรธ “ข้าจะแจ้งทางการ เจ้าทำร้ายสามี จับตัวนางไว้ เอาไปส่งให้ทางการ” จ้าวฮูหยินยังคงไม่ยอม “ใครกล้าก็ลองดู” ปลายแหลมของปิ่นที่ยังมีคราบของเหลวสีแดงถูกยกชี้หน้าเหล่าบริวารของจวนสกุลจ้าวทันที “พวกเจ้าคงไม่รู้สินะ เงินที่พวกเจ้ากินใช้บางส่วนล้วนแต่เป็นเงินของข้าครึ่งหนึ่ง คิดหรือว่าสกุลจ้าวมีสมบัติเลี้ยงดูพวกเจ้า เงินเดือนขุนนางขั้นเจ็ดมันจะได้สักกี่แดงกันเชียว แค่ซื้ออาหารประทังไปแต่ละเดือนยังแทบไม่พอ คิดว่าคนสกุลนี้ร่ำรวยก่อนจะมาอยู่เมืองหลวงหรือ จวนใหญ่โตนี้ก็เงินข้าทั้งนั้น เงินที่พวกเจ้ากินอยู่ก็เงินของข้า จ้าวเสวี่ยอี้ เจ้ากล้าพูดต่อหน้าคนเหล่านี้หรือไม่ว่า เรื่องที่ข้ากล่าวมาล้วนแต่เป็นเท็จ ภาพลักษณ์ที่พวกเจ้าสร้างมันล้วนแต่จอมปลอมทั้งนั้น” ประโยคสุดท้ายนางหันมาหาสามีของตนที่ยืนนิ่งกุมแขนที่อาบโลหิตเอาไว้ พร้อมกับมองนางเหมือนคนไม่รู้จัก ทว่าสิ่งที่เขาตอบกลับมามันก็ทำให้เหอหลันถิงนิ่งไปเช่นกัน “ใช่… สกุลจ้าวข้ามีแต่เปลือก ที่มีทุกวันนี้ได้ ก็ล้วนแต่ฮูหยินข้าผู้นี้ให้การสนับสนุน นางอยู่ข้างกายข้าตั้งแต่ข้ายังเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาในตำบลนอกเมือง นางยอมสละเวลาดูแลข้าจนกระทั่งสอบผ่านเคอจี่ จากนั้นยังพาข้ามาสอบจอหงวนที่เมืองหลวง จนได้เป็นขุนนางในทุกวันนี้” สิ้นคำร่างสูงก็ทรุดตัวคุกเข่าลง “ทว่าข้าทำผิดต่อนาง ทิ้งนางอยู่ที่เรือนนอกลำพัง” ใบหน้าคมคายก้มลงมองพื้นดินอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะเงยขึ้นมองภรรยา “หลันถิง ที่ผ่านมา พี่ทำร้ายเจ้าไว้มากนัก แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ เรื่องให้เจ้าอยู่เรือนนอกก็เป็นเพราะคำทำนายของซินแส ส่วนเรื่องข้าวปลาอาหาร น้องเล็กเป็นคนจัดการดูแลบ้านเรือน พี่ไม่ได้ก้าวก่ายตรงนี้จึงไม่รู้ว่านางรังแกเจ้า” “พี่ใหญ่!... ไยท่านต่อว่าข้า” “จินเซียงคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ หลันถิงเป็นพี่สะใภ้ เจ้าเป็นเพียงน้องสาวสามารถลามปามได้กระนั้นหรือ คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” “ข้าไม่ทำ!” นางแผดเสียใส่ทันที “หากไม่ทำก็เก็บข้าวของออกไปจากจวนเสีย” เสวี่ยอี้ยื่นคำขาดเสียงดัง เป็นเหตุให้น้องสาวต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ต้องขนาดนี้เลยหรือ เช่นนั้นพ่อกับแม่ก็คงต้องทำตามด้วยสินะ ถึงจะสาสมกับบุญคุณของลูกสะใภ้” จ้าวฮูหยินเอ่ยประชด และตั้งท่าจะคุกเข่าลง พร้อมกันนั้นก็ดึงสามีให้ตามลงมาด้วย “หึ! อยากคุกเข่าหรือทำอะไรก็ทำไป ทว่าอีกสิบวันข้าต้องได้จดหมายหย่าและสมบัติครึ่งหนึ่งของข้าคืน ถือว่าข้าปรานีคนสกุลจ้าวมากแล้ว ที่ไม่ได้เอาคืนมาทั้งหมด ถ้ายังคิดยึกยักไม่ยอม ข้าจะไปตีกลองร้องทุกข์ที่ศาลต้าหลี่ ถึงยามนั้นตำแหน่งหน้าที่ขุนนางของท่านต้องพังพินาศแน่จ้าวเสวี่ยอี้” แววตาที่สื่อออกมาฉายแววจริงจังจนร่างแกร่งถึงกับทรุดนั่งแหมะ นี่มันอะไรกัน… จู่ ๆ เหอหลันถิงก็ลุกมาต่อต้านโดยไม่ยอมผ่อนปรนเลยสักนิด นางยังคงยืนกรานที่จะหย่าท่าเดียว หรือนางโกรธที่เขาอยู่สุขสบายที่นี่แต่ทิ้งนางไว้ในเรือนนอก… ไม่ได้! ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมหย่ากับนาง… เขารักหลันถิง รักตั้งแต่แรกเห็น ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมปล่อยนางไปแน่ ที่สำคัญสตรีที่เฉลียวฉลาดอย่างเหอหลันถิงมิใช่หาได้ง่าย ๆ นางรู้ภาษาต่างชาติ ยามนี้นางก็กำลังสอนให้เขาพูด เมื่อเลิกงานมาเสวี่ยอี้จะไปหานางทุกวัน แม้ไม่ได้ค้างคืน ทว่าเขาก็ยังแอบไปหาไม่เคยขาด ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาต่างแดน เพื่อใช้ในหน้าที่การงานของตน ซึ่งมันเป็นประโยชน์มากเลยทีเดียว เพราะคนในราชสำนักแทบจะไม่รู้วิธีคุยกับต่างชาติเลย การที่เขามีความสามารถเช่นนี้ ย่อมเหนือกว่าผู้อื่นเป็นเท่าตัว ถ้าหากปล่อยนางให้หลุดมือไปก่อนที่เขาจะเรียนรู้ได้สำเร็จ ย่อมถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรักนางอยู่ ทว่านางก็เสียงแข็งนัก เขาควรทำเยี่ยงไรดีแล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้นางเปลี่ยนไป แววตาที่มองเขาก็ไม่เหมือนเดิม มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…. จ้าวเสวี่ยอี้มองสบตาฮูหยินตนอย่างไม่เข้าใจ เพียงแค่คืนเดียวไยนางจึงเปลี่ยนไปมากเพียงนี้ จากสตรีที่ว่านอนสอนง่าย กลับกลายเป็นแข็งกร้าวมิหนำซ้ำนางยังลงไม้ลงมือกับเขาอีก เมื่อใช้ทุกวิธีแล้ว คนตรงหน้าก็ยังไม่ยอมใจอ่อน ใต้เท้าหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินเข้ามายืนเผชิญหน้ากับนาง “มันเกิดอะไรขึ้น ไยเจ้าถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้” เขาเอ่ยเสียงเครือ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบแก้มเนียนแผ่วเบา “บอกพี่ได้หรือไม่ พี่ทำผิดร้ายแรงอันใด นอกจากไม่ยอมให้เจ้าเข้ามาอยู่ในจวนด้วย ยังมีเรื่องใดอีกที่พี่ทำผิดต่อเจ้า หรือเรื่องที่พี่ไม่ยอมยกย่องเจ้าเป็นฮูหยิน บัดนี้พี่ก็บอกกับทุกคนแล้วเห็นหรือไม่ หากเจ้าอยากให้พี่จัดงานเลี้ยง พี่ก็ยินดีทำนะหลันถิง ขอเพียงแค่เจ้าอย่าได้คิดหย่าเป็นพอ พี่ยังคงรักเจ้านะ” สิ้นคำเขาก็กอดนางไว้ ตามมาด้วยเสียงสะอื้นแผ่วเบา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม