“ได้เรื่องไหม” ถามพลางมองตาหลังสองสาวไป
“ได้ เหมือนที่คิด” ใบหน้าหล่อเหลาขยับพร้อมกับตอบคำถาม
“ใคร” สายตาคมดุยังคงมองจ้องตรงไป
“ท่าน.....”
“อืม อีกไม่นานน่าจะติดต่อมา”
หลังจากที่เอลเลริคกับวชิรวิษได้พบกันในวันก่อน ทั้งคู่ได้มีการคุยกันเป็นการส่วนตัว เมื่อต่างคนต่างคิดเหมือนกันว่าควรจะสนิทกันไว้ อีกทั้ง 2 หนุ่มยังอายุเท่ากัน และวชิรวิษเองก็อยู่ในแวดวงเชื้อสายเจ้าเหมือนกับฟาริดา เอลเลริคจึงให้อีริคติดต่อหาวชิรวิษเพื่อนัดเจอกัน และนั่นทำให้ทั้งสองหนุ่มสนิทกันไปโดยปริยาย
เอลเลริคขอให้วชิรวิษช่วยเขาสืบหาบิดาของฟาริดาตามที่ได้ขออนุญาตหญิงสาวเอาไว้อีกแรง เขารู้สึกว่าบิดาของเธอต้องไม่ธรรมดา และก็เป็นเรื่องจริง เมื่อสิ่งที่วชิรวิษได้ข้อมูลมา มันตรงกับที่อีริคได้มาเช่นกัน
ดวงตาสองคู่มองไปยังร่างบอบบางทั้งสองร่างที่ยืนคุยกันห่างจากพวกเขา พวกเธอคงคุยกันในเรื่องที่ไม่อยากให้พวกเขารู้ สายตาคมกวาดมองรอบๆตัวของพวกเธอ มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หลายคนพยายามส่งสายตาเพื่อสานความสัมพันธ์กับพวกเธอ แต่ทั้งสองสาวก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
“ว่าแต่มีกำหนดแต่งเมื่อไหร่เนี่ย” เอลเลริคถามน้ำเสียงจริงจัง
“รอเฟิร์นพร้อม ตอนนี้เธอยังเคลียร์งานไม่เสร็จเลย” ร่างสูงตอบอีกฝ่ายพลางยักไหล่
“ฉันจะตัดชุดรอ” เสียงทุ้มกล่าว
เอลเลริครูปร่างใหญ่กว่าวชิรวิษนิดหน่อยตามแบบฉบับลูกครึ่ง แต่สูงใกล้เคียงกัน อีกทั้งอุปนิสัยใจคอ ความเด็ดขาด และธุรกิจของทั้งคู่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันหรือเป็นศัตรูกัน ทั้งคู่จึงสนิทกันได้แบบสนิทใจ
“ไอ้ที่มีอยู่ ใส่ให้ครบก่อนดีไหม”
“ให้ตายเถอะ พูดเหมือนรู้”
“ไม่โง่”
“นึกว่าโง่”
“ไอ้......”
สองหนุ่มคุยกันไปกัดกันไป แต่ก็ไม่ได้จริงจัง การที่ทั้งสองคนหาเรื่องกัดกันเพราะแก้เบื่อกับบรรยากาศในงานก็เท่านั้น
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
ระหว่างที่ทั้งเอลเลริคและวชิรวิษกำลังเถียงกันอยู่ก็ได้มีหญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาทักทาย ทั้งสองหนุ่มรู้จักหล่อนในฐานะคุณหญิงคุณนายที่เป็นลูกค้าของพวกเขา การพูดคุยจึงเป็นเพียงเบื้องต้นและสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ของเอลเลริค และรถรุ่นล่าสุดของวชิรวิษเพียงเท่านั้น
ไม่นานหญิงวัยกลางคนก็ขอตัวแล้วเดินแยกออกไป พอดีกับที่ฟาริดากับหทัยชนกเดินเข้ามาทั้งสี่คนจึงแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเอง
“เอาไง ไปต่อกันไหม หรือแยกย้าย” ฟาริดาถามขึ้นเมื่อพวกเขาเดินมารวมกัน
“รวมตัวสิ” หทัยชนกตอบแทบจะทันที
“ได้ ที่ไหน” เอลเลริคพยักหน้า
“บ้านน้อง” วชิรวิษตอบรับทั้งสองสาว
อันที่จริงฟาริดาและวชิรวิษรู้จักกันก่อนที่เธอจะรู้ว่าวชิรวิษคบกับหทัยชนกเสียอีก มารดาของเธอคุ้นเคยกับบิดามารดาของเขา เนื่องจากเป็นเชื้อสายจ้าวเช่นเดียวกัน หรืออาจจะเรียกว่าเชื้อสายญาติก็น่าจะได้ เพราะมารดาของฟาริดากับมารดาของวชิรวิษเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เวลาต้องออกงานจึงได้มีการพูดคุยและแนะนำเธอกับวชิรวิษให้รู้จักกัน ซึ่งในส่วนนี้ ข้อมูลที่อีริคหามาให้เอลเลริคก็ยังหามาได้ไม่ครบ
“ห้องพี่ยังอยู่นะคะ” เสียหวานใสเอ่ยบอกวชิรวิษพลางยิ้มน้อยๆ
“หืม.....” เอลเลริคสะกิดใจในคำพูดของวชิรวิษ จึงเลิกคิ้วใส่หญิงสาวเป็นเชิงถาม
“จ้ะ” รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งกลับคืน ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของเอลเลริค
“เธอยังไม่ได้บอกคุณเรย์เหรอ” หทัยชนกถามเมื่อเห็นท่าทางของทั้งคู่
“ยัง อันที่จริงไม่เคยบอกใครเลย” เสียงหวานใสเอ่ยเบาๆ
“อะไรเหรอ” เอลเลริคถามด้วยความสงสัย
“ที่จริงมุกกับพี่คิวเป็นญาติกันน่ะค่ะ ท่านตาของเราเป็นพี่น้องกัน หรือว่าง่ายๆคือหม่อมแม่ของเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ” ฟาริดาอธิบายเสียงเบาเพื่อป้องกันคนอื่นได้ยิน
“ท่านตาของเราทั้งคู่เป็นหม่อมเจ้า หม่อมแม่เป็นหม่อมราชวงศ์ แต่ท่านแม่ฉันแต่งงานกับท่านพ่อที่เป็นหม่อมหลวง และท่านน้าแต่งงานกับสามัญชน เราทั้งคู่จึงไม่มียศ และปิดเป็นความลับ” วชิรวิษอธิบายเสียงเบาแค่พอได้ยินกัน 4 คน
“มิน่าล่ะ บรรยากาศในบ้านถึงแปลกๆ” เอลเลริคพยักหน้ารับ
“บรรยากาศในบ้าน?” คิ้วเรียวได้รูปเลิกขึ้นพลางมองญาติผู้น้อง
“พี่ไม่รู้เหรอคะ ว่าน้องสาวพี่พาผู้ชายเข้าบ้าน” หทัยชนกหัวเราะคู่หมั้นหนุ่มน้อยๆ
“หืม.....” ดวงตาคมมองญาติผู้น้อง ก่อนจะมองไปที่เอลเลริค ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“เพิ่งเคยมีคนอื่นนอกจากพี่เข้าไปที่บ้านนะคะ” ฟาริดาอ้อมแอ้มบอกเสียงเบา
“ยังไงดีครับคุณ น้องสาวผมเสียหายนะ” วชิรวิษแกล้งทำเสียงขรึมใส่เอลเลริค
“น้อมรับครับ ผมจะรีบทำพิธีขอขมาให้เร็วที่สุดเลยครับ” เอลเลริคเองก็รับมุกจากเพื่อนหนุ่มเช่นเดียวกัน
“กลับบ้านกันก่อนดีไหมคะ ค่อยคุยกัน” ฟาริดาส่งค้อนให้ทั้งคู่ ก่อนจะรีบชวนให้ออกจากงาน ก่อนที่จะมีใครมาได้ยิน
เมื่อพยักหน้าตกลงกัน ก็พาไปร่ำลาเจ้าภาพ ก่อนจะออกจากงานไป เอลเลริคขับรถนำตามความเคยชินที่ไปบ้านของฟาริดาบ่อยครั้ง
หลังจากฝ่าการจราจรในยามค่ำคืนราวชั่วโมงกว่า รถยนต์คันหรูทั้ง 2 คันก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ทั้งสองหนุ่มส่งหญิงสาวทั้งคู่ลงหน้าเฉลี่ยง ก่อนที่รถยนต์คันหรูจะเคลื่อนตัวไปจอดที่โรงรถ พร้อมกับที่ร่างสูงปราดเปรียวของทั้งสองหนุ่มลงมาจากรถและเดินเข้ามาด้านใน
“สวัสดีครับป้าดา” เสียงนุ่มนวลเอ่ยทักทายหญิงสูงวัยด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะคุณคิว หายไปนานเลย สบายดีนะคะ” เอ่ยถามน้ำเสียงดีใจ
“สบายดีครับ ขอบคุณครับ ป้าดาล่ะครับ”
“สบายดีมากๆค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ดาหลากวาดตามองญาติหนุ่มของผู้เป็นเจ้านายมาบ้านพร้อมกับชายหนุ่มอีกคนที่เดินเข้ามาก็เข้าใจนัยยะนี้ แสดงว่าชายหนุ่มผู้นี้ได้รับบัตรผ่านจากเขาเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวป้าไปเอาน้ำมาให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
วชิรวิษยิ้มรับก่อนจะเดินไปยังลงบนโซฟา เอลเลริคเดินตามมานั่งข้างฟาริดาที่ยังง่วนค้นกระเป๋าอยู่ ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมา เมื่อได้ของที่ต้องการ
“เอ่อ พวกเราจะอยู่ในชุดนี้กันจริงเหรอ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนไหม” ฟาริดาเงยหน้าขึ้นมองทุกคนก็นึกขึ้นมาได้ว่าพวกเธอยังอยู่ในชุดเต็มยศ
“ดีนะ เสร็จแล้วค่อยมาคุยกันว่าเราจะทานอะไรกันดี” เอลเลริคเห็นด้วย วชิรวิษเองก็พยักหน้ารับ
“โอเคค่ะ งั้นคุณไปห้องเดิมได้เลยนะคะ พี่คิวใช้กุญแจดอกเดิมได้เลยค่ะยัยเฟิร์น เธอจะไปห้องฉันหรือห้องพี่คิว” หญิงสาวหันไปถามเพื่อนก่อนจะหรี่ตาเล็กน้อย
“ห้องคู่หมั้นฉันสิ ฉันจะไปห้องเธอทำไม” หทัยชนกยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ยัยบ้า” ใบหน้าสวยหวานส่ายไปมา
“เดี๋ยวนี้หัดด่าเพื่อนเหรอ” เธอแกล้งบ่นพร้อมกับหัวเราะ
“พูดมากน่า แยกย้ายนะคะ อีกชั่วโมงลงมาเจอกัน อ้อ ชั่วโมงนะคะ ไม่ต่อเวลานะ ไม่ว่าจะภารกิจใดก็ตาม” ฟาริดาแกล้งหรี่ตามองญาติผู้พี่กับเพื่อนสาวเป็นการเอาคืน
“ใจร้ายจัง” วชิรวิษเองก็รับมุกฟาริดาบ้าง
เอลเลริคแอบเลิกคิ้ว เมื่อเห็นฟาริดาพูดเล่นแนวนี้กับวชิรวิษ เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะมีด้านนี้ แต่อาจจะเป็นเพราะหญิงสาวสนิทกับหทัยชนกและวชิรวิษเป็นญาติผู้พี่ของเธอก็ได้ เธฮถึงได้กล้าเล่นอย่าสนิทใจ
หลังจากวชิรวิษหัวเราะใส่ฟาริดา เขาก็พาหทัยชนกลุกจากโซฟาเดินตรงไปที่บันได แล้วเดินหายไปในเวลาไม่นาน
“ไม่ไปอาบน้ำเหรอคะ”
“ไป แต่เสื้อผ้าสำรองยังอยู่ในรถ”
“ไปเอาก่อนไหมคะ”
“ได้ รอสักครู่”
“ค่ะ”
ร่างสูงใหญ่เดินหายออกไปจากห้องนั่งเล่น ไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าลำลอง 2 ชุด ก่อนที่เขาจะพยักหน้า ฟาริดาจึงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินนำเขาขึ้นบันไดไป
“คุณเอากุญแจสำรองห้องนี้ไว้ไหมคะ มุกจะได้ไม่ต้องมาเปิดให้คุณ”
“ได้นะ”
“ข้างบนชั้นนี้จะไม่มีใครมารบกวนค่ะ แม่บ้านจะมาทำความสะอาดเฉพาะช่วงเช้าของทุกวัน ก่อนที่จะกลับลงไป รวมถึงแต่ละห้องจะถูกล็อกเอาไว้ทั้งหมด มีเพียงป้าดาที่มีกุญแจเอาไว้ 1 ชุดเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินค่ะ” หญิงสาวอธิบายให้เขาฟังระหว่างที่เดินไปส่งเขาที่ห้องนอน
“แล้วเวลาทำความสะอาดล่ะ”
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ป้าดาถึงต้องมีกุญแจอีกชุดนี่แหละค่ะ เพราะเวลาทำความสะอาด ป้าดาจะเป็นคนคอยคุมแม่บ้านค่ะ”
“อ้อ”
“นี่ค่ะ”
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องนอน หญิงสาวก็เปิดห้องให้เขาเข้าไป ก่อนจะแกะกุญแจห้องให้เขาเป็นคนเอาไปถือเอาไว้
“เดี๋ยวนะ งั้นหมายความว่า ถ้าผมถือกุญแจนี่ ผมก็สามารถเข้าออกห้องนอนนี้ ห้องหนังสือ กับห้องฝั่งนู้นได้น่ะสิ” เขาหมายถึงห้องนอนฝั่งที่เธอใช้อยู่
“ก็.....ค่ะ คุณสามารถเข้าออกได้ รวมทั้งห้องนี้ มุกก็สามารถเข้าออกได้ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ
“เฮ้ คุณไว้ใจผมมากไปหรือเปล่าเนี่ย”
“หรือคุณจะไปใช้ห้องอื่นล่ะคะ”
“ไม่”
“ตามนั้นค่ะ เลิกบ่นนะคะ อีกชั่วโมงเจอกันค่ะ”
หญิงสาวพูดจบก็หมุนตัวเดินกลับไปทางห้องอีกฝั่งของตัวเอง แล้วเปิดประตูหายเข้าไป ปล่อยให้ดวงตาคมดุมองตามพลางส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“ยัยมุก หัดระวังตัวบ้างสิ” เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะเปิดประตูพร้อมกับที่ร่างสูงหายเข้าไปด้านใน