สนามบินสุวรรณภูมิ
ตู้ด~ตู้ด~ตู้ด
อันนาที่ยืนโทรศัพท์อยู่จุดให้บริการของสนามบินเอามือถือกำลังแนบกับหูออกมองเบอร์บนหน้าจออีกครั้ง
[ก็โทรถูกเบอร์นิ...ปกติพอร์ชไม่รับช้าขนาดนี้หรือว่าเกิดอุบัติเหตุ]
“เลิกโทรได้แล้วครับ คุณหนูอันนา”
“กรี๊ดดด” เสียงกระซิบข้างหูจากทางด้านหลังทำให้ดีอันนาตกใจจนเกือบล้มดีที่อ้อมแขนแกร่งโอบเอวเธอมากอดไว้ก่อน
“ขี้ตกใจเหมือนเดิมนะเรา”
รอยยิ้มของพอร์ชมันทำให้อันนานึกถึงตัวเองกับเขาในวัยเด็กตอนนั้นคนตรงหน้าเป็นคนคอยเดินตามเธอตลอดเวลาแท้ๆ เพราะเขามักจะป่วยและถูกเพื่อนแกล้งเสมอ เธอเลยต้องเป็นคนคอยปกป้องตลอดช่วงเวลานั้น แต่ใครจะคิดว่าตอนนี้เขาจะตัวสูงใหญ่และเข้มแข็งกว่าเธอขึ้นมาก ยิ่งกล้ามเนื้อตรงส่วนหน้าอกที่เธอกำลังวางมือไว้ยิ่งใหญ่และแน่นเป็นพิเศษ
“ทำไมชอบแกล้งอันจังเลยพอร์ช...แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์รู้ไหมเป็นห่วงมากแค่ไหน อันนึกว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า” คนที่ตั้งสติได้ก็รีบพูดบ่นกลับทันที
“อย่าบ่นสิความจริงพอร์ชยืนมองอันตั้งนานแล้ว อันนั่นแหละที่ไม่ยอมหันกลับมามองพอร์ช” พอร์ชพูดพร้อมกับมองคนที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนเขา ตอนนี้คนในสนามบินเริ่มหันมาสนใจเธอกับเขา
“ปล่อยได้แล้วพอร์ช คนเริ่มมองแล้ว” มือเล็กดันอกกว้างออกก่อนจะลากกระเป๋าตัวเองแล้วเดินหนีจากตรงนั้น พอร์ชได้แต่ขำท่าทีของเธอก่อนจะรีบเดินและไปแย่งกระเป๋ามาลากเอง ซึ่งเธอก็ไม่ได้ห้ามอะไร
........
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงได้หลังเดินทางออกจากสนามบิน รถสปอร์ตสีดำคันหรูก็ขับมาถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ในโครงการหมู่บ้านใจกลางเมืองกรุงฯ
“ทำไมเราถึงมาที่นี่กันเหรอ?”
“เราจะอยู่กันที่นี่นะ”
“ห๊ะ!! อันนึกว่าอยู่บ้านพอร์ชซะอีก” ตอนแรกเธอนึกว่าจะได้ไปพักอยู่ที่บ้านกับครอบครัวของเพื่อนซะอีก “แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ของพอร์ชล่ะ”
“พ่อกับแม่อยู่บ้านใหญ่ไง”
“แล้วเราอยู่ด้วยกันที่นี่สองคนเหรอ”
“ทำไม! กลัวเหรอ...นึกว่าอันจะเห็นพอร์ชเป็นแค่เด็กผู้ชายตัวเล็กวิ่งตามอันไปตลอดซะอีก” พอร์ชอดขำท่าทางของคนข้างๆ ไม่ได้จริงๆ
“ใครกลัว!! ก็แค่สงสัยว่าทำไมถึงต้องมาอยู่ที่นี่” เธอรีบแก้ตัวให้ตัวเอง
“มันใกล้มหาลัยนะ ตื่นสายหน่อยก็ไปทัน”
“อ่อออออ เหตุผลคนรวยซื้อบ้านเพื่อตื่นสาย”
“หึ! พูดเหมือนตัวเองจน...เอาล่ะเข้าบ้านกันเถอะ”
“อือ”
“หิวไหม เดี๋ยวพอร์ชบอกแม่บ้านทำอะไรให้กิน” ก่อนจะเข้าบ้านพอร์ชหันไปถามคนข้างๆ อีกครั้ง
“หิว! แต่อันอยากกินกะเพราทะเลฝีมือพอร์ชได้ไหม อันไม่ได้กินนานแล้ว” อันนารีบเดินไปเกาะแขนเขาก่อนจะส่งสายตาออดอ้อนแบบที่ชอบทำเวลาจะขอร้องเขา
“ได้สิ ถ้างั้นพวกเราไปดูห้องนอนกันก่อน พอร์ชค่อยลงมาทำให้ดีไหม”
"อือ ขอบคุณนะ" ไม่ว่าเมื่อไหร่พอร์ชก็เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเธอเสมอ นั่นเลยทำให้เธอสบายใจทุกครั้งที่ได้อยู่กับเขาล่ะมั้ง
พอร์ชพาอันนาไปพักผ่อนห้องเสร็จเขาก็เดินลงมาที่ห้องครัว เพื่อทำอาหารตามเมนูอาหารตามที่เธอขอร้อง
“คุณพอร์ชจะลงมือทำอาหารเองเหรอคะ?” แม่บ้านวัยกลางคนถามเจ้านายหนุ่มด้วยความสงสัย
“ครับพอดีอันอยากกินผมเลยจะลงมือทำเองนะครับป้า” พอร์ชบอกและหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่อย่างคล่องแคล่ว ทำเอาแม่บ้านอดพูดไม่ได้
“ตั้งแต่ป้าอยู่กับคุณพอร์ช ป้าเพิ่งรู้นะคะว่าคุณพอร์ชทำอาหารเป็น”
“ก็ทำเป็นนิดหน่อยครับ สมัยด็กผมเป็นลูกน้องอันแล้วเจ้าตัวก็ชอบบังคับให้ผมทำอาหารไปให้กิน พอบอกว่าทำไม่ได้ก็เอาไม้วิ่งไล่”
“คุณหนูอันท่าทางจะแสบน่าดูนะคะเห็นตัวเล็กๆ แบบนั้น” แม่บ้านอดยิ้มไม่ได้พอนึกถึงว่าผู้หญิงที่ภายนอกตัวเล็กน่ารักแบบนั้นตอนเด็กแสบจะแสบที่ให้เจ้านายเธอเป็นลูกน้องได้
“แสบมากครับแต่อย่าไปเล่าให้เธอฟังนะครับว่าผมแอบเมาส์ให้ฟังไม่อย่างนั้นคงมาโวยวายผมอีกแน่”
ตลอดเวลาที่พอร์ชพูดถึงอันนาใบหน้าและแววตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข จนแม่บ้านอดที่จะยิ้มตามไม่ได้แม้เจ้านายของเธอคนนี้จะไม่ใช่คนเย็นชาอะไรแต่ก็ไม่ได้ยิ้มง่ายแบบนี้
“ไม่บอกอยู่แล้วค่ะ”
“อ่อ! ป้าช่วยให้คนเอาเครื่องฟอกอากาศที่ผมซื้อมาในห้องเก็บของไปไว้ในห้องอันหน่อยนะครับ รายนั้นแพ้ไรฝุ่นหนักมาก”
“ได้ค่ะ”
พอรับคำสั่งเจ้านายเสร็จแม่บ้านก็เดินออกมาทำตามอย่างรวดเร็ว