ตอนที่ 4 ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลง

1397 คำ
แม้ว่าในแต่ละคืนจะคุยโทรศัพท์กันนานร่วมชั่วโมง ทว่าพอถึงเวลาเจอหน้ากันที่โรงเรียนเธอกับภีมก็ยังทำตัวเหมือนคนแปลกหน้า ไม่ทักทาย ไม่พูดคุย ยังคงอยู่แต่กับกลุ่มเพื่อนตัวเอง มีเพียงสายตาที่มองสบตากันเวลาเจอกันหรือเดินผ่านเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าความสัมพันธ์มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นมาเรื่อยๆ จากวันแรก เป็นวันที่สอง วันที่สาม วันที่สี่ วันที่ห้า วันที่หก...กระทั่งตอนนี้ที่เหลือเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ก็จะสอบปลายภาคและปิดภาคเรียนที่สอง ถือเป็นการสิ้นสุดของการเรียน ม.4 จะบอกว่าเวลาผ่านไปเร็วก็ไม่ผิด เพราะมันก็เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่เธอกับภีมคุยโทรศัพท์กันแทบทุกคืน วันไหนที่ไม่ได้คุยก็คือวันที่เธอกับเขาต่างฝ่ายต่างยุ่งหรือมีธุระที่ต้องทำ ซึ่งคนที่มีธุระก็จะส่งซิกให้อีกคนรู้ทุกครั้ง เหมือนอย่างวันนี้... PheeM : เลิกเรียนแล้วกลับบ้านเลยรึเปล่า? Look-Pear : กลับเลย Look-Pear : แต่อาจจะกลับช้าหน่อย วันนี้พี่ลูกหว้าจะมารับ วันนี้เป็นวันศุกร์และวันจันทร์ก็เป็นวันหยุดราชการ พี่ลูกหว้าที่ได้หยุดเรียนสามวัน (เหมือนเธอ) เลยกลับมานอนบ้าน และอาสาแวะมารับเธอกลับบ้านด้วย PheeM : กี่โมง? Look-Pear : น่าจะ 5 โมง PheeM : ตอนนี้ทำอะไร? Look-Pear : อ่านหนังสือกับพวกหยก ลูกเกด มีน อยู่ที่ห้องน่ะ ใช่ซะที่ไหน... ลูกแพร์อมยิ้มกับหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิททั้งสามที่กำลังสนุกสนานกับการอัพคลิปวิดีโอเพื่อทำคอนเทนต์ลงในช่อง Tik Tok อยู่ที่ด้านหลังห้อง ทว่าลูกแพร์ก็ไม่ได้โกหกเรื่องอ่านหนังสือ เธอแค่พูดไม่หมดเท่านั้นเองว่าอ่านเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว และตอนนี้ก็เลิกอ่านกันแล้วเหมือนกัน PheeM : แพร์ Look-Pear : หือ? ภีมมีไรเหรอ? PheeM : คืนนี้เราต้องไปสิงค์โปร์กับแม่ กลับมาอีกทีวันอาทิตย์ Look-Pear : อ่อ Look-Pear : กลับมาอย่าลืมของฝากเราล่ะ "นี่พวกเรา! ไปเชียร์ฟุตบอลกัน ครูวิทย์ให้ ม.สี่กับ ม.ห้าแข่งกัน" "ไปๆ อยากดู แล้วเพื่อนห้องเรามีใครลงบ้าง" "ก็ลงกันหลายคนนะ ทั้งภีม คีน พอร์ช มอส สอง ลงหมดเลย" คำพูดของเหมยผู้เป็นสายข่าวประจำห้องทำให้ลูกแพร์หันไปมองพร้อมกับนิ่งฟัง ก่อนจะก้มหน้ามองโทรศัพท์ในมือซึ่งข้อความสุดท้ายของเธอที่ส่งไปถูกอ่าน ทว่าคนที่ตัวเองคุยด้วยกลับเงียบหายไป แสดงว่าที่ภีมส่งไลน์มาหาเธอก็คือส่งมาจากสนามฟุตบอล ส่วนที่เงียบไปก็คงกำลังเตรียมตัวเพื่อลงสนาม ทว่าคำพูดเมื่อกี้ของเหมยก็ไม่ได้มีผลแค่กับลูกแพร์คนเดียว เพราะเพื่อนคนอื่นๆต่างทยอยเดินออกจากห้องเพื่อไปดูฟุตบอล ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนสนิททั้งสามคนของเธอที่กำลังพุ่งตรงกลับมาที่โต๊ะ "ลูกแพร์ไปดูฟุตบอลกัน" ลูกเกดพูดขึ้นทันทีที่เดินมาถึง โดยมีมีนกับหยกพยักหน้าขึ้นลงอย่างเห็นพ้อง "อือ ไปสิ" ลูกแพร์พยักหน้าตอบรับ หันไปหยิบเอากระเป๋าที่วางรวมกันอยู่บนโต๊ะส่งให้เพื่อนทุกคน และพากันเดินออกจากห้อง ไม่ถึงสิบนาทีลูกแพร์กับเพื่อนคนอื่นๆก็พากันขึ้นมานั่งอยู่บนอัฒจันทร์ข้างสนามฟุตบอล ทว่ากว่าจะหาที่นั่งได้ก็ต้องเดินวนกันอยู่หลายรอบ มองหาที่ว่างกันคอแทบเคล็ด ต้องบอกว่าการแข่งขันนัดนี้ค่อนข้างได้รับความสนใจจากนักเรียนทุกสายชั้น โดยเฉพาะนักเรียนหญิงที่ดูแล้วน่าจะเยอะกว่านักเรียนชาย ในหนึ่งทีมจะมีผู้เล่นตัวจริงที่ได้ลงเล่นในสนามสิบเอ็ดคน ทว่าเพื่อนในห้อง ม.สี่ทับหนึ่งของเธอได้ลงเป็นตัวจริงไปแล้วห้าคน ก็เกือบจะครึ่งทีมเหลืออีกแค่หกคนสำหรับอีกเจ็ดห้องที่เหลือ ถ้าใครบอกว่าเด็กห้องคิงเนิร์ดและไม่เก่งกีฬา ก็คงต้องบอกให้มาดูเด็กเก่งห้องเธอแล้วล่ะ นอกจากทุกคนจะไม่เนิร์ดแล้วยังฮอตขั้นสุด โดยเฉพาะภีมที่โดดเด่นมากเมื่ออยู่ในชุดบอลสีขาวที่ชายเสื้ออยู่ข้างในกางเกงแค่ครึ่งเดียว เสียงเชียร์ที่ดังไปทั่วทั้งสนามเป็นสิ่งการันตีว่าเขาฮอตแค่ไหน ลูกแพร์มองไปยังผู้เล่นกลางสนามเพื่อส่งกำลังใจ เธอเห็นมอสพยักหน้าเป็นสัญญาณให้กับเพื่อนคนอื่น ก่อนที่ภีม คีน พอร์ช สองจะมองมาบนอัฒจันทร์ที่เธอกับเพื่อนๆในห้องนั่งอยู่ซึ่งทุกคนก็พร้อมใจกันส่งเสียงเชียร์โบกไม้โบกมือให้ ทว่านักกีฬาห้าคนที่ยืนอยู่ด้วยกันมีแค่พอร์ชกับสองเท่านั้นที่โบกมือกลับ อีกสามคนที่เหลือต่างยืนนิ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับผู้เล่นคนอื่นๆและแยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆในสนาม ดูจากตำแหน่งที่ยืนแล้วภีมกับมอสน่าจะเล่นตำแหน่งกองหน้า คีนเล่นตำแหน่งปีกซ้าย พอร์ชเล่นตำแหน่งกองกลาง ส่วนสองเป็นผู้รักษาประตู ถ้าถามว่าทำไมเธอถึงรู้เรื่องฟุตบอลดี ก็ต้องบอกว่าเพราะ ‘คุณแซม’ คุณพ่อผู้คลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลของเธอที่ไม่เคยพลาดแมทซ์สำคัญใดๆ ถามว่าคลั่งไคล้ขนาดไหน ก็ถึงขั้นแอบอู้งานเพื่อดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกต่างประเทศจนถูก ‘คุณนายลลิดา’ มารดาของเธอบ่นไปสามวัน ล่าสุดก็เพิ่งควักกระเป๋าตัวเองซื้อบัตรเข้าชมคู่แดงเดือดระหว่างแมนยูกับลิเวอร์พูลให้กับลูกน้องนับสิบคนในร้านเข้าไปดูฟรีๆ เฮ!!!!! เย้ เย้ยยย!!!!! กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!! เสียงกรี๊ดและเสียงร้องเฮดังขึ้นทันทีที่ภีมเตะบอลเข้าประตูฝั่งตรงข้ามทำให้ทีม ม.สี่ เป็นฝ่ายขึ้นนำหนึ่งต่อศูนย์ ทว่าความดีใจก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อภีมถูกกระแทกจากด้านหลังอย่างแรงจนล้มลงไปกองกับพื้น ทุกคนที่อยู่บนอัฒจันทร์ต่างยืนขึ้นด้วยความตกใจ มองไปที่ภีมอย่างเป็นห่วง ก่อนจะถอนหายในออกมาอย่างโล่งอกเมื่อภีมที่นอนนิ่งขยับตัวลุกขึ้นยืน และเป็นคนยิงจุดโทษให้ ม.สี่ ขึ้นนำเป็นสองต่อศูนย์ ปี๊ดดดด เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณให้เริ่มเกมส์ใหม่ หลังจากที่ทีมรุ่นพี่ ม.ห้า เริ่มเขี่ยลูกได้ไม่ถึงสองนาทีก็ถูก คีนแย่งบอลคืนมาได้ ก่อนจะส่งเข้าด้านในสนามให้พอร์ชที่อยู่ตรงกลางซึ่งเตรียมตัวรออยู่แล้ว พอร์ชเลี้ยงหลบคู่แข่งได้ถึงสามคนก่อนจะส่งต่อให้มอสที่อยู่ในตำแหน่งดีกว่าภีมที่ถูกคู่แข่งตามประกบปิดถึงสองคน เมื่อไม่มีคู่แข่งตามประกบการจบสกอร์ก็เกิดขึ้นโดยง่ายทำให้ทีม ม.สี่ ขึ้นนำเป็นสามต่อศูนย์ “อ้าว ทำไมภีมถูกเปลี่ยนตัวออกล่ะ หรือว่าเจ็บ ต้องเป็นที่ล้มเมื่อกี้แน่เลย พูดแล้วก็เจ็บใจไอ้พี่อัดมันตั้งใจเตะขาภีมมากกว่าเตะฟุตบอลอีก สงสัยไม่พอใจเรื่องพี่โบนัส แต่ช่วยไม่ได้ปะผู้หญิงเขามาตามจีบภีมมันเอง” มีนพูดขึ้นทันทีที่ภีมถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่สี่สิบ คำพูดของมีนทำให้ลูกแพร์มองตามภีมที่เดินออกจากสนามอย่างเป็นห่วง ทว่าพอเห็นภีมเดินตรงไปที่รถเบนซ์ซีดานสีเงินที่จอดรออยู่ตรงถนนด้านข้างก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะถูกเปลี่ยนตัวออกเพราะต้องรีบกลับบ้านไปเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปสิงคโปร์คืนนี้ ไม่รอช้ามือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาคนที่กำลังอยู่ในหัวข้อสนทนาทันที Look-Pear : ภีมกลับแล้วเหรอ? Look-Pear : เดินทางปลอดภัยนะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม