6. ทวงคืน /2

1697 คำ
เสวี่ยอี้ชะงัก “หลันถิง พี่ไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น” “แล้วท่านหมายความว่าอย่างไร? หากชะตาข้าเป็นอย่างที่พวกท่านว่า แล้วการที่ผลานสมบัติข้า พวกท่านไม่เกรงความโชคร้ายจะวนมาสู่ตัวหรือ” น้ำเสียงนางยังเรียบสงบ หากแต่คมกริบ “จ้าวเสวี่ยอี้ ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าใครกันที่ทำให้ท่านมีวันนี้ขึ้นมา หากไม่มีทรัพย์สมบัติของข้า มีหรือท่านจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงอย่างสุขสบาย หากไม่มีข้า… ท่านจะสอบเคอจี่ได้อันดับหนึ่งกระนั้นหรือ” น้ำเสียงของนางหาได้ปนการหยอกล้อไม่ เสวี่ยอี้นิ่งงันไปในทันที ทุกถ้อยคำของภรรยาล้วนแต่จริงทุกอย่าง หากไม่ได้สมบัตินางจุนเจือครอบครัวตกอับของพวกเขา สกุลจ้าวก็คงไม่มีวันนี้ อย่าว่าแต่เดินทางมาสอบจอหงวนในเมืองหลวงเลย แค่จะใช้ชีวิตดีดีที่บ้านเกิดยังไม่อาจทำได้ เพราะครอบครัวเขาถือว่าอยู่ในฐานะที่ยากจน ต่างจากครอบครัวหลันถิงนัก “พี่เพียงต้องการปกป้องเจ้าและอนาคตของเรา...” ผู้เป็นสามีเอ่ยเสียงแผ่ว แววตาหม่นลงอย่างชัดเจน เหอหลันถิงหัวเราะเบา ๆ ทว่าไร้ความขบขัน “ปกป้องโดยการบอกทุกคนว่าข้าคือ ‘อนุ’ อย่างนั้นหรือ?” เสวี่ยอี้อ้าปากหมายจะเอ่ยคำแก้ตัวอีกหน ทว่า… “หากท่านพี่ไม่อาจบอกใครได้ว่าข้าคือฮูหยิน เช่นนั้น…” ถ้อยคำขาดหายไปราวกับกำลังชั่งใจ “เจ้าจะพูดอะไร...” เสวี่ยอี้รีบจี้ถาม ผู้เป็นภรรยาจึงเผยยิ้มบางพร้อมกับมองสบตาเขา จากนั้นนางก็เอ่ยด้วยเสียงเรียบเย็นชาราวกับคนไร้หัวใจ “ข้าต้องการหย่า และสกุลจ้าวต้องเอาสมบัติมาคืนข้าทั้งหมด” เสวี่ยอี้นิ่งงันไม่ต่างจากบิดามารดา “หึ! คิดมากทำไมกัน ใจท่านไม่คิดจะให้ข้าเป็นฮูหยินนานแล้วมิใช่หรือ สตรีที่ไม่อาจเชิดชูฐานะขุนนางได้จะเลี้ยงไว้ทำไม คืนทุกอย่างมาให้ข้า แล้วข้าจะจากไปแต่โดยดี” แม้จะเอ่ยเสียงแข็ง ทว่าในใจหลันถิงกลับวูบไหว ทว่านางก็พยายามสะกัดกั้นเอาไว้ “พี่ไม่เคยคิดทำอย่างที่เจ้ากล่าวเลยนะหลันถิง” เอ่ยพร้อมกับเอื้อมมือออกมากุมมือขาวอีกครั้ง ทว่าครานี้นางชักมือกลับทันที “เลือกเอาเถิดจ้าวเสวี่ยอี้ ท่านจะหย่าดีดีหรือจะให้ข้าป่าวประกาศให้ผู้คนได้รู้” เหอหลันถิงเผยยิ้มบางในเวลาต่อมา แววตาที่เคยวูบไหวบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอีกแล้ว “ข้าไม่อยากเกี่ยวข้องกับท่านอีก ฉะนั้นทำตามที่ข้าบอก” นางยังคงยืนยันคำเดิม ต่อให้สามีส่งสายตาอ้อนวอนก็ไม่อ่อนลง บรรยากาศภายในห้องโถงหนักอึ้ง เปรียบประดุจทุกสิ่งอย่างได้หยุดนิ่ง มีเพียงแววตาแน่วแน่ของหญิงสาวที่ประกาศชัด... นางจะไม่มีวันยอมใช้ชีวิตคู่กับคนผู้นี้อีกแล้ว... บัดนี้หูตานางสว่างขึ้นมาก ย่อมไม่คิดจะหวนกลับไปอยู่ในวังวนเก่า ๆ ต่อให้การหย่านี้จะสร้างผลกระทบให้กับตนเองในวันหน้าก็ตาม เพราะสตรีหม้ายมักจะถูกมองเป็นตัวกาลกิณีไม่มีใครต้องการทว่าเหอหลันถิงก็ยินดีจะเผชิญหน้ากับมัน ดีกว่าจมอยู่กับโชคชะตาเก่า ที่อาจจะวนกลับมาซ้ำรอยเดิมให้ต้องเจ็บปวดใจอีก “ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากันดีกว่านะลูกสะใภ้ เจ้าเป็นสตรี หากหย่าขาดจากสามีก็มีแต่จะถูกครหามิรู้หรือ ภายหน้าใครจะยอมรับเข้าสกุล” ครานี้จ้าวเฉินหรงบิดาของเสวี่ยอี้เอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น เมื่อดูสถานการณ์แล้วน่าจะเป็นฝ่ายของพวกตนที่เสียเปรียบ หากเรื่องนี้คนภายนอกล่วงรู้ต้องอับอายจนต้องแทรกแผ่นดินหนีเป็นแน่ ใช้สมบัติจากสตรีกำพร้ามาเชิดชูครอบครัวตนเอง หากราชสำนักล่วงรู้ถึงเรื่องภายในสกุลจ้าว ไม่แน่ตำแหน่งของบุตรชายอาจสั่นคลอนไปด้วย การสร้างฐานอำนาจของสกุลจ้าวคงต้องพังลงในพริบตา ฉะนั้นพวกเขาจำต้องกล่อมนางให้ใจเย็น “นะ… นั่นสิ ค่อย ๆ คุยกันนะลูก” จ้าวฮูหยินเอ่ยบ้าง หลันถิงยกยิ้มเมื่อเห็นท่าทางอ่อนลงของคนตระกูลนี้ ช่างน่าสะอิดสะเอียนเสียจริง นึกไม่ถึงว่านางจะหลงเชื่อมาได้ถึงสี่ปี “หลันถิงพี่ไม่มีทางหย่ากับเจ้า อย่าได้คิดเรื่องนี้อีกเข้าใจหรือไม่” น้ำเสียงผู้เป็นสามีหนักแน่นมาก แววตาเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อน ทว่าบัดนี้มันกลับไม่เพียงพอให้เหอหลันถิงเชื่อใจอีกแล้ว วันนี้เขายังไม่เปลี่ยน ทว่าอีกไม่ถึงปีต่อจากนี้เขาจะกลายเป็นคนละคน นางไม่มีทางรอให้มันเกิดขึ้นแน่ “แต่ข้าต้องการหย่า หากท่านไม่มีสมบัติคืนข้า เช่นนั้นก็หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงเงินมาคืนข้าพร้อมกับจดหมายหย่า หากข้าไม่ได้สองสิ่งนี้ภายในสิบวัน อย่าหาว่าข้าใจดำ” สิ้นคำร่างอรชรก็ขยับกายลุกขึ้น ก่อนจะกวาดตามองบิดามารดาสามีที่นั่งอึ้งอ้าปากค้าง “ไยเจ้าต้องยื่นคำขาดเพียงนี้” เสวี่ยอี้ลุกตามพร้อมกับรั้งต้นแขนนางไว้ “ถึงพี่ให้เจ้าอยู่เรือนนอก แต่พี่ยังไปหาเจ้าทุกวันมิใช่หรือ อีกอย่างพี่ก็ดูแลเจ้าอย่างดี ไยเจ้าจึงคิดจะหย่า” ใต้เท้าหนุ่มเริ่มหาเหตุผลมาหักล้างเพื่อให้นางใจเย็นลง “ดูแลดีหรือ แม้แต่ข้าวปลาอาหารข้ายังต้องหาซื้อเข้าเรือนเอง ดูอาภรณ์ที่ข้าสวมใส่สิ มันเหมือนที่พวกท่านมีหรือไม่ นี่หรือการดูแลของคนสกุลจ้าวที่ตอบแทนต่อผู้ที่ค้ำชูสกุลตน” หลันถิงแผดเสียงใส่อย่างเหลืออด ก่อนที่ใครบางคนจะเข้ามาขัด “เหอหลันถิง! พูดจาให้มันดีดี เจ้ามันก็แค่สตรีกำพร้าที่เข้ามาเกาะพี่ชายข้าไม่ยอมปล่อย คิดว่าตนเองมีบุญคุณต่อสกุลจ้าวมากนักหรือ กะอีแค่เสียสละสมบัติไม่ถึงร้อยตำลึงเงิน กล้ามาเรียกคืนจากครอบครัวข้าเป็นหมื่น ช่างไม่รู้จักอายเสียเลย ดีแค่ไหนที่ข้ายังให้คนส่งอาหารให้เรือนเจ้า ต่อไปข้าจะไม่ให้คนส่งอาหารให้อีก เจ้าคอยดูเอาเถอะ…” ผู้มาใหม่แผดเสียงใส่ไม่ต่างกัน นางคือ จ้าวจินเซียง น้องสาวของจ้าวเสวี่ยอี้มีอายุสิบหกปี ทว่านางไม่ได้เข้ามาเพียงคนเดียว ยังมีคุณหนูหลี่ซุนซื่อตามมาด้วย “จินเซียงหุบปากของเจ้าบัดเดี๋ยวนี้” เสวี่ยอี้หันมาตวาดน้องสาวตนทันที ก่อนจะหันมาหาภรรยาตนที่ยืนนิ่ง ทว่าดวงตาคู่งามกำลังมองไปยังผู้มาเยือนที่เขาพึ่งได้พบหน้าเพียงแค่สองครา “หลันถิง อย่าถือสาน้องเล็กเลยนะ” เสวี่ยอี้ยกมือขึ้นรั้งไหล่ทั้งสองข้างจับนางหันมาสบตากัน “เรื่องนี้เอาไว้เราตกลงกันสองคนดีกว่า มาเถอะไปกับพี่” สิ้นคำมือเรียวก็เลื่อนลงมากุมมือนาง ทว่าหลันถิงก็ยังคงชักมือออกไม่ให้เขาจับเช่นเคย นางเดินเบี่ยงออกจากเขา เพื่อเดินมาหาจ้าวจินเซียง ซึ่งบัดนี้ยืนลอยหน้ามองพี่สะใภ้ตนด้วยท่าทางเย้ยหยัน ไร้ซึ่งการเคารพและยกยิ้มอย่างท้าทาย “เจ้าคือคนสั่งตัดอาหารในเรือนข้าหรือ” “ใช่! ข้าคือคนดูแลทุกอย่างในจวนนี้ รู้แล้วก็เจียมตัวเสีย” เพี้ยะ!... ฝ่ามือขาวกระทบลงใบหน้างามของน้องสาวสามีทันที “เหอหลันถิง! นี่เจ้ากล้าตบข้าหรือ” จินเซียงตวาดพี่สะใภ้ตนดังลั่นห้อง พร้อมกับตั้งท่าจะเอาคืน ทว่ามารดากลับรั้งเอาไว้ หลันถิงจึงยกยิ้มมองน้องสาวสามีด้วยแววตาเย้ยหยัน “โทษฐานที่เจ้าไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่อย่างไรล่ะ ต่อให้ข้าเป็นเพียงอนุอย่างที่พี่ชายเจ้าป่าวประกาศ ถึงกระนั้นข้าก็คือพี่สะใภ้ของเจ้า ตบสั่งสอนเพียงหนึ่งที ถือว่าข้าปรานีเจ้ามากแล้วรู้หรือไม่” “นี่เจ้า!.. นังคนชั้นต่ำกล้าทำร้ายข้าหรือ” ชี้หน้าก่นด่าอีกหน “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ ไยพวกท่านปล่อยให้นางต่อว่าข้าเช่นนี้ นางถือดีอันใดกันก็แค่สตรีกำพร้าที่เข้ามาเกาะสกุลเราเท่านั้น” “นั่นสิท่านอาทั้งสอง ไยปล่อยให้หญิงไร้สกุลผู้นี้เหยียบย่ำเกียรติของบุตรสาวตนเองได้ พี่เสวี่ย… ทำเช่นนี้ไม่ถูกนะเจ้าคะ ถึงนางจะเป็นภรรยาแต่ก็เป็นเพียงอนุเท่านั้น นางไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนี้” “เหอหลันถิงคือฮูหยินที่ข้าตบแต่งอย่างถูกต้อง นางมีสิทธิ์จะสั่งสอนจินเซียงเทียบเท่ากับข้า ขอคุณหนูหลี่อย่าได้เข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้” จ้าวเสวี่ยอี้เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความตึงเครียด ภายในห้องโถงจึงสงัดลงในทันที… แม้แต่เหอหลันถิงยังนิ่งอึ้งในสิ่งที่ได้ยิน นี่เขากล้ายอมรับฐานะของนางต่อหน้าหลี่ซุนซื่อกระนั้นหรือ ทั้งที่อีกฝ่ายคือว่าที่ภรรยาในอนาคตที่เขาตัดสินใจจะแต่งเป็นภรรยาเอกในอีกหนึ่งปีข้างหน้า ทว่าเหตุใดเขาถึงเอ่ยโดยไม่เกรงนางจะเสียใจเลย… “เรื่องนี้เป็นปัญหาในครอบครัวข้า ขอเชิญคุณหนูหลี่กลับไปเสีย” เสวี่ยอี้ยังคงกล่าวขึ้นอีก แววตาที่มองอีกฝ่ายดูเฉยชาเป็นอย่างมาก หากสังเกตให้ดีจะเห็นถึงความหงุดหงิดรำคาญใจแฝงอยู่ #นิยายมี 58 ตอนนะคะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม