“คืนนี้เรามีบัตรเชิญร่วมงานเดินแบบการกุศลเพื่อเด็กกำพร้านะครับ”
“งานจัดที่ไหน”
“โรงแรมปารีส เซ้นต์ แวงแกร์ครับ”
ราฟาเอลวางปากกาที่กำลังจะเซ็นเอกสารในมือลงพร้อมรวบปิดแฟ้ม คริสต็อฟยังคงรักษาท่าทางสุภาพและเคร่งขรึมเอาไว้แม้จะเห็นท่าทางที่ดูตื่นเต้นของคนเป็นนายผ่านนัยน์ตาสีอำพัน แม้จะเพียงแค่เสี้ยววินาทีแต่เพราะอยู่ด้วยกันมานาน อาการนั้นจึงไม่อาจเล็ดลอดสายตาของคริสต็อฟได้
“จริงๆ แล้วเราจะไม่ไปงานนี้ก็ได้นะครับ แค่บริจาคก็พอ”
“ฉันว่าง”
คริสต็อฟอยากจะยิ้มให้กับคำตอบของราฟาเอลแต่จำต้องสงวนท่าทีเอาไว้ภายใต้สีหน้านิ่งขรึม เขาทำเพียงแค่กระแอมในลำคอเบาๆ
“งั้นเดี๋ยวผมสั่งให้คนเตรียมรถนะครับ”
“ขอบใจ”
“ว่าแต่ คุณราฟสเก็ตช์ภาพเรียบร้อยแล้วหรือยังครับ”
“นายคิดว่าฉันมีเวลาว่างมากขนาดนั้นเลยหรือไงกัน”
ราฟาเอลบอกเสียงขุ่น แต่สุดท้ายเขาก็หยิบไอแพดขึ้นมาแล้วจัดการส่งภาพที่สเก็ตช์เรียบร้อยแล้วให้คริสต็อฟผ่านทางแอปพลิเคชั่นแชท คริสต็อฟอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก เขาไม่รีรอที่จะกดเข้าไปดู
คริสต็อฟไม่ได้พูดอะไรระหว่างที่จับจดสายตาอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟนที่กำลังสว่างวาบ หากแต่เพียงยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อได้เห็นภาพที่ราฟาเอลส่งมาให้ ผู้หญิงในภาพไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา แต่เครื่องหน้าของหญิงสาวดูมีสเน่ห์และดึงดูดสายตาไม่น้อยเลยทีเดียว
“นายจะจ้องอะไรขนาดนั้น”
เสียงที่ดังขึ้นคล้ายกำลังไม่พอใจสักเท่าไรของราฟาเอลทำให้คริสต็อฟละสายตาจากหน้าจอมือถือที่กำลังสว่างวาบและจัดการเก็บเครื่องมือสื่อสารเคลื่อนที่ใส่กระเป๋าเสื้อ เขาพยายามเก็บรอยยิ้มเอาไว้อย่างแนบเนียน
“ต้องใช้เวลาดูนานนิดนึงครับ เวลาเจอตัวจะได้ไม่พลาด”
“งั้นก็แล้วไป”
คริสต็อฟสัมผัสได้ถึงความหวงแหนในกระแสเสียงของราฟาเอล เขาไม่เคยเห็นเจ้านายของเขามีอาการเช่นนี้มาก่อน หวงแหนแม้กระทั่งผู้หญิงที่ยังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ คริสต็อฟไม่คาดคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำให้เจ้านายของเขาดูคล้ายคนคลั่งรักได้ขนาดนี้
“ยิ้มอะไรของนาย ออกไปได้แล้วไป ฉันจะทำงาน”
“ครับ”
สุดท้ายคริสต็อฟก็กลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เจ้าตัวขยับยิ้มกว้างจนถูกราฟเอลขึงตาดุใส่ แต่แน่นอนว่าคริสต็อฟไม่ได้รู้สึกอะไร ยิ้มให้คนเป็นเจ้านายไปอีกทีก่อนจะโค้งศีรษะให้แล้วเดินออกไปจากห้อง ราฟาเอลเอนหลังเข้ากับพนักพิงเก้าอี้ก่อนจะสบถให้กับความกวนประสาทของคริสต็อฟ
“น่าเบื่อ”
“ราฟาเอลมันมางานคืนนี้ด้วยใช่ไหม”
“ครับคุณยูแน็ส”
ยูแน็ส แวงแกร์เจ้าของโรมแรมปารีส เซ้นต์ แวงแกร์ ทอดสายตามองทะลุกระจกใสภายในห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นสูงสุดของโรงแรมออกไปยังวิวด้านนอกที่เห็นสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่สูงเสียดฟ้าและท้องฟ้ากับภูเขาที่อยู่ไกลลิบๆ มือทั้งสองข้างที่เคยสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงถูกยกขึ้นมากอดอกก่อนจะหันมาหาลูกน้องคนสนิทอย่างโฌแอ็ล แววตาของยูแน็สแข็งกร้าวขึ้นมาฉับพลันเมื่อนึกถึงราฟาเอล เลอร์มา คู่ปรับตลอดกาลของเขา และเจ้าตัวก็ยกให้ราฟาเอลเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งที่ไม่คิดจะญาติดีด้วยเป็นอันขาด แม้ก่อนหน้าพวกเขาจะเคยเป็นเพื่อนกันก็ตาม
และเป็นเพื่อนสนิทกันมากเลยทีเดียว
ยูแน็สไม่อยากคิดถึงเรื่องที่ทำให้เขากับราฟาเอลบาดหมางกันเพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและค่อนข้างสะเทือนใจเขามาก ชั่วเสี้ยวนาทีเขาก็สบถด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ฉันเกลียดมัน”
โฌแอ็ลทำเพียงรับฟังอย่างเงียบเชียบและไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ออกไป เขารู้ดีว่าคนเป็นเจ้านายต้องการแค่เพียงระบายความหงุดหงิดเท่านั้น
“ตอนนี้มันควงผู้หญิงคนไหนอยู่”
“เท่าที่รู้มาเป็นคุณมาเรียมครับ”
“นายหมายถึงมาเรียม ก็องเต้น่ะเหรอ ลูกสาวของซีเนดีน นายธนาคารซีเคทีแบงก์ใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“เธอเป็นนางแบบด้วยนี่ ฉันเข้าใจถูกไหม”
“ครับ” โฌแอ็ลพยักหน้า “และคืนนี้เธอก็ขึ้นเดินแบบด้วยครับ ชุดฟินาเล่”
“งั้นก็ดี คืนนี้ฉันควรไปทำความรู้จักเธอซะหน่อย” ยูแน็สกระตุกยิ้มร้าย “คืนนี้ฉันคงได้เป็นเจ้ามือเลี้ยงเครื่องดื่มเธอที่ล็อบบี้เลานจ์ของเรา และหลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที”