ตอนที่ 9 มากเกินไป

1709 คำ
หลังจากที่เอลเลริคพาฟาริดาแวะไปดูชั้นที่บอกกับหญิงสาวเอาไว้ ทั้งสองหนุ่มสาวก็พากันไปที่ร้านที่นัดกับอีธานเอาไว้ เมื่อไปถึงก็พบว่าอีธานมารออยู่แล้ว “นาน” ร่างสูงใหญ่ที่นั่งรออยู่บ่นอย่างไม่จริงจังนัก บนโต๊ะมีเครื่องดื่มและอาหารที่เริ่มทยอยมาเสิร์ฟบางส่วน “แวะไปดูสถานที่ทำงานใหม่ให้คุณมุกด้วย” เอลเลริคพูดด้วยท่าทางสบายๆ แล้วขยับตัวเข้าไปนั่งด้านใน เพราะฟาริดาไม่ยอมขยับเข้าไปนั่งก่อน “ยังไง” “ว่าจะร่วมหุ้นกับคุณมุก ให้มาเปิดร้านที่ชั้นล่างของบริษัทนั่นแหละ” “ฝั่งด้านข้างน่ะเหรอ” “ใช่ กับชั้นสระว่ายน้ำ” ฟาริดาฟังสองหนุ่มคุยกันเงียบๆ เธอนั่งฟังเพลงไปเรื่อยโดยไม่ได้คิดอะไร สายตากวาดมองไปรอบๆเพื่อเสพบรรยากาศ ก่อนจะรู้สึกเอะใจ เมื่อมีหญิงสาวจากโต๊ะที่อยู่ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลมองเธออยู่ “ขอถามหน่อยนะคะคุณเรย์ คุณคนที่คุณบอกมุก ใช่คนนั้นไหมคะ” มือบางแตะเข้าที่ท่อนแขนแกร่งที่วางพาดพนักโซฟาตามความเคยชินเบาๆ “ไหน....อ้อ ใช่ คนนั้นแหละ” ดวงตาคมกวาดมองไปทั่ว แต่เพียงแวบเดียวก็เห็น เมื่อสัญชาตญาณของเขามันรุนแรงมากพอที่จะรู้สึกถึงการมอง “หืม” อีธานมองตามสายตาของทั้งสองคนแล้วก็เห็นจิรัชยากำลังนั่งอยู่กับเพื่อนของหล่อน และมองมาที่โต๊ะด้วยสายตาไม่พอใจ “บางทีก็มากมายเกินไปนะ” เสียงทุ้มเอ่ยติดแข็งกระด้างเมื่อเจ้าของเสียงมีอาการไม่พอใจ “หล่อนอาจจะไม่ได้ตั้งใจมเจอมึงก็ได้มั้ง” “กูไม่ได้สนใจว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่หล่อนไม่มีสิทธิ์จะมีท่าทางไม่พอใจ ในเมื่อหล่อนไม่ได้เป็นอะไรกับกู” “มุกว่าอย่าให้ความสนใจเลยค่ะ ถ้าเราให้ความสนใจเธอ ก็เหมือนว่าเธอเข้าใกล้พวกคุณได้อีกก้าวนะคะ” ฟาริดาออกความคิดเห็นตามแบบความคิดของผู้หญิงที่เธอคิดว่าจิรัชยาก็น่าจะคิดแบบนี้ “ตามนั้น อย่าไปสนใจ” เอลเลริคเห็นด้วยกับหญิงสาว เขายกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบเบาๆด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “ว่าแต่คุณมุกจะขยายสาขาไปร่วมหุ้นกับไอ้เรย์เหรอครับ” “ใช่ค่ะ มุกว่าน่าสนใจนะคะ คุณเรย์อุตส่าเสนอมาทั้งที” “ทำเลทองเลยนะครับ” อีธานพูดขึ้นเสียงสูงด้วยความแปลกใจ ที่เพื่อนสนิทเป็นฝ่ายชวนหญิงสาวเอง “คนเก่ง ใครก็อยากทำงานด้วย จริงไหม” ชายหนุ่มพูดราวกับเป็นเรื่องปกติ เมื่อเห็นอีธานมองเขาด้วยสายตาแปลกใจ “เออ ก็จริง” ใบหน้าหล่อเหลาขยับอย่างยอมรับ ทั้งสามหนุ่มสาวนั่งคุยกันอย่างออกรส ด้วยความที่อุปนิสัยใจคอเข้ากันได้ จึงคุยกันได้อย่างไม่ติดขัด อีกทั้งฟาริดาเป็นผู้หญิงที่รู้ว่าเวลาไหน ควรพูดคุยเรื่องอะไร หรือควรแสดงตัวตนด้านไหนออกมา จึงทำให้เธอเข้ากับคนอื่นได้อย่างง่ายดาย “ขอร่วมวงด้วยได้ไหมคะ” ระหว่างที่การสนทนากำลังดำเนินไปอย่างเพลิดเพลิน ก็มีเสียงหวานที่ฟาริดาได้ยินครั้งแรกก็ฟังออกว่ามันเกิดจากการดัดเสียงในการพูดดังขึ้น เอลเลริคนั่งนิ่งไม่ขยับ ไม่มองหน้าผู้มาใหม่เสียด้วยซ้ำ เขาทำราวกับหล่อนไม่มีตัวตนในชีวิตของเขา อีธานเองก็แอบกรอกตาด้วยความเซ็งไม่แพ้เพื่อนสนิท “.....” ฟาริดาไม่พูดอะไร เธอมองเอลเลริคด้วยสายตาเชิงถาม และก็พบว่าเขากำลังมองเธออยู่พอดี สายตาสองคู่สบกันราวกับคุยกันผ่านทางสายตา เมื่อเอลเลริคหรี่ตาลงเล็กน้อย และฟาริดาก็กระพริบตาตอบรับ วงแขนแกร่งวางพาดพนักโซฟา มือหนาวางลงบนบ่าบอบบาง อีธานเองก็เดาออกว่าเอลเลริคจะทำอะไร เขาจึงไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เพื่อนสนิทจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าเอง “หล่อนมากับเพื่อนหล่อนไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่สายตาไม่มองหญิงสาวด้วยซ้ำ “เพื่อนจีกลับไปหมดแล้วค่ะ” “งั้นเหรอ” “จียังไม่อยากกลับค่ะ ยังอยากดื่มต่อ นะคะ” จิรัชยาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานราวกับขอความเห็นใจ “แล้วแต่” เอลเลริคพูดราวกับไม่สนใจว่าจิรัชยาจะทำอะไร ก่อนที่จะใช้มือที่ว่างอยู่ยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ “รสชาติดีไหมคะ” ฟาริดาเอ่ยถามราวกับเธอไม่ค่อยดื่ม “ดีนะ นุ่ม แต่ก็บาดลึก ลองสิ” แก้วเครื่องดื่มในมือหนาถูกส่งให้คนตัวเล็กรับไปเมื่อเขาอ่านเกมที่ฟาริดากำลังเล่นออก “ได้นะคะ ลองชิมของมุกไหมคะ” หญิงสาวพูดเสียงหวานหลังจากยกแก้วเครื่องดื่มของเอลเลริคขึ้นจิบแล้วส่งคืนเขา พลางจับแก้วของตนเองแล้วยกขึ้น “เอาสิ” เขารับแก้วเครื่องดื่มมาจากมือเล็ก แล้วยกขึ้นจิบ ก่อนจะส่งคืนให้เธอ อีธานที่เห็นการแสดงของทั้งคู่แล้วก็อยากจะหัวเราะ แต่ก็ได้พยายามกลั้นไว้แล้วยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบเพื่อปิดบังสีหน้าของตนเอง “แล้วนี่คุณมุกจะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่ครับ” อีธานพาเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อกลั้นหัวเราะได้แล้ว “น่าจะต้องปรึกษาคุณเรย์ก่อนค่ะ คุณว่ายังไงคะ” ใบหน้าหวานหันไปสบตากับเจ้าของชื่อยามที่เธอเอ่ยถาม “เมื่อคุณพร้อม ผมมีคนมีทีมงานพร้อมจัดการให้คุณตลอดเวลา” น้ำเสียงจริงจัง บ่งบอกว่าเขาไม่ได้พูดล้อเล่น “ได้ค่ะ แล้วมุกจะรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้เอลเลริค ก่อนจะหันไปคุยกับอีธาน เมื่อรู้สึกว่าสายตาของคนที่นั่งข้างเธอเริ่มทอแววน่ากลัว “เดี๋ยวผมมานะมุก” “ค่ะ” หลังจากที่ชายหนุ่มบอกกับฟาริดาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินออกจากโต๊ะไป ไม่นานจิรัชยาก็เดินตามเขาออกมา “มันจะมากไปไหน จิรัชยา” เสียงแหบห้าวที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจดังขึ้น เมื่อหญิงสาวร่างอวบเดินผ่านบริเวณทางเดิน “อะไรมากไปคะ จีแค่มาดื่มกับเพื่อน แล้วบังเอิญเห็นพวกคุณเท่านั้นเอง” “ผมไม่ได้สนใจ ว่าคุณจะมากับใคร แต่ผมไม่ชอบที่คุณเข้ามาวุ่นวายเวลาส่วนตัวของผม คุณไม่มีสิทธิ์นั้นนะจิรัชยา” “จีเป็นคนของคุณนะคะคุณเรย์” “ผมบอกเมื่อไหร่ล่ะ ว่าคุณเป็นคนของผม” “แต่จีนอนกับคุณนะคะ” “ผมนอนกับใครตั้งเยอะแยะ อย่างนั้นทุกคนก็เป็นคนของผมหมดเลยสินะ” เอลเลริคเริ่มขึ้นเสียงด้วยความรำคาญ เมื่อจิรัชยาเริ่มมากมายและไม่ฟังสิ่งที่เขาพูด เขาเอามือล้วงกระเป๋าเพราะข่มอารมณ์ของตัวเอง “แต่คุณให้จีไปที่คอนโดของคุณไม่ใช่เหรอคะ” “จิรัชยา ผมพูดตามตรงนะ ผู้หญิงที่ผมเรียกไปเอาทุกคน ผมให้ไปที่คอนโดหมดแหละ มีเพียงคนที่ผมให้ไปที่บ้านเท่านั้น” “เหมือนยัยมีนา” “ใช่ คุณก็รู้นี่” “ทำไมคะ” “คุณคิดไม่ได้เหรอ เรื่องนี้เหตุผลมันง่ายมากนะ ผมแค่ไม่คิดจะจริงจังกับคนที่เสนอตัวมาให้ผัวเก่าของเพื่อนสนิทตัวเองเอา ก็เท่านั้นเอง” “จีว่าไม่แปลกนะคะ เพราะพวกคุณเลิกกันแล้ว” “จิรัชยา ถ้าพวกคุณเป็นแค่คนรู้จักกัน ผมจะไม่ว่าอะไรสักคำเลย แต่นี่คุณเป็นเพื่อนสนิทกัน คุณรู้ดีแก่ใจว่าผมเป็นแฟนเก่าของมีนา แต่คุณก็ยังพยายามเสนอตัวให้ผม พูดตามตรงว่าผู้หญิงแบบคุณ ผมไม่เคยคิดจะจริงจังหรือยอมรับ” เอลเลริคกัดฟันพูด เขาเริ่มข่มอารมณ์ของตัวเองไม่ไหว “จีไม่ยอมหรอกค่ะ จีจะทำให้คุณยอมรับให้ได้” “อย่ามาล้ำเส้นผมและคนของผม จิรัชยา ถ้าคุณยังอยากมีชีวิตอยู่” เสียงแหบห้าวดังปนคำราม ก่อนที่เจ้าของร่างสูงใหญ่จะหมุนตัวเดินออกมาจากริมทางเดิน แล้วกลับมาที่โต๊ะ “เป็นยังไงบ้างคะ” ฟาริดาถามแทบจะทันที เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะ “ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้หงุดหงิดแล้วล่ะ” เอลเลริคพูดตามตรง “ต่อไหม” อีธานถามพลางสบตาเพื่อนสนิทเพื่อสื่อสิ่งที่เอ่ยถึง “ไม่ล่ะ กลับเถอะ” “โอเค ยังไงก็ได้ คุณมุกล่ะ” อีธานถามเพื่อให้แน่ใจว่าหากเขาไปต่อแล้วหญิงสาวจะมีคนไปส่ง “กูไปส่งเอง มึงไปต่อเถอะ” เอลเลริคพยักหน้าส่งอีธานอย่างรำคาญ “โอเค งั้นไว้เจอกัน เจอกันนะครับ คุณมุก” “ไว้เจอกันค่ะ” ฟาริดายิ้มน้อยๆให้อีธาน ก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า รอจนอีธานเรียกพนักงานมาเก็บเงิน ก่อนจะเดินตามหลังเอลเลริคออกไป ที่จอดรถ เอลเลริคยืนสูบบุหรี่ดับอารมณ์ตัวเองโดยมีฟาริดาเดินเข้ามายืนข้างๆโดยไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวรอจนเขาสงบลงแล้วขึ้นไปนั่งบนรถ จึงเปิดประตูขึ้นไปนั่งตาม “ดีขึ้นไหมคะ” “พอไหว” “อย่าเก็บสิ่งที่ไม่มีค่ามาใส่ใจค่ะ” “.....นั่นสินะ ไม่มีค่าพอให้เอามาใส่ใจให้อารมณ์เสียด้วยซ้ำ” “ไปเดินเล่นริมแม่น้ำไหมคะ” “อืม” รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรียวเล็ก เมื่อเขาเริ่มคลายความหงุดหงิดลง เธอคาดเข็มขัดแล้วเอนกายพิงเบาะรถยนต์คันหรูเมื่อยามที่รถเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม