Ep.8
Fahsai talk.
21.00 น.
Ft.Restaurant
"ขอบคุณนะ ที่แกมาอยู่เป็นเพื่อนฉันที่ร้านวันนี้นะ" ฉันพูดขอบคุณคนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ตรงข้ามฉัน หลังจากที่ฉันปิดร้านอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าขุนมันก็ให้คนของมันมาขับรถฉันไปจอดไว้ให้ที่คอนโด แล้วมันก็พาฉันมากินข้าวเย็นอยู่แถวๆ ชาญเมือง
ส่วนเรื่องที่ร้านเจ้าขุนมันบอกว่าขอมันเช็คดูให้แน่ใจก่อน ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังจริงมั้ย แต่ถ้ามีจริงๆ คนคนนั้นจะเป็นใครวะ!? ฉันแทบจะมองไม่ออกเลยว่าใครจะมาทำเรื่องอะไรแบบนี้กับร้านฉัน และฉันก็ไม่ได้ไปสร้างศัตรูไงที่ไหนไว้ด้วย
เฮ้อออ~ พอมีเรื่องแบบนี้เข้ามาในสมองฉันก็ยิ่งเครียดกว่าเดิมอีก หรือจะไปปาร์ตี้อีกดีนะคืนนี้? แต่ก็ไม่ดีหรอกของเก่ายังออกไม่หมดเลยด้วยซ้ำ! เฮ้ออออ~
"ไม่เป็นไร รีบๆ กินข้าวได้แล้วแกน่ะ จะได้รีบกลับไปพักผ่อน" เอ้า! ถ้าจะให้รีบกลับแล้วมันพามากินไกลขนาดนี้ทำไมตั้งแต่แรกวะ?
"จริงๆ กินแถวๆ ร้านฉันก็ได้นะ อิ่มเหมือนกันได้พักผ่อนเร็วด้วย! " ชิส์!
"อิ่มเหมือนกัน แต่บรรยากาศมันเหมือนกันมั้ยล่ะ? "
"-_-แต่มันก็ไกลไง"
"แต่ที่นี่มันก็ทำให้แกรู้สึกผ่อนคลายได้ไม่ใช่หรอ? "
"..." ฉันเถียงมันไม่ได้เลย เพราะว่าที่นี่น่ะบรรยากาศมันดีจริงๆ ถึงฉันจะยังเครียดแต่มันก็ผ่อนคลายลงไปเยอะจริงๆ ในกรุงเทพนี่กล้าพูดได้เลยว่าไม่มีร้านที่มีทั้งสวนแล้วก็สระน้ำที่เป็นธรรมชาติแบบนี้อยู่แน่ๆ!
จริงๆ สระน้ำที่นี่มันเป็นสระที่ทางร้านทำขึ้นมาเองนั่นแหละ แต่ดูเป็นธรรมชาติมากไม่เหมือนทำเองเลยจริงๆ นะ ส่วนมากที่เห็นในกรุงเทพก็จะมีแค่ร้านข้างคลองบ้าง ติดริมน้ำเจ้าพระยาบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ดูสบายตาเหมือนร้านที่มันพาฉันมาตอนนี้
"ที่นี่แกทั้งได้ผ่อนคลายความเครียดในสมองด้วยซึ่งมันก็ถือเป็นการพักผ่อนอีกอย่างนึง แต่ที่ฉันบอกให้แกรีบกินแล้วรีบกลับไปพักนั่นก็เพราะว่าร่างกายแกมันก็ต้องการการพักผ่อน (นอนหลับ) ที่เพียงพอเหมือนกัน"
"..."
"มันจะทำให้แกไม่เครียดและร่างกายแกก็จะไม่โทรมด้วย" ฉันลืมไปว่ามันเป็นพวกรักสุขภาพ ต้องกินอาหารให้ครบ5หมู่ ดื่มน้ำวันละ8แก้ว นอนก็ต้องนอนให้ครบวันละ8ชั่วโมง ถ้าวันไหนเกิด Accident ยังไงมันก็ต้องนอนให้ได้อย่างน้อย6ชั่วโมง ความอนามัยนี้ฟ้าใสขอมองบนค่ะ!
"ค่อยบำรุงทีหลังก็ได้น่า"
"แต่มันก็ช่วยได้ไม่เต็มที่ไง ถ้าระบบในร่างกายแกขาดสมดุล ก็โทรมอยู่ดี มันไม่สู้เราค่อยๆ ดูแลตัวเองไปทีละนิดๆ แบบนี้หรอก"
"=_=" ขนาดฉันเป็นผู้หญิงฉันยังไม่ใส่ใจสุขภาพร่างกายตัวเองเท่ามันเลย ยอมจริงๆ
"ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลยนะ รีบๆ กินเข้าไป" มันพูดและตั้งปลากระพงทอดน้ำปลาใส่จานให้ฉัน ดีนะที่มันไม่จุกจิกเรื่องการกินของฉันด้วย ไม่งั้นฉันคงสมองแตกตายแน่ๆ
นี่ถ้าฉันได้เป็นแฟนกับมันนะ ฉันว่าฉันต้องได้เปลี่ยนระบบการใช้ชีวิตฉันใหม่หมดแน่ แต่เดี๋ยวนะ!? นี่ฉันคิดไกลไปปะ ถึงขั้นเป็นแฟนเลยหรอ? ไม่นะฟ้าใส นั่นมันเพื่อนแกนะ! เจ้าขุนมันเป็นเพื่อนของแกฟ้าใส! ท่องไว้ๆ คงเป็นไปไม่ได้หรอก ก็คำว่าเพื่อนมันค้ำคออยู่ขนาดนี้!! เหอะ!
วันต่อมา~
11.30 น.
@fs.
วันนี้ฉันก็มาเปิดร้านตามปกติ แต่วันนี้จะสดชื่นหน่อยเพราะฉันไม่ได้แฮงก์เหล้าเหมือนเมื่อวาน แถมยังอารมณ์ดีด้วยเพราะเมื่อวานฉันได้กินข้าวอิ่ม นอนหลับ ฝันดี~ แถมคนไปส่งก็งานดี๊ดี~ มีบอกฝันดงฝันดีด้วย คิๆ มันก็ถือความฟินเล็กๆ น้อยของฉันที่ได้จากมันบ่อยๆ ถึงเจ้าขุนมันจะเคยบอกฝันดีกับฉันบ่อยแค่ไหน ฉันก็ยังดีใจและเขินทุกครั้งเวลาที่มันบอกนั้นแหละ
"อารมณ์ดีจังนะคะคุณเพื่อน" ยัยต้นหอมที่นั่งอ่านนิตยาสารอยู่เงยหน้าขึ้นมาแซวฉันที่นั่งเสียบหูฟังดูรายการ Idol Room*** ของเกาหลีและหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว อ้อ! วันนี้ต้นหอมมันแวะเข้ามาที่ร้านฉันก็เพราะว่ามันจะมาให้ฉันตัดชุดให้ มันจะไปออกงานสังคมกับที่บ้านมัน ซึ่งตอนนี้ฉันก็ให้มันเลือกแบบอยู่
"ก็นะ เด็กๆ มีแต่คนน่ารักๆ ทั้งนั้นเลย" ฉันพูดแล้วหันหน้าจอโทรศัพท์ไปให้ยัยต้นหอมดูผู้ชายทั้ง7ที่อยู่ในรายการที่ฉันดูอยู่
"ชิส์! หมั่นไส้! ชอบจังนะวงนี้น่ะ"
"แน่นอนสิ! หนึ่งในนี้อนาคตสามีฉันเลยนะแก~" ฉันพูดพร้อมกับทำหน้าเพ้อฝันไปพลางนึกถึงวันที่ฉันได้แต่งงานกับหนึ่งในสมาชิกของวงนี้ แค่คิดก็ฟินแล้วอ่ะ>//< น่ารักกันยังไม่พอ แถมยังหล่อและรวยด้วย! ถึงบ้านฉันจะรวยอยู่แล้วแต่ฉันก็ชอบผู้ชายรวยอีกอยู่ดี อิๆ
"อ่าว? สามีในอนาคตแกไม่ใช่เจ้าขุนแล้วหรอ~" ต้นหอมพูดแซวพร้อมส่งสายตาล้อเลียนมาให้ฉัน เรื่องฉันชอบเจ้าขุนนี่เพื่อนฉันรู้ทุกคนนั่นแหละ แต่จะรู้มากหน่อยก็ยัยต้นหอมนี่แแหละ เพราะมีอะไรฉันก็เล่าให้ยัยนี่ฟังตลอด
"เป็นไปได้ยากว่ะ ยังไงฉันก็ต้องเลือกคนที่เป็นไปได้อยู่แล้วปะ? "
"คนที่เป็นไปได้? Idolเกาหลีน่ะนะ? "
"ก็ใช่น่ะสิ! น่าจะเป็นไปได้มากกว่า~" จริงๆ ฉันก็รู้แหละว่ายังไงทางที่ฉันจะได้ศิลปินเกาหลีมาเป็นสามีมันมีเปอร์เซนต์น้อยมากกกกกก มากถึง 0.000001% เลยแหละ แต่ฉันก็แค่พูดให้ต้นหอมมันรู้ว่าการที่จะได้เจ้าขุนมาเป็นสามีมันยากกว่าสำหรับฉัน เพราะคำว่า 'เพื่อน!! ' นี่แหละ ให้ตายเถอะ! ฉันเกลียดคำนี้จริงๆ
"เฮ้อ~ ฉันล่ะเหนื่อยใจกับพวกแกสองคนจริงๆ ต่างคนต่างไม่พูดบอกกันตรงๆ แล้วจะรู้เรื่องกันมั้ยชาตินี้-_-"
"อะไรของแก? "
"ถามจริงนะฟ้าใส แกดูไอ้เจ้าขุนไม่ออกจริงๆ หรอ? "
"? "
"ดูไม่ออกเลยหรอว่ามันก็ชอบแก? " ก็ใช่ว่าฉันจะไม่เคยคิดว่ามันชอบฉันนะ ทำไมฉันจะไม่คิดล่ะ ฉันน่ะแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันชอบฉันโคตรบ่อยเลยต่างหากล่ะ แต่พอคิดไปมากๆ สุดท้ายฉันก็ต้องวนกลับมาคิดใหม่ ว่าฉันอาจจะแค่คิดไปเองก็ได้ มันไม่ได้ชอบฉันหรอก มันก็แค่เห็นฉันเป็นเพื่อนมันคนนึงนี่แหละ
"บ้าหรอแก มันคงไม่ได้ชอบฉันหรอก" ฉันปฏิเสธต้นหอมไป ทั้งๆ ในใจก็แอบคิดขึ้นมาอีกละ หรือว่ามันจะชอบฉันจริงๆ วะ?
"เฮ้อออ! ~ นี่แหละน้าที่คนเขาบอกว่าคนเรามักจะโง่เรื่องของตัวเอง" ต้นหอมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจก่อนที่มันจะสนใจนิตยาสารในมือต่อ
"เออแก แต่เมื่อวานเจ้าขุนมันทำตัวแปลกกับฉันด้วยว่ะ" ฉันพูดขึ้นอีกครั้งพลางนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่ซิงค์ล้างจาน...
"แปลกยังไง? " จากนั้นฉันก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ยัยต้นหอมฟัง พูดมาแล้วยังเขินไม่หายเลย แถมยังหวิวๆ ที่คอตรงที่โดนลมหายใจของมันอยู่เลย
"ชัดเลย! เจ้าขุนมันอ่อยแกฟ้าใส! " ต้นหอมพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจทันทีที่ฉันเล่าจบ
"จริงหรอ? " ฉันถามมันไปทั้งๆ ที่ก็คิดอยู่แล้วว่าเจ้าขุนมันอ่อยฉัน แต่ก็อย่างว่าแหละคนที่แอบชอบอย่างฉันก็กลัวว่ามันจะไม่ใช่ และผลสุดท้ายคือฉันคิดไปเอง แถมคิดไปไกลด้วยนะบางทีอ่ะ เวลาแบบนี้เลยอยากถามเพื่อให้มั่นใจอีกที
"โอ้ย!! ชัดเจนขนาดนี้แกอย่าโง่ดิฟ้าใส-_-"
"ง่ะ-^- แกไม่ได้แอบชอบเพื่อนนี่ แกไม่เข้าใจฉันหรอก" จริงนะ ใครเคยแอบชอบเพื่อนจะรู้ว่าความรู้สึกที่ฉันรู้สึกอยู่ตอนนี้มันเป็นยังไง
"เออฉันไม่เคยแอบชอบเพื่อน เพราะถ้าชอบแล้วโง่แบบแก มันก็ถือเป็นโชคดีของฉันแล้วล่ะที่ฉันไม่ได้ชอบเพื่อนตัวเอง"
"แง้! ~ อย่าว่าฉันสิ เสียใจนะ-^-"
"ก็แกมันน่าโมโห!! ว่าแต่...แกหงุดหงิดเรื่องที่มันไม่ทำอะไรแกจริงปะ? "
"ก็เออสิ! เฮ้ย!! ไม่ใช่ดิ! ไม่ใช่! ไม่ใช่เรื่องนั้นนะ" ฉันรีบแก้ตัวทันทีที่เผลอตัวยอมรับกับยัยต้นหอม น่าอายเป็นบ้าเลย-//- แต่ดูเหมือนฉันจะแก้ตัวไม่ทันนะ เพราะสายตาที่มันมองฉันตอนนี้แบบ...!!
"?"
"ยะ อย่ามองฉันแบบนั้นดิ! "
"ฟ้าใส...ฉันเป็นเพื่อนแกมากี่ปีแล้ว หื้มม? " ต้นหอมวางหนังสือนิตยาสารลงแล้วหรี่ตามองฉัน หน้ามันตอนนี้โคตรร้าย! เหมือนในหัวมันกำลังคิดอะไรอยู่!?
"ถะ ถ้านับปีนี้ด้วยกะ ก็...8ปี" ฉันกับต้นหอมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย เราเรียนคนละคณะนะ แต่มาสนิทกันเฉยๆ ไม่รู้สนิทได้ไง!? ตอนนี้ก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกัน
"8ปี? แล้วแกคิดว่าระยะเวลา8ปี มันจะทำให้ฉันรู้จักแกดีขนาดไหน? " นั่นสิ! ขนาดไหนกันนะ? แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คือมันดูฉันออก! ออกจนไม่รู้จะออกยังไงเลยล่ะ!!
"..." ฉันเงียบไม่ตอบมัน
"คิดเอานะฟ้าใส...ฉันยังรู้จักแกดีขนาดนี้ แล้วเจ้าขุนล่ะ? มันจะรู้จักแกดีขนาดไหน? ไอ้เรื่องโกหกไม่เก่งของแกเนี่ย! "
"!!!" นั่นสิ! ยัยบ้าฟ้าใสเอ้ย!! พอนึงถึงเหตุการณ์เมื่อวานแล้วอายเป็นบ้า! ฉันทำตัวน่าอายแบบนั้นออกไปได้ไง ยิ่งต่อหน้าไอ้เจ้าขุนอีกด้วย!!
"ยอมรับมาซะดีๆ ว่าแกอยากให้เจ้าขุนมันทำอะไรแก"
"เออ! ก็แค่คิดเฉยๆ ปะ? " ในเมื่อโกหกต่อไม่ได้ ก็ยอมรับซะเลย ฉันล่ะเกลียดการโกหกไม่เก่งของตัวเองชะมัด!!
"ถ้าได้จริงๆ ก็ดีใช่ปะล่ะ? "
"ก็...เออมั้ง!! " ไม่มั้งโว้ย!! มันต้องดีแน่ๆ ดีมากๆ เลยด้วย!! พอฉันตอบไป ยัยต้นหอมก็มองหน้าฉันด้วยสายตากรุ่มกริ่ม และตอนนี้ฉันสมองฉันคิดได้อย่างเดียวคือ...ไม่น่าไว้ใจ ฉันว่ายัยนี่ต้องคิดอะไรแปลกๆ อยู่แน่เลย
"...ฉันมีวิธี สนใจปะ? "
"? "
_____________________
อย่าลืมกดถูกใจ กดเข้าชั้นหนังสือกันด้วยน้าา^^
*****โปรดติดตามตอนต่อไป*****