หลังจากขึ้นมาถึงห้องทำงาน เอลเลริคก็สั่งให้ผู้ช่วยอีกคนไปจัดการเรื่องอาหารให้ ไม่นานอีริคก็เข้ามในห้อง ฟาริดาขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“นาย คุณจิรัชยายังรออยู่ข้างล่างครับ”
“ปล่อยหล่อนรอไป ฉันไม่ได้นัดหล่อน”
“หล่อนโวยวายอยู่ข้างล่างครับ”
“งั้นเหรอ งั้นเดี๋ยวฉันลงไป”
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากหลังโต๊ะทำงาน เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าให้กับฟาริดาแล้วเดินออกจากห้องไป หญิงสาวยิ้มจางๆให้เขา เห็นทีวันนี้จะไม่สงบเสียแล้ว
เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่าง เอลเลริคก็เดินออกไปยังบริเวณโซนรับรับรองที่มีการจัดชุดโซฟา รวมทั้งโต๊ะม้านั่งเอาไว้มากมายโดยมีอีริคเดินตาม
“คุณเอลเลริค”
“ครับ”
“คุณหายไปไหน จีติดต่อคุณไม่ได้เลย”
“งานผมเยอะครับ”
“งานเยอะ แต่คุณก็ลงมารับคนอื่นขึ้นไปได้ แต่จีขึ้นไปไม่ได้”
“เธอเป็นแขกของผมครับ”
“ค่ะ คุณจะว่างเมื่อไหร่คะ”
“ยังไม่ทราบครับ เอาไว้ถ้าผมว่าเดี๋ยวผมติดต่อคุณไป”
“คุณก็ไม่ว่างเสียที” จิรัชยาฉลาดพอสมควร หล่อนไม่โวยวาย และไม่มีท่าทางแข็งกระด้าง หล่อนพูดจาอ่อนหวานใส่เอลเลริคจนพนักงานที่เห็นเหตุการที่หล่อนโวยวายก่อนหน้านี้หลายคนมองหล่อนด้วยความสนใจ
“ผมต้องทำงานครับ” เอลเลริคเริ่มอารมณ์เสียที่จิรัชยาพูดไม่รู้เรื่อง แต่อันที่จริงเขาเองก็ไม่ได้บอกว่าหล่อนเป็นคนของเขาแม้แต่ครั้งเดียว จะว่าหล่อนเป็นคนของเขาก็คงพูดไม่ได้
“ค่ะ งั้นจีกลับก่อนนะคะ” จิรัชยายอมล่าถอยกลับไปก่อน เมื่อหล่อนสังเกตได้ว่าเอลเลริคเริ่มมีอาการหงุดหงิดจนอีริคยังเงียบ
“ครับ”
จิรัชยาเดินออกไปเมื่อเอลเลริคยอมลงมาพบหล่อนตามที่หล่อนเรียกร้อง อันที่จริงแค่ชายหนุ่มยอมลงมาพบหล่อนแล้วมีคนอื่นเห็น หล่อนก็พอใจแล้ว เพราะการที่มีคนเห็นว่าเขาลงมาพบหล่อน นั่นหมายความว่าข่าวการมาของหล่อนในวันนี้ จะแพร่กระจายในไม่ช้า
“จัดการด้วย”
“รับทราบครับ”
เจ้าของร่างภูมิฐานสั่งเสียงเรียบก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟต์ อีริครอจนเจ้านายหนุ่มหายไปก็เดินตรงไปยังหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ สั่งงานพนักงานตมที่เอลเลริคต้องการ ก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นบน
เมื่อพ้นหลังอีริคไป พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็มารวมตัวกันแล้วซุบซิบถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เว้นแม้แต่พนักงานทำความสะอาดที่เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็เดินมารวมตัวด้วยเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
ทันทีที่เข้ามาในห้อง ฟาริดาก็เอ่ยถามเอลเลริคด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อเขาเข้ามาด้วยท่าทางอารมณ์หงุดหงิดและเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาค่อนข้างแรง
“มีเรื่องนิดหน่อย เกิดจากการคิดเอาเองของคน” ไหล่หนาไหวน้อยๆอย่างไม่สนใจ
“งั้นก็อย่าไปสนใจสิคะ เป็นมุกนะ มุกจะทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนไปเลย”
“ความคิดดี” เสียงทุ้มขาดหายไปหลังจากจบประโยค เขาไม่ต่อความ ราวกับสิ่งที่เขาเห็นด้วยกับเธอคือการพูดเล่น
ฟาริดาไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอรู้สึกว่าจังหวะนี้เธอควรเงียบและปล่อยให้เขาอยู่กับความคิดของตัวเอง ไม่นานผู้ช่วยอีกคนของเอลเลริคก็เดินเข้ามา พร้อมกับอีริคที่เดินตามเข้ามาโดยที่ทั้งสองคนถือถาดอาหารอยู่ในมือ
“ไปพักเถอะ”
“ครับนาย”
สิ้นคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย ผู้ช่วยทั้งสองคนของเขาก็เดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้สองหนุ่มสาวได้มีเวลาส่วนตัว
“ลูกน้องคุณนี่ดีจัง ไม่มีปากมีเสียงเลย” เสียงหวานใสเอ่ยทำนองชื่นชม
“ก็ผ่านการอบรมมาอย่างดี” มือหนาจับส้อมแล้วจิ้มอาหารส่งเข้าปาก
“ไม่ได้ประชดใช่ไหมคะ”
“เปล่า พูดจริง”
“ไม่เถียงแล้วค่ะ ทานข้าวเถอะค่ะ”
หญิงสาวตัดบทแล้วตักอาหารเข้าปากชิมรสชาติ แอบพอใจกับรสชาติและหน้าตาอาหารไม่น้อยสำหรับเจ้าของร้านอาหารอย่างเธอ
“อร่อยล่ะสิ”
“ค่ะ อร่อย”
“สนใจมาเปิดสาขาที่นี่ไหมล่ะ”
“ได้เหรอคะ”
“ได้นะ ชั้นล่างด้านข้างก็ว่างอยู่ ชั้นบนๆก็มีว่าง เผื่อต้องการทำเป็นร้านอาหารชมวิว”
“จะลองพิจารณาดูนะคะ ขอบคุณที่ชวนค่ะ”
เอลเลริคไม่พูดอะไรต่อ เขามองสบตาหญิงสาวด้วยความจริงใจ เขาชอบอุปนิสัยและบุคลิกของเธอ เขามั่นใจว่าฟาริดามีศักยภาพมากพอที่เขาจะร่วมงานด้วยหรือแชร์สถานที่ในการทำงานให้กับเธอได้ดูแล
หลังจากจบมื้อเที่ยง เอลเลริคได้เข้าประชุมโดยปล่อยให้ฟาริดาอยู่คนเดียวในห้องทำงานของเขา อันที่จริงเขาไม่เคยปล่อยให้ใครอยู่ในห้องทำงานของเขาแม้แต่คนเดียวเพราะภายในห้องทำงานของเขามีเอกสารที่เป็นความลับอยู่มากมาย
หลายชั่วโมง กว่าที่ชายหนุ่มจะประชุมเสร็จแล้วกลับมาที่ห้องทำงาน เมื่อมาถึงก็พบว่าฟาริดาหลับไปแล้ว ร่างบอบบางเอนกายหลับอยู่บนโซฟาตัวยาว ดวงตากลมโตหวานซึ้งที่ตอนนี้ปิดสนิท เจ้าตัวหลับสนิท ไม่รู้สึกแม้ว่าจะมีเสื้อสูทขนาดใหญ่ห่มคลุมร่างกายให้ก็ตาม
“ไง อ้าว”
ชายหนุ่มนั่งทำงานเงียบๆอยู่นาน จนเริ่มเย็น อีธานก็เปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นฟาริดาหลับสนิทอยู่บนโซฟา
“ไง” เอลเลริคตอบกลับเนือยๆ
“คุณมุกหลับนานยัง” ร่างสูงใหญ่ของผู้มาเยือนเลื่อนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ออกแล้วนั่งลงช้าๆ
“ก็ตั้งแต่ประชุมเสร็จ” ดวงตาคมกวาดมองไปที่หญิงสาวแวบหนึ่งก่อนจะมองหน้าจอต่อ
“ตกลงมึงให้คุณมุกทำอะไรวะ”
“กูให้คุณมุกมาเป็นแรงบันดาลใจให้บรรดานักออกแบบของกูออกแบบคอลเลคชั่นใหม่” เขาตอบตามความจริง
“สินค้าที่จะออกใหม่รอบนี้เหรอ” อีธานถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ใช่”
“น่าสนใจดีนี่”
“แน่นอน”
“แล้วเด็กมึงล่ะ คนล่าสุด ไม่อาละวาดเหรอ” เขาถามตามที่รู้เรื่องที่เอลเลริคมีผู้หญิงคนใหม่
“ไม่นับว่าเป็นคนของกูหรอก กูไม่เคยพูดแม้แต่คำเดียว” เอลเลริคนึกถึงสิ่งที่จิรัชยาทำ กับการที่เป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาทั้งที่เขาเป็นแฟนเก่าของเพื่อนสนิทของหล่อนก็ได้แต่นึกขยักแขยงในใจ
“กินเล่นสินะ”
“ไม่อยากกินด้วยซ้ำ ขยักแขยง”
“หืม”
“หล่อนเป็นเพื่อนสนิทของมีนา”
“หืม แต่มีนาเป็นแฟนเก่ามึงนะ”
“ใช่ ถึงขยักแขยงไง ผู้หญิงที่เสนอตัวให้แฟนเก่าของเพื่อนสนิท มันดีแล้วเหรอ”
“ก็นะ อย่างที่คิด”
“ช่างเถอะ ไม่อยากพูดถึงด้วยซ้ำ แล้ววันนี้มีอะไร หรือตั้งใจมาหาคุณมุก” เอลเลริคถามลองเชิงทั้งที่เขารู้อยู่แล้ว
“มาหาคุณมุกสิ ช่วงนี้ติดต่อคุณมุกยากมาก” อีธานบอกตามความจริง
“ไม่ว่างมั้ง”
“มึงว่าคุณมุกจะสนใจกูไหมวะ” อีธานถามพลางขมวดคิ้ว
“มึงถามกู กูจะตอบยังไง มึงต้องถามเจ้าตัวเอง” เอลเลริคส่ายหน้าเหนื่อยใจกับเพื่อนสนิท
“ไม่กล้าถามว่ะ”
“.....”
ดวงตาคมดุมองหน้าเพื่อนสนิทด้วยสายตาพิจารณา ดูท่าทางอีธานจะจริงจังกับฟาริดามาก เขาไม่เคยเห็นเพื่อนสนิทมีอาการไม่มั่นใจตัวเองแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทางด้านฟาริดา หลังจากที่อีธานเข้ามาในห้องไม่นานเธอก็รู้สึกตัว แต่เมื่อจะส่งสัญญาณให้พวกเขารู้ว่าเธอตื่นแล้วก็เกรงจะทำให้ทั้งสองคนต้องรู้สึกถูกขัดจังหวะ จึงนอนฟังเงียบๆและทันได้ยินเรื่องราวของหญิงสาวอีกคนที่เอลเลริคพูดถึง เธอแอบรู้สึกไม่ดีกับผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย แต่ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องของเธอ จึงไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่ง
อีกอย่างการที่เขาพูดถึงเรื่องของเธอ มันทำให้เธอไม่อยากให้พวกเขารู้ว่าเธอตื่นแล้ว เธอไม่อยากตอบคำถามที่อีธานถาม
รอจังหวะอยู่ไม่นาน ทั้งสองหนุ่มก็หยุดการสนทนา หญิงสาวจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่งและทำท่าทางว่าเธอเพิ่งตื่นนอน แต่ดูเหมือนว่าเอลเลริคจะรู้ทันเธอ เมื่อเขาสบตากับเธออย่างไม่ปิดบัง
“เย็นนี้ไปทานมื้อเย็นที่ไหนดี” เจ้าของห้องเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่สายตายังมองอยู่ที่หญิงสาวเพียงคนเดียวในห้อง
“ไปบาร์ไหม คุณมุกโอเคไหมครับ” อีธนเองก็หันมาถามเธอเช่นกัน
“ได้นะคะ” ฟาริดาขยับใบหน้าเล็กน้อย
“โอเค งั้นเดี๋ยวผมไปจองโต๊ะก่อน คุณมุกไปพร้อมผมเลยไหมครับ” อีธานลุกขึ้นยืนแล้วหันมาถามหญิงสาว
“มุกไปพร้อมคุณเรย์ดีกว่าค่ะ พอดีจะรบกวนให้คุณเรย์พาแวะไปซื้อของด้วย”
“ได้ครับ เรย์ กูฝากคุณมุกด้วยนะ” เขาบอกกล่าวเพื่อนสนิทก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“เห้อ.....”
ฟาริดารอจนประตูปิดสนิท เธอถึงถอนหายใจออกมาเบาๆ เอลเลริคที่มองเธออยู่ก่อนแล้วหัวเราะออกมาก่อนจะเดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเล็ก
“ไม่ยอมตื่นมาตอบคำถามอีธานเลยนะคุณ”
“ก็มุกไม่รู้จะตอบอะไรนี่คะ”
“ตื่นตอนไหนล่ะ”
“ตั้งแต่คุณอีธานเข้ามาสักพักค่ะ”
“ได้ยินเรื่องของจิรัชยาสินะ”
“ค่ะ”
“หล่อนเป็นเพื่อนสนิทของแฟนเก่าผม สิ่งที่ผมไม่คิดจะยอมรับหล่อนคือหล่อนเสนอตัวเข้ามาหาผมทั้งที่รู้ว่าผมเป็นแฟนเก่าของเพื่อนสนิทหล่อน”
“แต่คุณก็กินเธอ”
“ผู้ชายนะคุณ ใครเสนอมาให้ฟรีก็เอาทั้งนั้นแหละ”
“ก็จริงนะคะ เป็นมุกก็คงทำแบบคุณ”
“.....คุณนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ”
“มุกไม่ใช่คนเรียบร้อยค่ะ”
“ผมรู้”
“และที่สำคัญ มุกไม่ชอบความวุ่นวายค่ะ มุกคิดว่าคุณน่าจะรู้นิสัยคุณอีธานมากพอที่จะรู้ว่าทำไมมุกถึงไม่ตอบรับคุณอีธาน”
“อืม”
“ตามนั้นค่ะ”
“ก็นะ ไปเถอะ คุณจะแวะไปไหนล่ะ”
“ว่าจะไปดูสถานที่ทำงานใหม่ค่ะ”
“งั้นเหรอ จะพาแวะไปด้วยความยินดี”
“ขอบคุณค่ะ”
สองหนุ่มสาวคุยกันแบบเปิดเผย บางคำพูดที่ทั้งคู่คุยกันเข้าใจโดยไม่ต้องพูดอธิบายอะไรให้มากความ แต่ในบางคำพูดก็เปิดเผยกันอย่างตรงไหนตรงมาราวกับไม่ใช่คนที่เพิ่งรู้จักกัน
เอลเลริคเดินไปปิดพับหน้าดจอลง แล้วเดินกลับมารับเสื้อสูทที่หญิงสาวส่งให้ขึ้นมาพาดบ่า รอจนฟาริดาหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบนบ่าเสร็จเรียบร้อย จึงพากันเดินออกจากห้องไป