หลังจากแต่งตัวเสร็จ ฟาริดาก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัวโดยมีชุดคลุมสวมทับมาอีกที เอลเลริคที่นั่งรออยู่ที่โซฟามองร่างบอบบางที่มีกลิ่นหอมกรุ่นครีมอาบน้ำอ่อนๆเดินออกมาพลางเช็ดผมช้าๆ
“คุณอาบน้ำเร็วจัง”
“ช้าแล้วค่ะ วันนี้สระผม”
“เดี๋ยวคุณพักผ่อนเลยแล้วกัน”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“หัดระวังตัวบ้างนะคุณ อย่าไว้ใจใครมาก”
“ค่าๆ ทราบแล้วค่า ขี้บ่นจัง”
“ดึกมากแล้ว ผมกลับก่อน”
“คุณจะค้างไหมล่ะคะ ห้องว่างเยอะแยะ”
“.....ก็ดี”
“งั้นเดี๋ยวมุกพาไปห้องรับแขก”
หญิงสาวกระชับเสื้อคลุมให้มิดชิด ก่อนจะเดินนำเขาออกจากประตูห้องนอนไปโดยมีร่างสูงเดินตาม ซึ่งมันถัดไปเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น มือเล็กไขกุญแจและเปิดประตูห้องก่อนจะยิ้มให้เขา
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ห้องนี้ยังไม่มีใครเคยใช้ค่ะ”
“ห้องใคร”
“ห้องมุกเองค่ะ จริงๆห้องข้างๆนี่เป็นห้องหนังสือ ถ้าคุณสังเกตุดีๆจะเห็นประตูเชื่อม แต่ด้วยความว่ามุกอยู่คนเดียว ก็เลยปิดล็อกประตูห้องนี้กับห้องหนังสือเอาไว้ เพราะประตูเชื่อมมุกสั่งทำแบบล็อกไม่ได้”
“หมายความว่าห้องคุณ 2 ห้อง โดยมีห้องหนังสือคั่นกลาง”
“ใช่ค่ะ พอดีตอนตกแต่ง มุกมีความรู้สึกว่าบางทีมุกก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง แต่หลักๆมุกจะนอนห้องนู้นเพราะเสื้อผ้ากับของใช้อยู่ห้องนู้นหมด ห้องนี้เลยไม่ได้ใช้งานค่ะ”
“แล้วผมจะทำยังไงกับเสื้อผ้า ผมไม่ใส่เสื้อผ้าซ้ำ”
“อันนี้มุกแก้ปัญหาให้ไม่ได้ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไร คุณไปพักผ่อนเถอะ”
“ค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะ”
“ราตรีสวัสดิ์”
ฟาริดายิ้มหวานให้เขา ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับห้องของตัวเองไป เอลเลริครอจนหญิงประตูห้องนอนของหญิงสาวปิดสนิทจึงเดินเข้าไปสำรวจในห้อง แปลนห้องนี่เหมือนกับแปลนห้องนอนที่เขาเพิ่งเข้าไปเมื่อสักครู่ และสิ่งที่หากว่าฟาริดาไม่พูด เขาก็ไม่ได้สังเกตจริงๆ ฝั่งผนังด้านที่ติดกับหองหนังสือ มันมีเหมือนผนังไม้ แต่เมื่อดันเบาๆมันก็ถูกเปิดออก และข้างในก็เป็นห้องหนังสือขนาดใหญ่ที่มีชุดโซฟากับโต๊ะทำงานตั้งอยู่
“รสนิยมไม่ธรรมดา” เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ขายาวก้าวเดินสำรวจไปเรื่อยๆ จนไปถึงทางเชื่อมอีกฝั่งที่เป็นประตูแบบเดียวกัน มือหนาลองดึงมันเบาๆ และเขาคิดถูก มันขยับ เขาจึงละมือออกจากมันและเดินสำรวจห้องหนังสือต่อ ไม่นานก็กลับห้องนอนอีกฝั่งไป
เช้าวันต่อมา หลังจากที่เอลเลริคตื่นนอนแต่เช้า ชายหนุ่มก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงผ้าขายาวสบายๆ เมื่อคืน หลังจากที่ชายหนุ่มเดินกลับมาที่ห้อง เขาก็ลงไปที่รถและหยิบเอาเสื้อผ้าสำรองที่ติดรถเอาไว้เสมอขึ้นมาบนห้อง นั่นทำให้ในเช้าวันนี้เขามีเสื้อผ้าชุดใหม่ใส่
คนตัวสูงยืนลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะเดินผ่านประตูเชื่อมฝั่งเขามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูเชื่อมฝั่งห้องนอนของฟาริดา มือหนาดึงบานประตูเบาๆประตูก็ถูกเปิดออก เขาก้าวเข้ามายังห้องนอนอีกห้องหนึ่ง ที่เจ้าของห้องยังคงนอนอยู่
เตียงนอนฝั่งหนึ่งยวบลงเล็กน้อย เมื่อเจ้าของร่างสูงใหญ่หย่อนกายนั่งลง ความเคยชินของคนที่อยู่คนเดียวมาตลอด เมื่อเตียงนอนมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เจ้าของห้องสาวก็ลืมตาขึ้นทันที
“อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณผู้บุกรุก ไปเอาเสื้อผ้ามาตอนไหนคะ”
“เมื่อคืน มีเสื้อผ้าสำรองอยู่ในรถ”
“ค่ะ ขอล้างหน้าแปรงฟันก่อนได้ไหมคะ”
“ตามสบาย”
คนตัวเล็กตวัดผ้าห่มออกจากตัว ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ดวงตากลมโตมองภาพในกระจกเงาที่สะท้อนภาพตัวเองแล้วก็ถอนหายใจออกมา อย่างน้อยวันนี้ผมเธอก็ไม่มันแผล็บเพราะเพิ่งสระไปเมื่อคืน หญิงสาวลงมือล้างหน้าล้างตา ก่อนจะกลับออกมาด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้น
“ปกติคุณได้แต่งหน้าเวลาออกไปข้างนอกไหม”
“แต่งบางๆค่ะ หลักๆทาครีมกันแดดกับลงแป้งบางๆค่ะ มีแต่ลิปสติกนี่ขาดไม่ได้นะคะ”
“กลางคืนล่ะ”
“ก็ มาส์กหน้าบ้าง แต่ทาบำรุงก่อนนอนทุกคืนค่ะ ทำไมเหรอคะ”
“แค่รู้สึกว่าผิวคุณดี”
“การดูแลตัวเองเป็นเรื่องสำคัญนะคะ”
ฟาริดาเดินกลับมาที่เตียงระหว่างที่พูดคุยกับเอลเลริค อาจจะเพราะวันนี้เธอไม่ได้รีบมาก และเอลเลริคเองก็อยู่ในสภาพสบายๆ จึงทำให้เธอไม่รีบร้อนอะไร
หญิงสาวกลับขึ้นไปนั่งเอนกายนอนคว่ำพาดกลางบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูนั่นดูนี่ราวกับเธออยู่คนเดียว เธอไม่รู้สึกเกร็งหรืออึดอัดแม้แต่น้อยที่มีเอลเลริคอยู่ในห้องนอน
“นี่คุณ คิดว่าผมเป็นผู้ชายบ้างไหมเนี่ย ระวังตัวบ้างสิ”
“คุณไว้ใจได้นี่คะ”
“ถึงยังไงผมก็เป็นผู้ชายนะ”
“มุกก็ไม่ได้บอกว่าคุณเป็นผู้หญิงเสียหน่อย”
โทรศัพท์ในมือฟาริดาถูกคนตัวใหญ่ดึงออก เขาอยากให้เธอสนใจสิ่งที่เขาจะคุยกับเธอ เพื่อตัวเธอเองจะได้ไม่ไว้ใจเขามากนัก
หญิงสาวผุดลุกขึ้นโถมตัวใส่เขาเพื่อคว้าเอาโทรศัพท์ของเธอคืน แต่การที่เธอทำอย่างนั้น ทำให้เอลเลริคที่ยังอยู่ในท่านั่งเอาศอกวางบนที่นอน กับตัวเธอที่โถมกายใส่เขาต้องเผชิญหน้ากันอย่างใกล้ชิดในท่าทางที่เธออยู่บนตัวของเขาโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
“เอาไปทำไมคะ”
“ก็คุณไม่ฟังผม”
“ฟังอยู่ค่ะ”
คนตัวเล็กแกล้งขยับใบหน้าไปใกล้ แล้วมองสบตากับดวงตาคมดุ เขาเองก็มองเธอกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
เมื่อหญิงสาวเผลอ ร่างของเธอก็ถูกตวัดลงไปนอนด้านล่าง และเอลเลริคเป็นฝ่ายคร่อมเธอเอาไว้แทน
“ขี้โกงอะ คุณแกล้งมุก”
“ทีใครทีมัน”
“ไม่เกี่ยวเลยค่ะ”
ข้อมือบอบบางทั้งสองข้างถูกมือหนารวบกำเอาไว้หลวมๆพร้อมกับกดลงบนเตียงนอนบริเวณข้างใบหูเล็ก
“อะไรคะ”
“เปล่านี่”
“แล้วจับไว้ทำไมคะ”
“ไม่ให้คุณหนี”
“ทำไมต้องไม่ให้หนีล่ะคะ”
“.....” เอลเลริคไม่ตอบอะไร เขาอมยิ้มจางๆ แววตาที่ทอแววดุดันตลอดเวลา ตอนนี้มันดูมีเลศนัย
“ทำอะไรคะ” ฟาริดายังคงถามเขา เธอตามเขาไม่ทัน อาจจะเป็นสิ่งที่เธอคิด หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้
“ก็ไม่รู้สินะ”
ใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำลงเรื่อยๆ ฟาริดามองสบตากับเขาโดยไม่หลบ แต่เขามองสู้กลับจนเธอต้องเป็นฝ่ายหลบตาแล้วหันใบหน้าหนี ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการพอดี
ลำคอเรียวระหงถูกกัดด้วยความมันเขี้ยว ก่อที่แรงกัดมันจะแปรเปลี่ยนเป็นความอุ่นร้อนจากริมฝีปากที่แนบลงมา ฟาริดาสะดุ้ง เธอดิ้นแต่ก็ถูกเขากดข้อมือเอาไว้
ใบหน้าสวยหวานแหยเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดที่บริเวณลำคอ เธอมั่นใจว่าตอนนี้ลำคอของเธอคงเป็นรอยแดง
ดวงตาคมดุมองเช็กผลงานของตัวเอง เมื่อเห็นว่าขึ้นรอยเข้มที่ไม่สามารถจางลงได้ภายใน 1-2 วัน ก็ถอนริมฝีปากออกแล้วขยับยกตัวเองขึ้นเล็กน้อยให้พอสบตากันได้
“ทำรอยทำไมคะ”
“ละลายพฤติกรรมคุณไง”
“ไม่เข้าใจค่ะ”
“อย่ารีบทำให้มันหายไปละกัน”
“.....” หญิงสาวมองหน้าเขางงๆ ก่อนจะกระพริบตาปริบใส่คนด้านบน
“ถือว่าเป็นคำสั่ง”
“ถ้าไม่ทำตามละคะ”
“มันก็จะไม่ได้มีแค่รอยเดียว แต่มันจะมีเพิ่มตรงอื่นมาด้วย อย่างเช่นตรงนี้ ตรงนี้”
ข้อมือบางถูกปล่อย เมื่อปลายนิ้วหนาจิ้มลงบริเวณคอเสื้อชุดนอน ก่อนจะเลื่อนไปแตะลงที่บริเวณเนินสวยที่โผล่พ้นชุดนอนออกมา
“.....”
“.....ไม่ใส่บราเหรอ”
“คุณ มุกนอนอยู่ แล้วคุณเข้ามาปลุกมุกนะ”
“ผมนึกว่าคุณไปใส่ตอนไปเข้าห้องน้ำ”
“ลืมค่ะ”
“งั้นนี่ก็ของจริงอะสิ”
“.....” ฟาริดาหน้าเหวอ เมื่อเธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
“คิดว่าฟองน้ำ” เอลเลริคแกล้งแซวเธอเล่น เขารู้ดีว่าของเธอมันของจริง ก็ตอนนี้เขากำลังคร่อมอยู่บนร่างของหญิงสาว และมันก็โดนเนื้อตัวเธอไม่มากก็น้อย
“พิสูจน์ไหมล่ะคะ” หญิงสาวถามเขาอย่างไม่ยอมแพ้
“อนุญาตไหมล่ะ”
“.....ค่ะ”
สิ้นเสียงคำอนุญาต มือหนาก็ตะปบลงบนก้อนเนื้อขาวผ่านเนื้อผ้า ขนาดหญิงสาวนอนหงายอยู่เขายังรับรู้ได้ว่ามันใหญ่เกินตัวเธอ
“โอเค ผ่าน ของแท้”
“.....”
ฟาริดาแอบตกใจไม่น้อย เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะทำจริงๆ แต่ทั้งสถานการณ์และสถานที่มันพาไป อีกทั้งตัวเขาเองก็ไม่ได้ดูคุกคามหรือเป็นอันตรายกับตัวเธอ เธอจึงอนุญาตโดยไม่ได้คิดอะไร
“วันนี้ไปไหนไหมคะ” หญิงสาวพาเขาเปลี่ยนเรื่องก่อนพยุงตังเองลุกขึ้นโดยมีอ้อมแขนแข็งแรงช่วยพยุง
“ว่าจะเข้าบริษัท แต่คงต้องไปเอาสเอผ้าทำงานที่บ้านก่อน ไปด้วยกันไหมล่ะ”
“คุณนี่นะ ขยันชวนมุกเกเรจังเลย”
“อีกหน่อยคุณก็ต้องอยู่สาขาที่บริษัทเป็นส่วนใหญ่อยู่ดีนั่นแหละ”
“กักบริเวณเหรอคะ”
“เว่อร์น่า แต่ถ้าได้ก็ดี”
“ติงต๊องค่ะ”
“เอาล่ะ ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว จะได้ออกเดินทาง”
“บังคับเหรอคะ”
“ไม่ได้บังคับ แค่คำสั่ง”
“.....ก็ได้ค่ะ”
“ดีครับ”
ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเตียงนอนอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเดินตัวปลิวหายเข้าไปในห้องแต่งตัวโดยมีดวงตาคมดุมองตาม