เมื่อมาถึงที่ริมแม่น้ำ ร่างบอบบางเดินนำเขาไปเรื่อยๆ หญิงสาวเดินเลียบริมราวกั้น ปล่อยใจไปกับบรรยากาศตรงหน้า
ร่างสูงใหญ่เดินตามหญิงสาวช้าๆ ดวงตาคมมองไปที่ผมยาวที่เจ้าตัวปล่อยสยาย มันปลิวตามแรงลมที่พัดมาเบาๆ
มือหนาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ แล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างร่างบอบบาง ที่ยืนอยู่ตรงบริเวณราวกั้น ดวงตากลมโตทอดมองออกไปไกล
“ดีขึ้นไหมคะ”
“ก็ดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องหงุดหงิดกับผู้คน”
“เวลามุกเหนื่อยๆหรือหงุดหงิด มุกจะมาที่นี่ค่ะ มันช่วยให้มุกผ่อนคลายได้”
“เอาไว้เวลาผมหาคุณไม่เจอ ผมจะมาหาคุณที่นี่”
“คุณจะหามุกทำไมคะ”
“ไม่รู้สิ”
หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ตอบอะไร เธอมองตรงไปยังด้านหน้า ปล่อยใจสบายๆโดยไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ถึงแม้ว่าจะนั่งเงียบๆไม่ได้พูดคุยอะไรกับเอลเลริคต่อก็ตาม
สองหนุ่มสาวใช้เวลาพักผ่อนทางใจอยู่นานจนกระทั่งเริ่มดึก ชายหนุ่มจึงชวนเธอกลับบ้าน
“เข้าห้องน้ำไหมคะ เผื่อคุณไม่สะดวกไปแวะที่ไหน”
“ก็ดี”
เอลเลริคลงจากรถ แล้วเดินตามหลังเจ้าของบ้านสาวเข้าไปด้านใน รอจนหญิงสาวบอกทางเสร็จแล้ว เขาถึงเดินไปยังทางที่เธอบอก
ไม่นานร่างสูงก็กลับออกมา เขาพยักหน้าเบาๆเป็นการบอกให้ฟาริดารู้ว่าเขาจะกลับเลย และหญิงสาวก็เดินตามมาส่งเขาที่รถ
“อ้อ เดี๋ยวก่อน”
“คะ”
“เหมือนจะลืมอะไรนะ”
“อะไรคะ”
“มานี่หน่อย”
เสียงนุ่มนวลเอ่ยพลางดึงให้ร่างบอบบางขยับเข้าใกล้ ก่อนจะอาศัยตอนที่หญิงสาวเผลอ กัดเข้าที่ลำคอขาวผ่องของเธอ
ฟาริดาสะดุ้งเฮือกแต่ไม่ได้โวยวายอะไร เธอรอจนเขาปล่อยเธอแล้วถึงมองสบตาเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“กัดมุกทำไมคะ”
“อยากกัด มันเขี้ยว”
“คะ?”
“ฝากเอาไว้ก่อน”
“ฝากอะไรคะ”
“ฝากรอย”
“.....” หญิงสาวแอบใจเต้นไม่น้อย แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขาทันเพื่ออะไร ในเมื่อเขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน และไม่ได้คิดอะไรเกินเลยซึ่งกันและกันเลย
“เอาล่ะ ดึกแล้ว กลับก่อน เจอกันพรุ่งนี้”
“เอ่อ ค่ะ”
เอลเลริคก้าวขึ้นรถ แล้วขับออกไปแทบจะทันที สายตาคมมองกระจกมองหลัง สายตามองภาพสะท้อนของหญิงสาวตัวเล็กด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะตั้งสมาธิอยู่กับถนนเมื่อรถยนต์ขับพ้นประตูรั้ว
เช้าวันต่อมา หลังจากที่ฟาริดาตื่นนอนเธอก็คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำเหมือนปกติดังเช่นทุกวัน แต่วันนี้เหมือนจะมีอะไรผิดปกติ เมื่อเธอหยุดยืนอยู่หน้ากระจกในขณะที่กำลังจะแต่งตัว ดวงตากลมโตมองจ้องไปในกระจก ภาพที่เธอเห็นคือลำคอขาวเนียนของเธอตอนนี้มันไม่เนียนเหมือนเดิม แต่มีรอยกัดที่เขาฝากเธอเอาไว้ราวกับตราประทับ มันแดงเข้มเป็นรอยช้ำมากกว่าเมื่อคืนที่เธอเห็น
ใบหน้าหวานส่ายไปมา เธอไม่ได้คิดอะไรมาก เกรงแต่คนอื่นที่เห็นจะเข้าใจผิดว่าเธอมีคนรัก แต่ถ้าคนที่ใกล้ชิดกันจะรู้ดีว่าเธอค่อนข้างจะเลือกมาก
หลังจากที่แต่งตัวและปิดร่องรอยเสร็จแล้ว หญิงสาวก็ลงมาข้างล่างและออกจากบ้านโดยไม่ได้กินอะไรเหมือนเช่นทุกวัน
วันนี้ฟาริดาไม่ได้มาที่ร้านอาหาร แต่ไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เพื่อไปพบใครบางคน ใคร.....ที่เธอไม่ได้พบมานาน
“ฉันถึงแล้วนะ”
“เจอกันที่ร้านเดิม”
“โอเค”
หลังจากวางสาย หญิงสาวก็ตรงไปยังร้านของหวานที่เธอนัดกับอีกฝ่ายไว้ ทุกครั้งที่เธอเจอกัน ก็มักจะมาที่ร้านนี้เสมอ
“สั่งอะไรหรือยัง”
“ยังเลย รอเธอมานั่นแหละ”
“งั้นสั่งเลย เหมือนเดิม”
“ตามนั้น”
ฟาริดาเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร หลังจากพนักงานเดินออกไป ผู้มาใหม่ถึงถอดแมสปิดบังใบหน้าออก เผยให้เห็นว่าหญิงสาวผู้นี้มีใบหน้าที่สวยงามไร้ที่ติ
“ไง แม่ดาราดัง คิวเต็มจนไม่มีเวลาให้เพื่อนเลยนะ” หญิงสาวบ่นเพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก
“ว่างแล้วแหละ ช่วงนี้เริ่มพักยาว มีรับแค่พรีเซ็นเตอร์ แต่ไม่รับงานละคร”
“ย่ะ” ฟาริดาแกล้งเบะปากใส่เพื่อนสนิท แล้วหัวเราะออกมา
หทัยชนก หรือเฟิร์น ดาราสาวระดับนางเอก เพื่อนสนิทของฟาริดา ทั้งคู่คบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย
“ว่าแต่เป็นยังไงบ้าง ไม่ว่างไปหาที่บ้านเลย” ดาราสาวถามเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงสดใส
“ก็ดีนะ ที่ร้านก็ไปได้เรื่อยๆ”
“ยัยมุก เธอลืมเล่าอะไรให้ฉันฟังหรือเปล่า”
“อะไร ก็ไม่นะ”
“รอยกัดที่คอเธอไง”
“อ๋อ ก็นี่แหละ ที่จะเล่าให้ฟัง”
ฟาริดารวบรวมสติ เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้หทัยชนกฟัง ตั้งแต่เรื่องที่อีธานจีบเธอ จนถึงเรื่องที่เธอได้รู้จักกับเอลเลริค เรื่องราวต่างๆที่เธอกับเอลเลริคได้พบเจอร่วมกัน
“โห ระดับคุณเอลเลริคเลยนะเห๊ย” หทัยชนกเองก็รู้จักชื่อเสียงของของเอลเลริคและอีธานดี
“ก็นั่นแหละ ฉันถึงไม่เข้าใจไง ว่าเขาทำไปทำไม ระดับเขาเลยนะ” ฟาริดายิ้มให้พนักงานท่าเสิร์ฟขนมหวาน ก่อนจะตักใส่ปาก
“แล้วคุณอีธานล่ะ เธอไม่สนใจเขาเหรอ”
“ไม่นะ เฉยๆเลย”
“กับคุณเอลเลริคล่ะ”
“ก็ไม่รู้อะ บอกไม่ถูก”
ฟาริดาแอบชะงักไปเล็กน้อย หญิงสาวไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย เธอรู้สึกเฉยๆกับอีธาน แบบไม่ได้กลัวหรือสนใจว่าเขาจะคิดยังไงหรือรู้สึกยังไง แต่กับเอลเลริคไม่เหมือนกัน เธอรู้สึกว่าเธอจะคิด ว่าเขารู้สึกยังไง คิดยังไง หงุดหงิดไหม อึดอัดไหม ในจุดนี้เธอไม่เคยนึกถึง
“เฟิร์น ถ้าเธอไม่ถาม ฉันก็ไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้นะ”
“ใช่ไหมล่ะ บางทีก็รู้สึกว่ามันเร็วไป รู้สึกว่าใกล้ตัวเกินไปจนไม่ทันได้คิด”
“ก็คงอย่างนั้น ฉันรู้สึกว่าฉันกับคุณเรย์สนิทกันเร็วเกินไป”
“เรียกชื่อเล่นได้ด้วยเหรอ”
“ใช่ คุณเรย์บอกให้เรียก ทำไมเหรอ”
“เธอรู้ไหม คุณเอลเลริคไม่ค่อยให้ใครเรียกชื่อเล่นนะ” หทัยชนกเล่าตามที่เคยได้ยินมา
“คนของเขาก็เรียกชื่อเล่นนะ” ฟาริดาบอกเพื่อนตามที่เธอเห็น
“คุณมีนาเหรอ”
“ไม่ใช่ คุณจิรัชยา เพื่อนสนิทคุณมีนา”
“อะไร มีอะไรที่ฉันไม่รู้ เล่ามา” ดวงตากลมโตเบิกโพลง เธอมีท่าทางตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“คุณเรย์เล่าว่าเลิกกับคุณมีนา แล้วคุณจิรัชยาเข้ามาเสนอตัวเป็นคนของคุณเรย์ ทั้งที่รู้ว่าคุณเรย์เป็นแฟนเก่าของเพื่อนสนิท” หญิงสาวเล่าให้เพื่อนสนิทฟังอย่างไม่ปิดบัง เพราะรู้ดีว่าหทัยชนกไม่ใช่คนที่เอาเรื่องคนอื่นไปพูดต่อ
“เธอหมายความว่า คุณเรย์กินคุณจิรัชยาแล้วเหรอ”
“ใช่”
“แม่เจ้า”
“แล้วเธอรู้จักคุณมีนากับคุณจิรัชยาด้วยเหรอ”
“รู้จักผ่านๆ 2 คนนี้ อยู่ในแวดวงคนดังนิดหน่อย”
“งั้นเหรอ”
“แล้วเธอจะยังไงต่อ เรื่องคุณเอลเลริค”
“ก็ไม่มีอะไรนะ มันไม่มีอะไรให้ต้องเอามาคิดหรือรู้สึกอะ” ฟาริดาพูดตามที่เธอคิด เธอรู้สึกว่าตัวเธอกับเอลเลริคไม่น่ามีอะไรที่มันจะมากไปกว่านี้ เหมือนเขามองเธอเป็นเพื่อน และเธอก็มองเขาในความเป็นเพื่อนมากกว่า
“ก็รอดูต่อไป แต่ฉันว่าไม่แน่หรอก” หทัยชนกพูดพลางตักอาหารเข้าปาก
“ก็ไม่รู้สินะ”
สองสาวนั่งคุยกันไปเรื่อยๆตามประสาเพื่อนสนิทที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างมาเจอกัน เมื่อเริ่มสายหทัยชนกก็ต้องกลับก่อนเพราะมีนัดกับวชิรวิษ ฟาริดาจึงเดินเล่นอยู่สักพักถึงกลับไปยังร้านอาหาร เพื่อทำหน้าที่ของเธอต่อไป