“ดีแล้วลูก ไม่เข้าใจตรงไหนก็ช่วยกันติวจะได้เข้าจะ...ใจ อะ อะไรนะ...ไปติวหนังสือที่บ้าน?”
“ใช่ค่ะ งั้นแพร์ไปก่อนนะคะ แม่ พี่หว้า แพร์กลับบ้านก่อนน้า”
“สวัสดีครับ”
“เดี๋ยวก่อนลูกแพร์” คุณแซมที่เพิ่งหายตกใจตระโกนเรียกลูกสาวเอาไว้ทันที
ลูกแพร์ที่ถูกเรียกหันกลับมามองบิดาอย่างสงสัย ทำให้ภีมที่เดินข้างกันต้องหยุดเดินและหันกลับมามองด้วย “คะ? พ่อเรียกแพร์มีอะไรรึเปล่า?”
“อ่อ คือ” คุณแซมพูดไม่ออก จะพูดได้ยังไงว่าไม่อยากให้ลูกกลับไปอ่านหนังสือที่บ้าน ถึงที่บ้านจะมีมะลิอยู่ แต่ทว่ามะลิก็คงทำอะไรก๊อกๆแก๊กๆอยู่ในครัวหรือไม่ก็หลังบ้านไม่มีทางมานั่งอยู่กับลูกแพร์ที่กำลังอ่านหนังสือกับเพื่อนแน่นอน
มารดาของลูกแพร์ที่ฟังอยู่นานเดินเข้ามาสมทบ ส่ายหน้าเบาๆ รู้ว่าสามีอยากจะพูดอะไร “ไม่มีอะไรหรอก พ่อเขาแค่จะบอกว่าตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ ขาดเหลืออะไรก็โทรมาบอกพ่อเขาได้ไม่ต้องเกรงใจ ”
“อ่อ ได้ค่า งั้นแพร์ไปนะ”
ลูกแพรพูดจบก็หันไปมองหน้าภีมเพื่อส่งซิก ก่อนจะเดินตามกันออกไปที่รถ เมื่อเดินไปถึงรถภีมก็ยื่นมือไปหยิบเอาหมวกกันน็อคที่วางอยู่บนถังน้ำมันมาส่งให้ลูกแพร์ทันที
“แล้วภีมล่ะ?” ลูกแพร์เอ่ยถาม รู้ว่าภีมมีหมวกกันน็อคแค่ใบเดียว ถ้าเขาให้เธอใส่ ตัวเองก็จะไม่ได้ใส่
ถ้าภีมมีหมวกกันน็อคสองใบก็คงดี จะได้เซฟตี้ทั้งคู่
“หมวกมีใบเดียว บ้านอยู่ไม่ไกลไม่ใช่เหรอ?”
“แล้วทำไมภีมไม่ใส่”
“ให้เธอใส่ไง” ไม่ใช่แค่พูด ทว่าภีมขยับเดินเข้าไปใกล้ลูกแพร์มากขึ้น ห่างกันไม่ถึงสิบเซนติเมตร เอาหมวกที่ถืออยู่สวมให้เสร็จสรรพ เมื่อเสร็จแล้วก็ขยับออกห่าง ก้าวขาขึ้นนั่งคล่อมเบาะรถ และไม่ลืมที่จะหันมาถามลูกแพร์ที่ยังยืนอยู่ข้างรถอย่างเป็นห่วง “นั่งได้ใช่มั้ย?”
“ได้สิ แพร์ขับมอไซค์เป็นนะ" ลูกแพร์มองแรงใส่คนถาม พาตัวเองขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายอีกฝ่ายอย่างคล่องแคล่ว
แม้ว่าเธอจะขับรถยนต์เป็นแล้ว แต่เพราะอายุยังไม่ถึงสิบแปดบิดาก็เลยซื้อมอไซค์ไว้ให้ใช้หนึ่งคันสำหรับขับมาที่ร้านเวลาที่ไม่มีใครว่างไปรับที่บ้าน ทว่าพอเอาเข้าจริงทุกครั้งที่โทรเข้าร้านทุกคนก็ว่างไปรับเธอหมด
ภีมยกยิ้มมุมปาก ดวงตาคมก้มมองมือเรียวที่จับกระชับเอวสอบของตัวเองอย่างพอใจ
นอกจากวันนี้ก๋วยเตี๋ยวจะโคตรอร่อย รถเขายังน่าขับขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
"ไปนะ"
"อืม" ลูกแพร์พยักหน้าขึ้นลง กระชับมือที่จับเอวสอบแน่นขึ้นอย่างเตรียมพร้อม
การกระทำของลูกแพร์ทำให้มุมปากของภีมยกขึ้นยิ้ม ทว่ากลับทำให้คนที่อยู่ในร้านถึงกับเม้มปากแน่นแทบจะเป็นเส้นตรง เสียงลมที่ลอยออกจากหูดังอื้อๆ ดวงตาที่ผ่านการใช้งานมามากกว่าห้าสิบปีมองตามรถบิ๊กไบค์ที่เพิ่งวิ่งออกไปแทบถลน
“คุณแซมอย่าห่วงเลย ยังไงแฟนลูกแพร์ก็คนนี้แน่นอน” ลูกหว้าที่เพิ่งเว้นว่างจากลูกค้าเอ่ยแซวเมื่อเห็นอาการหวงลูกสาวของคนเป็นพ่อกำเริบ ไม่ใช่แค่ลูกแพร์หรอกที่เจอ เธอกับพี่ลูกหม่อนต่างก็เคยผ่านช่วงเวลาและสถานการณ์เหล่านี้มาแล้วทั้งนั้น
"แฟนเฟินอะไรกันลูกหว้า น้องเพิ่งอายุสิบหกเอง ถ้ายังไม่เข้ามหา’ลัยพ่อยังไม่อนุญาตให้ลูกแพร์มีแฟนหรอกนะ”
"อีกสี่เดือนลูกแพร์ก็สิบเจ็ดแล้วค่า"
"สิบเจ็ดก็ไม่อนุญาต บอกแล้วไงถ้ายังไม่เข้ามหา’ลัยพ่อไม่อนุญาตให้มีแฟน" ผู้เป็นบิดายังเสียงแข็ง
ทว่า...
"แต่แม่อนุญาต"
ลูกหว้าถึงกับยิ้มกว้าง เกือบจะหันเราะก๊ากออกมาเมื่อคำพูดเดียวของมารดาสามารถหยุดอาการโวยวายของบิดาได้
เหมาะสมแล้วที่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าสมาคมคนกลัวเมีย เอ้ย คนรักเมีย
ถ้าอยากรู้ว่าผู้ชายที่รักเมียมากเป็นยังไงก็ให้มาดูคุณแซมบิดาของเธอได้เลย
ภีมใช้เวลาขับรถไม่ถึงสองนาทีก็พาลูกแพร์มาถึงที่บ้าน ลูกแพร์กดรีโมทเปิดประตูรั้วเพื่อให้ภีมขับรถเข้าไปด้านในโดยที่ไม่ต้องรอให้มะลิต้องออกมาเปิดประตู และตัวเองก็ไม่ต้องลงจากรถ สมาชิกทุกคนนอกจากจะมีกุญแจบ้านแล้วก็ยังมีรีโมทคอนโทรลสำหรับเปิด-ปิดประตูรั้วบ้าน
ลูกแพร์ให้ภีมขับรถเข้าไปจอดในโรงรถคู่กับ Scoopy i สีเขียวพลาสเทลของตัวเอง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็พากันเดินเข้าไปในบ้าน
“ภีมรอเราแปปนะ เราขอขึ้นไปเอาหนังสือที่ห้องแปปเดียว” หันมาบอกเมื่อเดินเข้าไปถึงห้องนั่งเล่น
"อ่อ พี่มะลิน่าจะอยู่หลังบ้าน ถ้าหิวน้ำไปหยิบเอาในครัวได้เลยนะ"
“อือ” ภีมพยักหน้า เมื่อลูกแพร์เดินแกมวิ่งไปที่บันไดก็หันกลับไปมองรูปถ่ายมากมายที่อยู่บนหลังตู้โชว์ตามเดิม ซึ่งมีทั้งรูปเดี่ยวของลูกแพร์และคนอื่นๆ รูปรวมสามสาวพี่น้อง และรูปรวมครอบครัว ทว่ารูปที่ทำให้ภีมต้องยืนนิ่งคือรูปที่ลูกแพร์ใส่ชุดว่ายน้ำทูพีชสีฟ้าที่ข้างบนเป็นเสื้อสายเดี่ยวส่วนข้างล่างเป็นกระโปรงบานที่มีความยาวแค่ต้นขา คนอื่นอาจจะมองว่ามันสวย แต่สำหรับเขา
แม่งงงงง...ต้องเอารูปแบบนี้มาไว้ตรงนี้ด้วยเหรอวะ แบบนี้ทุกคนที่มาก็ต้องเห็นหมดสิ
ภีมจ้องมองรูปนั้นด้วยสายตานิ่ง ทว่ายังไม่ทันจะหยิบรูปนั้นขึ้นมาดูโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ก็ส่งสัญญาณเตือนขึ้นมาอีกครั้ง