12. ถูกมัดมือชก

1783 คำ
“เสด็จน้า พูดอะไรกันเพคะ” ท่านหญิงเซียวรีบหลบสายตาผู้คนที่มองมาอย่างน่าเอ็นดู พร้อมกับยกมือตีที่แขนรุ่ยอ๋องแก้อาย ด้านจ้าวเสวี่ยอี้เผยยิ้มกับคำหยอกเย้าของรุ่ยอ๋อง พระอนุชาอีกพระองค์ของฮ่องเต้ ทว่าในใจเขากลับเกิดความกังวล “ท่านอ๋องกล่าวหนักไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมก็แค่ออกมาเที่ยวเป็นเพื่อนท่านหญิงกับน้องสาว และยังมีคุณหนูหลี่อีกคน ทว่ายามนี้พวกนางกำลังปล่อยโคมกันอยู่ อีกครู่หนึ่งคงเดินมาสบทบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าหนุ่มเอ่ยอย่างนอบน้อม แม้เขาจะทะเยอทะยาน ทว่าต่อหน้าท่านอ๋องทั้งสอง เรื่องเหล่านี้จะมาเอ่ยเล่นไม่ได้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าท่านหญิงเซียวเป็นแก้วตาดวงใจของคนในราชวงศ์ นางคือพระนัดดาของฮ่องเต้และท่านอ๋องที่ยืนอยู่ในยามนี้ และเป็นบุตรสาวคนเดียวขององค์หญิงใหญ่ “จริงหรือ? น้าคิดว่าเจ้ามากับเขาสองคนเสียอีก” “จะ… จริงเพคะ” เซียวซีรับคำติดขัด และก่อนที่พวกเขาจะได้กล่าวอันใดอีก ผู้ที่ถูกกล่าวถึงก็เดินตรงเข้ามาหา “ถวายพระพรรุ่ยอ๋องและฉินอ๋องเพคะ” หลี่ซุนซื่อผู้เข้าวังบ่อยครั้งย่อตัวอย่างนอบน้อม นางรู้จักท่านอ๋องทั้งสองพระองค์เป็นอย่างดี เพราะครั้งหนึ่งนางเคยหลงใหลฉินอ๋อง หากไม่มีกฏมณเฑียรบาลอันเคร่งครัดของบ้านเมืองมาขวาง ห้ามไม่ให้บุตรขุนนางชั้นสูงแต่งกับพระโอรสหรือพระธิดาในราชวงศ์ คาดว่านางคงได้เป็นพระชายาท่านอ๋องไปนานแล้วกระมัง ทว่าบัดนี้นางมีที่หมายใหม่แล้ว นั่นคือจ้าวเสวี่ยอี้ บุรุษที่มีอนาคตไกล และยังรูปงามไม่แพ้ฉินอ๋องชายหนุ่มที่นางเคยหลงใหล “ตามสบายเถอะ ข้าก็คิดว่าใต้เท้าจ้าวมาเที่ยวกับหลานข้าเพียงแค่สองคน เห็นเช่นนี้ข้าก็เบาใจขึ้นมาหน่อย เพราะข้าไม่อยากให้ผู้คนครหาหลานสาวข้าไปในทางที่ไม่ควร” ฉินอ๋องเอ่ยเสียงเรียบ แววตาที่เผยออกมาดูไม่ค่อยพอใจเป็นอย่างยิ่ง “เสด็จน้าฉินอ๋องกล่าวหนักไปแล้วนะเพคะ พี่เสวี่ยอี้ก็แค่พาหลานกับทุกคนมาเที่ยว ใครจะกล้าพูดถึงหลานในทางที่ไม่ดีเพคะ” ท่านหญิงเซียวรีบกล่าวแทนชายหนุ่มที่ตนพึงใจ “นั่นสิ มากันตั้งหลายคนจะถูกครหาได้เช่นไร” รุ่ยอ๋องรีบสำทับ ทว่าพอหันมาหาพระอนุชา ฉินอ๋องก็ยังทำหน้าขรึมอยู่ “ภายหน้าก็ไม่แน่ ทางที่ดีอย่าไปไหนมาไหนด้วยกันน่าจะดีกว่า ถือว่าข้าได้พูดแล้วนะ” ฉินอ๋องยังกล่าวเสียงแข็ง “เสด็จน้า…พี่เสวี่ยอี้ไม่ได้ทำผิดอันใดเลยนะเพ…” “ท่านอ๋องเตือนได้ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคือบุรุษที่แต่งงานแล้ว ไม่ควรไปไหนมาไหนกับท่านหญิงหรือสตรีอื่น ให้พวกนางต้องถูกติฉินนินทา” จ้าวเสวี่ยอี้เอ่ยขัดคำพูดของเซียวซีก่อนที่นางจะกล่าวจบ จากนั้นเขาก็หันมาโค้งคำนับนางที่ยืนอึ้งไม่ขยับ “ข้าน้อยขออภัยท่านหญิงที่ทำให้เสื่อมเสียขอรับ” “ท่านพี่! ท่านจะบ้าหรือ เหตุใดมาประกาศเรื่องนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย ท่านเสียสติไปแล้วหรือ” จ้าวจินเซียงรีบตรงเข้ามาดึงแขนพี่ชายเขย่าหวังให้เขาได้สติเลิกพูดเรื่องนี้เสีย “มะ… ไม่จริง จินเซียงบอกว่าพี่เสวี่ยอี้ยังไม่ได้แต่งงาน พี่จะมีภรรยาได้เยี่ยงไรกัน” ท่านหญิงเซียวกล่าวเสียงสั่นเพราะไม่เชื่อ “สิ่งที่ใต้เท้าจ้าวกล่าวมาเป็นเรื่องจริงขอรับ และภรรยาที่เขาพูดถึงก็ยืนอยู่ตรงนั้น” คนสนิทฉินอ๋องชี้นิ้วไปยังสตรีทั้งสามนาง หลันถิงได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อจู่ ๆ ตนกลับถูกเปิดโปงต่อหน้าผู้คน ทั้งที่อุตส่าห์ปิดหน้าปิดตาเอาไว้แล้วเชียว “เจ้าสามคนมานี่ ใครคือภรรยาของพี่เสวี่ยอี้” ท่านหญิงเซียวแผดเสียงเรียกสตรีที่ยืนอยู่ตรงมุมสะพาน ทุกสายตาจึงหันไปยังร่างอรชรที่กำลังเดินก้าวเข้ามาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ถวายพระพรท่านอ๋องเพคะ คารวะท่านหญิงเซียวเจ้าค่ะ ข้าน้อยเหอหลันถิงภรรยาที่กำลังจะหย่าขาดกับจ้าวเสวี่ยอี้เจ้าค่ะ” ไหน ๆ ก็ถูกมัดมือชกให้ต้องออกมาเผยตัวแล้ว เช่นนั้นนางก็ใช้โอกาสนี้กล่าวถึงเรื่องหย่ามันเสียเลย “หลันถิงอย่าเสียมารยาท ตรงนี้มีรุ่ยอ๋องและฉินอ๋องอยู่ด้วย เรื่องภายในครอบครัวเอาไว้เราค่อยกลับไปคุยกันที่จวน” ใต้เท้าจ้าวรีบกล่าวเตือนภรรยา เพราะเกรงนางจะถูกลงโทษ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่อยากให้นางพูดเรื่องหย่าต่อหน้าผู้คนมากมาย “เป็นความผิดของกระหม่อมที่ดูแลนางไม่ดี ตั้งแต่แต่งงาน เราก็แยกกันอยู่เพราะชะตาของกระหม่อมกับนางไม่ค่อยถูกกันนัก จึงทำให้หลันถิงเกิดน้อยใจ กล่าวแต่เรื่องหย่าทุกครั้งที่พบกัน ท่านอ๋องได้โปรดอย่าถือสาเลยนะพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวเสวี่ยอี้ยังคงกล่าวต่อ “หึหึ… งั้นหรือ ข้าก็คิดว่าที่นางเอ่ยเรื่องหย่า เป็นเพราะเจ้าออกมาเที่ยวกับสตรีอื่นอย่างชื่นมื่น แต่ไม่ยอมพานางออกมาเที่ยวเสียอีก เห็นทีข้าคงเข้าใจผิดไปเองกระมัง” ฉินอ๋องเอ่ยเสียงเรียบ ทว่าทุกถ้อยคำกลับบาดลึกในใจใต้เท้าหนุ่มเป็นอย่างมาก “พี่เสวี่ยอี้ ที่พี่พูดมาเป็นเรื่องจริงหรือ” “จริงทุกถ้อยคำขอรับ เหอหลันถิงคือฮูหยินของข้าน้อย เราแต่งงานกันมาสองปีแล้วขอรับ” จ้าวเสวี่ยอี้รับคำเสียงหนักแน่น หลันถิงเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ชาติภพก่อนคนผู้นี้ทำทุกอย่างเพื่อปิดบังฐานะนาง กระทั่งให้คนมาเฝ้าไม่ยอมให้ออกไปไหนในช่วงปีสุดท้ายก่อนย้อนมา เขาเกรงผู้คนจะสืบรู้ว่านางเป็นใคร ทว่าวันนี้เขากลับพูดต่อหน้าชาวเมืองและผู้สูงศักดิ์โดยไม่เกรงว่ามันจะกระทบต่อหน้าที่การงานในวันหน้าเลย ด้านท่านหญิงเซียว บัดนี้นางแทบจะยืนไม่อยู่ แข้งขาอ่อนแรงจนผู้เป็นน้าต้องรีบมาประคองเอาไว้ ทว่าหลี่ซุนซื่อกลับลอบเผยยิ้มชอบใจ เมื่อเห็นท่าทางของท่านหญิงเซียวที่ผิดหวังมาก ‘ดีจริง อย่างน้อยศัตรูหัวใจข้าก็ถูกกำจัดไปแล้วหนึ่ง’ ใช่ ในความคิดของนาง ท่านหญิงเซียวคือศัตรูที่น่ากลัวที่สุด เพราะนางเป็นถึงธิดาขององค์หญิงใหญ่ การแย่งชิงชายหนุ่มที่ตนหมายตากับนางย่อมเป็นเรื่องยากที่จะได้เขามาครอบครอง ทว่าบัดนี้ทุกคนได้รู้แล้วว่าจ้าวเสวี่ยอี้มีภรรยา แน่นอนว่าคนในราชวงศ์ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ท่านหญิงมาเกลือกกลั้วกับบุรุษที่แต่งงานแล้วเป็นแน่ ฉะนั้นจากนี้ก็เหลือเพียงสตรีบ้านนอกที่ไร้พิษสงอย่างเหอหลันถิงผู้เดียว ย่อมเป็นเรื่องง่ายที่จะกำจัดนาง “ส่งท่านหญิงกลับจวน” ฉินอ๋องออกคำสั่งกับคนของตน ก่อนจะหันมาหาท่านทูตที่ยืนนิ่งมึนงงกับเรื่องตรงหน้า เพราะแค่เขาเดินชนหญิงสาวกลับทำให้เกิดเรื่องมากมายตามมา “บอกท่านทูตว่าเราจะพาไปเดินเที่ยวต่อ” ท่านอ๋องกล่าวกับล่ามโดยไม่ได้แยแสคู่สามีภรรยาที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีก ด้านจ้าวเสวี่ยอี้ เมื่อไม่มีใครสนใจแล้ว เขาก็หันมาหมายจะรั้งแขนภรรยาเพื่อพาเดินออกมา ทว่าหลันถิงได้เบี่ยงตัวหนี “อย่ามาแตะข้า ไปให้พ้นจ้าวเสวี่ยอี้” หลันถิงแผดเสียงใส่อย่างไม่ไว้หน้าสามีเลยสักนิด ทำเอาผู้ที่หมายจะเดินจากไปต้องหันกลับมามองทั้งคู่อีกหน เป็นจังหวะที่จ้าวจินเซียงตรงเข้ามาง้างมือตบหน้าพี่สะใภ้ของตนพอดิบพอดี ใบหน้าของเหอหลันถิงจึงหันไปตามแรงปะทะ นำพาให้ผ้าที่ปิดคลุมเอาไว้ร่วงหล่นตามมาด้วย “จินเซียงเจ้าทำบ้าอันใด!” จ้าวเสวี่ยอี้คำรามใส่น้องสาวทันที พร้อมกับตรงเข้ามาประคองภรรยาของตนที่แก้มแดงไปซีกหนึ่งแล้ว ชาวเมืองที่กำลังเดินมาต่างก็พากันหยุดมุงดูอีกหน คนของท่านอ๋องจึงต้องรีบไล่ออกไปให้พ้นบริเวณเสีย “ใต้เท้าจ้าว ดูเหมือนเรื่องในครอบครัวของเจ้าจะจัดการได้ไม่ดีเลยนะ แม้แต่น้องสาวเจ้าก็ยังกล้าทำร้ายพี่สะใภ้ได้ ช่างไร้การอบรมสั่งสอนเหลือเกิน” รุ่ยอ๋องเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นถึงความไม่เหมาะสม “ขอพระราชทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ กลับไปกระหม่อมจะจัดการนางอย่างเข้มงวด ไม่ให้ทำเรื่องเสียมารยาทเช่นนี้อีก” จ้าวเสวี่ยอี้รีบกล่าว ก่อนที่ตัวเขาจะถูกภรรยาดันให้ออกห่าง “แค่ท่านหย่าให้ข้าเรื่องทุกอย่างก็จบแล้วจ้าวเสวี่ยอี้ เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่ข้าต้องการ” เหอหลันถิงยังคงยืนยันคำเดิม ซึ่งมันทำให้ทุกคนต่างก็เกิดความฉงนในใจ โดยเฉพาะฉินอ๋อง เพราะเขาให้คนสืบภูมิหลังของนางจึงได้รู้ว่าสตรีผู้นี้คือภรรยาของจ้าวเสวี่ยอี้ที่ถูกเลี้ยงไว้นอกจวน ได้ยินว่าทั้งคู่แต่งงานกันมาสองปีแล้ว ทว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะคำทำนายของซินแส ซึ่งอันที่จริงมันก็เป็นเรื่องปกติของผู้คนที่เชื่อเรื่องเหล่านี้ ทว่ามันมีสิ่งอื่นที่ทำให้เขาแปลกใจมากกว่า นั่นคือ… ทำไมนางถึงอยากหย่านัก ปกติสตรีที่มีสามีเป็นขุนนางจะต้องรั้งตำแหน่งภรรยาเอกไว้อย่างแน่นเหนียว แต่เหอหลันถิงผู้นี้กลับป่าวประกาศไม่หยุดหย่อนว่านางจะหย่า ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะหย่า ทั้งที่ตำแหน่งสามีก็กำลังรุ่งโรจน์ มิหนำซ้ำจ้าวเสวี่ยอี้ยังรูปงามมากด้วย สตรีทั่วทั้งแผ่นดินต่างก็อยากครอบครองเขา แล้วเหตุใดคนที่เป็นภรรยาอยู่ถึงได้คิดจะถอยหนี นี่มันอะไรกัน…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม