ตอนที่ 11 ใบหย่า
ภายในห้องตรวจและมีไว้สำหรับฉีดวัคซีนให้กับเด็กเล็กตามกำหนด คาลวินเจ้าก้อนกลมลูกรักของผมนั่งเหล่ตามองคุณหมอประจำอย่างหวาดระแวง คงจำได้ว่ามาทีไรคุณแม่ต้องเอาเข็มแหลมมาจิ้ม ให้ตัวเองเจ็บทุกที
“แม่ แม่ แม่ ฮือออ” เด็กน้อยร้องไห้เกี่ยวขาหนีบผมเอาไว้แน่น เนื่องจากงอแงเพราะถูกจับฉีดยา เสียงน้องจ้าของลูกรักไม่ว่าเวลาผ่านไปกี่ครั้งผมไม่เคยชินสักที
"ไม่เป็นไรนะครับลูกเดี๋ยวก็หาย คาลวินคนเก่งของแม่ไม่ร้องนะครับ"
"เจ็บ เจ็บ ฮือ"
"เฮ้ คาลวินคนเก่งของพ่อ เจ็บนิดเดียวครับ เป็นลูกผู้ชายเราต้องไม่ร้องไห้ง่าย ๆ นะลูก" อีวานขยับเข้ามาโอบท่อนแขนกอดเราไว้คู่กัน
"พ่อ วิ่นเจ็บ เจ็บ" นิ้วเล็กจิ้มลงไปยังตำแหน่งที่เวลานี้มีพลาสเตอร์แผ่นลายการ์ตูนแปะทับเอาไว้
"เพี้ยง พ่อเป่าให้แล้ว หายเจ็บแล้วใช่มั้ยลูก" ทั้งผมและอีวานส่งยิ้มอ่อนโยนจนลูกน่าจะงงว่าตกลงควรจะร้องไห้ต่อดีหรือไม่
“คุณจีนเชิญครับ” คุณหมอผายมือนำทางผมเข้าไปยังห้องตรวจอันคุ้นเคย หลังจากจัดการฉีดวัคซีนอายุครบหนึ่งขวบให้กับเจ้าหนูคาลวินเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวแม่มาลูก อยู่กับพ่อก่อนนะครับ” ผมหันไปเช็ดน้ำตาพร้อมปลอบใจลูกชายสุดที่รัก
“หาแม่”
“แม่ไปฉีดยาแป๊บเดียวลูก เดี๋ยวแม่มานะครับ” ผมเอียงหน้าลงไปหอมแก้มลูกแล้วพยายามปลอบโยน
“ไม่ฉีด ไม่ได้เหรอจีน” อีวานช้อนมือลงมาแกะแขนแกะขาลูกชายออกไปจากผม หน้าบึ้งหงิกงอไม่พอใจทุกรอบที่เห็นผมเดินเข้าไปในห้องนั้น
“ไม่ได้ นี่มันมดลูกผม คุณไม่มีสิทธิ์” ผมยักคิ้วตอบพร้อมกับเดินเข้าไปนอนรอคุณหมอบนเตียง
ตั้งแต่คลอดคาลวินออกมา แล้วรู้ว่ายังไม่สามารถเดินทางกลับเมืองไทยได้ ผมเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิดที่ค่อนข้างปลอดภัยที่สุดคือการฉีดยาคุมทุก ๆ สามเดือน เพื่อป้องกันการตั้งท้องโดยไม่ได้วางแผน
ครั้งก่อนตอนท้องคาลวินนั้น เกิดมาจากความประมาทสะเพร่าของผมเองที่เผอเรอคิดว่าการกินยาคุมช้าไปเพียง สองวันจะยังคงปลอดภัย กว่าจะรู้ตัวมันก็สายไปเสียแล้ว เพราะคาลวินมานอนซุกในพุงของผมได้เดือนกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมยอมตกลงแต่งงานกับอีวาน ทั้งที่เราไม่เคยบอกรักกันสักคำ และเพราะความไม่พร้อมในครั้งนั้น ทำให้ผมถูกทุกคนในตระกูลอีวาน สลักชื่อกลางหน้าผากว่าใช้ลูกเป็นเครื่องมือเหนี่ยวรั้ง ไต่เต้าเข้ามาเป็นสะใภ้ โดยไม่มีใครต้อนรับยินดี
งานฉลองวันเกิดครบอายุหนึ่งขวบลูกชาย อีวานจัดงานให้ยิ่งใหญ่เสียจนผมยังอดหวั่นใจไม่ได้ว่าอาจมีคนหมั่นไส้เจ้าลูกชายตัวจิ๋ว คาลวินที่เริ่มรู้ความมากขึ้น ดูตื่นเต้นกับลูกโป่งสีสวยสดใสที่ถูกนำมาติดประดับไว้จนเต็มบ้าน กล่องของขวัญจำนวนมากถูกส่งมาจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ก่อนถึงวันงาน อีวานสั่งให้คนจัดห้องโถงใหญ่เว้นที่กว้างเอาไว้มุมหนึ่ง สำหรับจัดเรียงกล่องของขวัญโดยเฉพาะ
ญาติพี่น้องสายต่างๆ มาร่วมงานเป็นจำนวนเกือบร้อยคน น่าแปลกที่ผมสังเกตเห็นว่าญาติๆ เหล่านั้น แทบไม่มีเด็กวัยเดียวกันกับคาลวินเลย นอกจากลูกหลานวัยสักสิบขวบ สองคนเท่านั้น
“คาลวิน เหลนรักของทวด ไม่เจอนานหลายเดือนเลย โอ้โตขึ้นเยอะเลยนะนี่” ประมุขใหญ่วัยแปดสิบปีที่เคยถูกผมล่มงานเลี้ยงฉลองวันเกิด เดินตรงเข้ามาขออุ้มลูกชาย
“.............” ผมปรายหางตามองมือเหี่ยวผิวหนังย่นนั้นนิดหน่อย แต่ยังไม่ยอมส่งลูกให้
“นี่...จะค้นตัวฉันก่อนมั้ยล่ะ” คุณปู่กระแทกลมหายใจออกมานิดหนึ่งเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจแม่ที่หวงลูกชายอย่างผม
“คาลวินอยากไปหาคุณทวดมั้ยครับ” ผมยิ้มแล้วหันมาถามความสมัครใจของลูกชาย เพราะตอนนี้คาลวินเริ่มบอกความต้องการตัวเองได้แล้วว่าต้องการ หรือไม่ต้องการ ชอบหรือไม่ชอบอะไร ดังนั้นผมจึงไม่อยากยัดเยียดให้ลูกทำอะไรที่ตัวเองไม่ชอบ
“อื้อ” ลูกชายความจำดีส่งยิ้มหวานอวดฟันซี่จิ๋ว จากนั้นอ้าแขนโน้มตัวอ้วนกลม ลงไปหาคุณทวดที่ยื่นมือส่งมาให้ทันที
“คิดถึงทวดใช่หรือเปล่าลูก”
“ถึงงงง” เสียงเล็กลากยาวตอบ จนคนฟังยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ
“โอ้ ชื่นใจทวดเหลือเกิน....คิดถึงทวดใช่มั้ยคาลวิน แหม...ฉลาดจริงๆ เธอเลี้ยงเขาได้ดีมาก” คำชมลอยดังขึ้นมาท่ามกลางงานเลี้ยงอันรื่นเริง สายตาหมั่นไส้ ไม่พอใจยังพอมีให้เห็นบ้างแต่ไม่มากเท่างานเลี้ยงครั้งก่อน ส่วนหนึ่งอาจเพราะขาดตัวตั้งตัวตี ไอ้คนปากไม่มีหูรูดอย่างเฮมิซ
“อีวาน ได้ข่าวของเฮมิซบ้างหรือเปล่า” ญาติคนหนึ่งพูดขึ้นมาท่ามกลางโต๊ะอาหาร
“ไม่นี่...ทำไมเหรอ”
“มีคนบอกว่าเขามาหานายที่นี่”
“ใช่ เขามาเมื่อเดือนก่อน มากับคนชื่อครูซ แต่กลับไปแล้วนี่”
ญาติของอีวานสองสามคนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เมื่อเห็นท่าทีสงบนิ่งไม่รู้ไม่ชี้ของอีวาน จากนั้นทุกคนจึงหันไปให้ความสนใจกับเจ้าของวันเกิดที่นั่งตบมือแปะๆ อยู่บนตักคุณทวด
“เอาล่ะเรามาแกะของขวัญกันดีกว่า” หญิงสาวคนหนึ่งเดินถือกล่องของขวัญมาวางบนโต๊ะพร้อมเสียงปรบมือ
คาลวินในวัยหนึ่งขวบ ผมยังไม่มั่นใจว่าลูกชายเข้าใจคำว่าของขวัญวันเกิดมากน้อยแค่ไหน แต่คิดว่าลูกน่าจะชอบเพราะเห็นหัวเราะร่า ตีมือเข้าหากัน พร้อมกับทำท่าดีใจไปกับคนอื่นๆ เครื่องประดับ เสื้อผ้าแบรนด์เนมสำหรับเด็ก รถบังคับ ของเล่นเด็กถูกแกะออกมาจากกล่องทีละชิ้นๆ จนเมื่อกล่องของขวัญชิ้นสุดท้ายถูกแกะไป อีวานจึงขยับมายืนอยู่ข้างผม
“ฉันกับคาลวิน มีของขวัญจะให้นายเหมือนกัน” เสียงเซ็งแซ่เงียบลงในทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่อีวานบอก คาลวินลูกชายถือกล่องของขวัญใหญ่ขนาดเกือบเท่าตัวเอง เดินเตาะแตะนำมาส่งให้ผม
“ของขวัญ” เจ้าอ้วนตุ๊ต๊ะยิ้มร่าอวดฟันซี่จิ๋วๆ ที่เพิ่งโผล่พ้นเหงือกชมพู สองมือเล็กพยายามยกกล่องใหญ่ยื่นส่งให้ผม
“ของขวัญนี่ คาลวินให้แม่เหรอครับ” ผมย่อตัวลงไปแล้วอุ้มลูกชายขึ้นมาพร้อมกับรับกล่องของขวัญสีขาวเอาไว้
“ของขวัญ แกะ” ลูกรักพูดย้ำพร้อมกับตบมือลงไปบนกล่องใหญ่
“นายแกะดูสิ” อีวานพยักหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ อย่างไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่นัก
“คุณให้ผม?”
“วันนี้เป็นวันเกิดครบ 1 ขวบของคาลวิน” อีวานขยับมายืนอยู่เบื้องหน้าปลายนิ้วเขี่ยแก้มยุ้ยลูกชาย ก่อนจะยื่นแขนมารับเจ้าอ้วนไปอุ้มไว้
“วันเกิดลูก แล้วเกี่ยวอะไรกับผม” สายตาปรายลงมามองกล่องของขวัญนั้นคาดเดาได้รางๆ ว่าอาจเป็นเครื่องประดับเพราะขนาดกล่องและน้ำหนัก
“เกี่ยวสิ เพราะนายเป็นแม่ของคาลวินไง จีน...ขอบคุณนะที่มอบลูกชายคนแรกมาให้ฉัน นายเป็นภรรยาที่ยอดเยี่ยมและเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น...จุ๊บ” ท่ามกลางญาติๆ ที่เป็นมาร่วมงานวันเกิดลูก อีวานประทับจูบลงมาอย่างนุ่มนวล
“จุ๊บ จุ๊บ” คาลวินยื่นหน้าเข้ามาหา ปากเล็กยื่นจุ๊บจูบผมเลียนแบบตามพ่อ
“ภรรยาอย่างนั้นเหรอ ไหนเขาสองคนบอกว่าหย่ากันแล้วไง”
“นั่นสิ อีวานคิดอะไรอยู่”
“แกะดูสิ”
“แกะ...” คาลวินตีมือลงไปบนกล่องของขวัญซ้ำ เหมือนคิดว่านี่เป็นกล่องของขวัญวันเกิดที่ตัวเองต้องแกะเหมือนที่ผ่านมา ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่คนกำลังวิจารณ์ถึงสถานะภรรยาของผม
“คาลวินอยากแกะเหรอลูก”
“แกะ ของขวัญ”
“กล่องนี้เป็นของขวัญของแม่ครับ ต้องให้แม่แกะ”
“แม่ แกะ” ลูกชายที่ยังพูดไม่ชัดชี้นิ้วย้ำๆ ทำท่าตื่นเต้น
“โอเค ถ้าอย่างนั้น คาลวินมาช่วยแม่แกะสิลูก”
ผมแกะกระดาษห่อของขวัญออกมานิดหน่อย หลังจากนั้นให้ลูกชายเป็นคนแกะต่อ เพราะดูเหมือนคาลวินจะชื่นชอบการแกะห่อของขวัญมากเป็นพิเศษ ภายในกล่องกระดาษมีกล่องกำมะหยี่สีดำซ้อนอยู่ เครื่องเพชรชุดใหญ่ซึ่งอยู่ภายในทำให้ทั่วทั้งห้องโถงเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกความเห็น
“นั่นมันเครื่องเพชรของคุณย่าไม่ใช่เหรอ ทำไมนายถึงได้เอามาให้เขา....” ใครคนหนึ่งพูดโพล่งขึ้นมา
“นั่นสิ อีวานนายกำลังคิดอะไรอยู่”
“ฉันให้ของขวัญเมียฉัน...มันเกี่ยวอะไรกับพวกนายด้วย”
“แต่เครื่องเพชรชุดนี้ มันเป็นเครื่องเพชรประจำตระกูล ทำไมนายถึงเอามาให้ผู้ชายคนนี้”
“แล้วทำไมฉันถึงให้จีนไม่ได้ ในเมื่อเขาเป็นภรรยาของฉัน เป็นแม่ของคาลวิน”
“เพราะเขาไม่คู่ควร...”
“ไม่คู่ควรอย่างนั้นเหรอ?” อีวานแค่นยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
ผมเพียงปรายหางตามองไปยังหัวโต๊ะ สำหรับนั่งทานอาหารขนาดใหญ่ ตรงกลางหัวโต๊ะตำแหน่งสำคัญนั้น คุณปู่ของอีวานยังคงนั่งฟังลูกหลานถกเถียงกันอย่างสงบนิ่ง
“ใช่ คนอย่างเขาไม่คู่ควรกับมัน พวกนายหย่ากันแล้ว ตอนนี้เขาถือว่าเป็นคนนอก ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลของเรา นายจะยกของสำคัญชิ้นนี้ให้กับเขาไป...มันไม่ถูกต้อง”
“คุณปู่เคยบอกว่าเครื่องเพชรชุดนี้ คุณปู่จะยกให้กับทายาทที่คู่ควร มันเป็นสมบัติของตระกูลเราไม่ใช่เหรอครับ” ญาติคนเดิมโวยวายเสียงดังหันไปทางประมุขวัยแปดสิบ
“นั่นสิ อีวานฉันรู้ว่าคุณปู่ยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้นาย แต่นายจะเอาของมีค่าสำคัญชิ้นนี้มายกให้คนอื่นโดยพลการไม่ได้” ลูกหาบญาติกลุ่มเดียวกันร้องค้านพร้อมตำหนิติเตียนอีวาน
“เฮ้ออออ พวกนายนี่มันยังไงกันนะ เครื่องเพชรชุดนี้เดิมที่เป็นของแม่ฉัน ฉันได้มันมาตอนที่รู้ว่าจะต้องขึ้นมาปกครองดูแลทุกอย่างแทนพ่อ จากนั้นฉันส่งต่อมันให้กับชาร์ค พ่อของอีวาน ตอนนี้อีวานกำลังจะส่งต่อมันให้กับแม่ของคาลวิน แล้วมันไม่ถูกต้องตรงไหน” คุณปู่ที่นั่งเงียบอยู่นานพูดเสียงดังอย่างหงุดหงิด หยุดเสียงคัดค้านไม่พอใจจากนั้นขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาทางผม
“แต่คุณปู่ครับ ผู้ชายคนนี้เขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ”
“ถ้าอย่างนั้นตอบฉันสิว่า ใครล่ะที่มีคุณสมบัติพอ นายเหรอ หรือว่านาย...เมียนายเหรอ ที่คู่ควรกับเครื่องเพชรชุดนี้” คุณปู่หันไปถามหลานคนหนึ่งที่พูดค้านเสียงดังกว่าใคร
“ของขวัญ แม่” คาลวินชี้นิ้วลงมายังกล่องเครื่องประดับ เพชรน้ำงามส่องประกายเล่นกับแสงไฟระยิบระยับพราวตา
“คาลวินชอบมั้ยลูก” คุณทวดเดินเข้ามาจับแก้มเหลนรัก
“ชอบ” หน้ากลมพยักรับ จากนั้นอ้าแขนโน้มตัวเข้าไปให้คุณทวดอุ้มอย่างเดิม
“ว่ายังไง....นายจะรับไว้มั้ย” ประมุขใหญ่ของตระกูลมาเฟียรัสเซีย หันมาเอ่ยถามผม ท่ามกลางสายตาคัดค้านของลูกหลาน
“ดูเหมือน...เครื่องเพชรชุดนี้ มันจะมีความสำคัญมากสำหรับพวกคุณ”
ผมเอื้อมมือลงไปปลดตะขอเกี่ยวภายในกล่อง หยิบสร้อยเพชรหรูหราระย้ายาวขึ้นมาถือไว้ในมือ ก่อนจะปรายตาหันกลับไปหาสายตาวับวาวของคนที่มีสิทธิ์ครอบครองมัน ในฐานะลูกหลานของตระกูลมาเฟียรัสเซีย หากแต่สิทธิ์นั้นมันกลับถูกนำมาวางไว้ในมือของผม เพียงเพราะผมให้กำเนิดคาลวิน
“นายไม่ใช่คนในตระกูลเราอีกแล้ว วางมันลงซะ”
“หุบปาก! ของพวกนายได้แล้ว ฉันเหนื่อยจะฟังเต็มที” อีวานดูมีท่าทีหงุดหงิดรำคาญใจ
“หุบปาก!” ลูกชายช่างจำของผมเลียนแบบพ่อได้เหมือนเป๊ะ ชี้นิ้วยื่นออกไปพร้อมพูดเสียงเขียวชัดเจน
“อีวาน นี่นายสอนให้ลูก...”
“ถ้าพวกนายข้องใจในสถานะของเมียฉัน แล้วอ้างไปถึงเอกสารการหย่า ไอ้กระดาษไร้ค่าแผ่นนั้นละก็...”
“นายหมายความว่ายังไง ในเมื่อนายเป็นคนบอกพวกเราเองว่า...นายกับจีนหย่ากันแล้ว”
“ใช่ฉันเซ็นลงนาม ลงชื่อในใบหย่าให้กับจีน ตั้งแต่วันที่คาลวินเกิด ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ กระดาษแผ่นนั้นมันยังอยู่ในห้องทำงานฉัน ยังไม่มีพยานเซ็นลงนามรู้เห็นเลยด้วยซ้ำ ยังไม่มีทนาย หรือเจ้าหน้าที่ทะเบียนคนไหนในโลกนี้เห็นใบหย่าของเรา เพราะฉันยังเก็บมันไว้ในเซฟ มันก็เลยยังไม่มีผลทางกฎหมายน่ะ”
“แต่นายบอกว่า...”
“ฉันบอกว่า ฉันเซ็นใบหย่าให้กับจีน...เรายังไม่เคยเลิกเป็นผัวเมียกันเลย”
“ถ้าใครคิดว่าตัวเองเหมาะสมกับเครื่องเพชรชุดนี้มากกว่าผม เชิญครับ...เชิญมาหยิบมันไปได้เลย” ผมถือกล่องเครื่องเพชรประจำตระกูลมาเฟียไว้ ยื่นมันออกไปโดยไม่ได้ยึดติด
แต่รออยู่นานนับนาทีกลับไม่มีใครขยับออกมาแสดงความกล้าหยิบเครื่องเพชรนี้ไปจากมือผม กระทั่งมือน้อยๆ ยื่นยาวออกมาหยิบมันไปถือไว้
“แม่ เอา” คาลวินน้อยกำเครื่องเพชรล้ำค่าชูขึ้นมาส่งให้ผม
“นายรับมันไปเถอะ” คุณปู่เจ้าของเดิมเครื่องเพชรสำคัญชุดนี้พยักหน้าช้าๆ
“นอกจากนาย ฉันก็ไม่เห็นว่าใครคู่ควรกับมันอีก” อีวานหยิบสร้อยเส้นนั้นแล้วบรรจงสวมมันลงบนลำคอของผม
“หย่าแล้วไม่รู้จักหย่านะคุณเนี่ย น่ารำคาญชะมัดเลย” ผมสะบัดสายตาขึ้นไปมองค้อนให้สามีที่พยายามขอหย่ามาตลอดสองปีแต่ไม่เคยสำเร็จ
“ฉันบอกแล้วไงว่า ฉันไม่ยอมหย่ากับนายง่ายๆ หรอก”