บทที่ 3 ลงโทษ

1941 คำ
บทที่ 3 ลงโทษ  ขยานีตื่นมาทำงานท่ามกลางเสียงซุบซิบในครัว หัวข้อสนทนาไม่พ้นเรื่องที่เธอคุยกับพระเพลิงเมื่อคืน บ้านหลังนี้มีคนงานสิบชีวิต แบ่งทำงานในครัวสองคนโดยมีจุ๊บแจงและสมใจเป็นหลัก งานทำความสะอาดซักล้างมีสามคนคือ จิตดี กระติบและก็วารี ที่เหลือเป็นคนงานชาย มีหน้าที่ดูแลสวนและคนขับรถอย่างละสองคน ส่วนเธอไม่มีหน้าที่ตายตัว แล้วแต่ใครจะเรียกให้ไปช่วย “เห็นผู้ชายเป็นต้องอ่อย ต้องระริกระรี้ตัวสั่น แบบนี้คงถูกคุณตาตบอีกแน่” กระติบกระซิบกระซาบกับจิตดี “ถ้าไม่มีคนคาบข่าวไปฟ้องคุณตาคงไม่รู้ แกก็อย่าพูดไปเชียว เดี๋ยวเดือดร้อนกันหมด จำเรื่องคุณวุฒิได้ไหมล่ะ” “นั่นสิ..ตอนนั้นเกือบถูกไล่ออกยกโขยง เพราะความร่านของคนคนเดียวแท้ ๆ” “..........” ขยานีเมินหน้าหนีทำหูทวนลม เร่งทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จเพื่อเลี่ยงไปทำอย่างอื่น สองชั่วโมงต่อมาหญิงสาวจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินมายังแปลงดอกไม้ ใบหน้าถูกห่อด้วยผ้าผืนใหญ่เหลือไว้แค่ลูกตา ปิดทับด้วยหมวกปีกกว้างอีกชั้นเพื่อป้องกันแสงแดด นั่งบนเก้าอี้เล็กที่ถือติดมือมาด้วย วางพลั่วบนพื้น ใส่หูฟังก่อนสวมถุงมือ จากนั้นก็เริ่มถอนหญ้าและพรวนดิน ไม่อยากถูกเซะเลยเลือกทำงานในสวนแทนงานซักรีด ไม่อยากอยู่ท่วมกลางสายตาดูหมิ่นดูแคลน บอกตามตรงว่าอึดอัด เพียงแค่อยากประจบเอาใจศิตา คนรับใช้ที่เป็นผู้หญิงจึงไม่มีใครเป็นมิตรกับเธอสักคน มีแค่จุ๊บแจงที่ยังพอคุยได้บ้าง ส่วนวารีไม่ต้องพูดถึง รายนั้นไม่เคยสนใจไยดี ต่อให้ถูกรุมตบจนตายต่อหน้า ป้าก็คงไม่เหลียวแล นั่งทำงานไปสักพัก เงาสูงตระหง่านก็พาดยาวมาในสายตา หญิงสาวจึงรีบดึงหูฟังออก จากนั้นก็ดีดตัวลุกขึ้น ยืนแข็งทื่อเมื่อคนที่ไม่อยากให้เห็นสภาพมอซอมองเธออยู่ไม่ไกล ดวงตากลมมนหลุบลงต่ำ อายจนหน้าเห่อร้อน จึงก้มเก็บอุปกรณ์ทำสวนเดินเลี่ยงไปอีกด้าน “คุยก่อนสิ” เขาวิ่งมาดักหน้าพร้อมรั้งแขนเธอเอาไว้ “ปล่อยค่ะ!” รีบปัดมือหนาออกเต็มแรงราวกับถูกของร้อนลวก มองไปรอบตัวด้วยนัยน์ตาสั่นระริกตื่นตระหนก "ไอดีไลน์ส่วนตัวของพี่ แอดมานะ พวกเราต้องคุยกันอีกเยอะ" "อย่ายุ่งกับฉัน" พูดโดยไม่มองหน้า แต่เขาก็ไม่สนใจอยู่ดี "มีอะไรให้ช่วยก็บอก" "ไม่มีค่ะ" "พี่ยังเหมือนเดิม มีปัญหาก็พูดกับพี่ได้เลย" คำว่า 'เหมือนเดิม' มาพร้อมแววตาคาดเดายาก ซึ่งขยานีไม่อยากเห็นจึงก้มมองพื้น "เก็บไว้ให้ดี พี่ต้องไปแล้ว" เขายัดกระดาษให้เธอแล้วเดินไปทันที ไม่รอให้ปฏิเสธหรือตอบรับ ขยานีกำกระดาษในมือไว้แน่น ก่อนเงยหน้ากะพริบตาเพื่อไล่ความอ่อนแอที่กัดกร่อนหัวใจ ทำไมไม่เฉยชาไปซะ ทำไมต้องทำเหมือนห่วง ทั้งที่คนอย่างเธอไม่คู่ควรและไม่เคยเท่าเทียม ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนก็ตาม.. “ดาขึ้นไปหยิบกระเป๋าบนห้องแป๊บเดียวคุณเพลิงก็หายตัวไปเลย ไปไหนมาคะเนี่ย” ร่างสมส่วนเข้ามาคล้องแขน ก่อนเดินไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่โรงจอดรถพร้อมกัน “เดินไปดูต้นไม้ตรงโน้นนิดหน่อย เห็นสวยเลยอยากซื้อไปปลูกสักต้น” พูดเสียงราบเรียบ ลอบมองคนที่กำลังพรวนดินด้วยสายตาอ่านยาก เมื่อคืนเขาตั้งใจกลับโดยที่ยังหาโทรศัพท์ไม่เจอ ณดาบอกว่าคนงานเอามาให้หลังจากไปเจอในห้องน้ำ เช้านี้จึงรีบมาที่นี่เพื่อมารับคืน อีกจุดประสงค์ก็คือมาเจอขยานี คนในอดีตที่เคยดูดดื่มกันมาช่วงหนึ่ง “ไหนบอกจะย้ายไปอยู่คอนโด แล้วจะปลูกต้นไม้ยังไงคะ” “ผมคงไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านกับคอนโด อีกอย่างก็มีบ้านแถวชานเมืองที่ปล่อยทิ้งไว้ตั้งแต่คุณยายเสีย อาจต้องรีโนเวตใหม่หมด” พอ ๆ กับอยากรีโนเวตความสัมพันธ์กับใครบางคน หลังจากเรียนจบพระเพลิงก็กลับมารับช่วงต่อบริษัทโฆษณาของครอบครัว มีน้องสาวหนึ่งคนชื่อพระพาย ซึ่งไม่เป็นโล่เป็นพายเท่าไรนัก เอาแต่เที่ยวสนุกไปวัน ๆ น้องย้ายไปอยู่คอนโดคนเดียวตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง แม่บ่นทุกวันว่าลูกสาวไม่ค่อยกลับบ้าน เจ้าหล่อนคงมัวแต่ปาร์ตี้ เลยลืมไปว่ายังมีบ้านให้กลับ พระพายมักไปคลับที่เขามีหุ้นส่วนอยู่ ดื่มหนัก ดื่มโหด ที่ตลกร้ายคือลงบิลให้เขาจ่ายตลอด แต่ทำไงได้..มีน้องสาวคนเดียวก็ต้องตามใจ “ดายังไม่มีโอกาสเข้าไปหาคุณลุงกับคุณป้าที่บ้านเลย คุณเพลิงสะดวกตอนไหนก็บอกนะคะ ดาพร้อมเสมอ” ณดาพูดขณะยานพาหนะเคลื่อนตัวออกจากบ้าน “ไว้จะนัดให้นะครับ ผมเองก็ไม่ค่อยมีเวลาเหมือนกัน” ความจริงเขาไม่ใช่คนสุภาพอะไรนักหรอก เลือกพูดดีกับบางคนและบางสถานการณ์เท่านั้น ด้วยหน้าที่การงานที่เป็นถึงผู้บริหาร ก็ต้องคีพลุกภูมิฐานไว้ก่อน หากอยู่ในวงเพื่อนฝูงพระเพลิงก็เป็นอีกแบบ เจอสาวสวยก็แพรวพราวได้ตลอด แล้วแต่ว่าอยากเปิดเผยด้านไหนให้ใครเห็น เห็นเขานิ่ง ๆ เวลาซิ่งก็แซ่บไม่แพ้ใคร “งานที่บริษัทเป็นไงบ้างคะ” “ต้องปรับตัวและเรียนรู้อีกเยอะ ดีหน่อยที่ผมมีเพื่อนไว้ปรึกษาในหลายด้าน เลยเอามาปรับใช้กับการบริหารที่นี่ได้” ทุกปีจะมีงานเลี้ยงสังสรรค์นัดพบคนไทยในอเมริกา ทำให้เขาได้พบปะผู้คนหลากหลายอาชีพที่เรียนอยู่ที่นั่น รวมถึงเพื่อนสนิทที่มี สิงห์ ตฤณภพ และชนกันต์ ถือเป็นกลุ่มก้อนที่ยังติดต่อกันตลอด แม้จะต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานของตัวเองแล้วก็ตาม ‘เดอะเคเจเค’ คือบริษัทโฆษณาของตระกูลขจรเกรียงไกรนับตั้งแต่รุ่นทวด พระเพลิงจึงเป็นทายาทรุ่นที่สี่ ที่เข้ารับตำแหน่งต่อจากพ่อของเขา ความรับผิดชอบและหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ถูกถ่ายทอดให้ตอนอายุยังน้อย การไปศึกษาหาความรู้ในต่างแดน ก็เป็นรากฐานอย่างหนึ่งที่บุพการีวางเอาไว้ “คุณเก่งอยู่แล้วต้องทำได้แน่นอน ว่าแต่จะจัดงานฉลองขึ้นรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อไรคะ” “ยังไม่แน่นอนครับ แต่คงไม่เกินปลายปี” “งั้นงานหมั้นของพวกเราก็ควรจัดหลังจากนั้นใช่ไหมคะ” "ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคงเป็นอย่างนั้นครับ" ใช่ว่าพระเพลิงประวัติขาวสะอาด สำมะเลเทเมาก็เยอะ เอาหญิงไม่เลือกมามาก เลี้ยงเด็กมานับไม่ถ้วน ฟันแล้วทิ้งก็ยังเคย คบหาเป็นแฟนมาบ้าง แต่สุดท้ายก็เลิกรากันไป จนตอนนี้อายุสามสิบพฤติกรรมก็ยังไม่เปลี่ยน เพียงแต่ทำเปิดเผยไม่ได้ เพราะมีภาพลักษณ์และหน้าที่การงานค้ำคอ แต่ถ้าต้องหาใครสักคนมาแต่งงาน ณดาจึงเป็นตัวเลือกที่ดี เธอเป็นสาวสังคม เต็มไปด้วยพลังของหญิงยุคใหม่ เก่ง สวย ครบเครื่อง โพรไฟล์ไร้ที่ติ เขาจึงค่อนข้างหวั่นไหวกับณดาเป็นพิเศษ ทว่าขยานีกลับสร้างความหวั่นไหวที่มากกว่า เธอยังคงมีอิทธิพลกับเขา ความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาในอดีต ส่งผลให้ความตั้งใจเดิมสั่นคลอน ตอนนี้เธอเป็นสาวสวยสะพรั่ง ส่วนเขาก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่และมีอำนาจมากขึ้น แล้วจะให้มองข้ามผู้หญิงเพียงคนเดียว ที่เขากล้าเรียกได้เต็มปากว่า 'เมียเก่า' งั้นหรือ คงไม่มีทาง.. “เมื่อคืนแกคุยกับคุณเพลิงเหรอนังขนม!” ศิตาเดินดุ่มเข้ามาหาขยานีที่กำลังทำความสะอาดบริเวณรอบสระว่ายน้ำ หลังจากทำงานในสวนเสร็จ “คือหนู..” สาวใช้ถอยหลังเมื่อเจ้านายเข้ามาประชิด “ฉันเคยสั่งห้ามว่าอย่ายุ่งกับแขกที่มาบ้านเด็ดขาด ทำไมแกไม่ฟังอยากลองดีหรือไง!” “หนูไม่ได้ตั้งใจค่ะ คุณตาอย่าโกรธเลยนะคะ” หน้าเนียนใสซีดเผือด เมื่ออีกคนมีท่าทีเกรี้ยวกราดและคุกคาม “แกรู้ใช่ไหมว่าคุณเพลิงเป็นว่าที่คู่หมั้นของน้องดา คิดจะฟาดผู้ชายทุกคนที่เห็นเลยว่างั้น” สายตาดูถูกเหยียดหยาม ยังทำให้เจ็บได้ไม่เท่าความจริงที่เพิ่งรู้ คิดว่าพระเพลิงคงมีสถานะพิเศษกับคนบ้านนี้ แต่เมื่อได้ยินกับหู ความเจ็บก็เข้าโจมตีอย่างห้ามไม่ได้ มันตอกย้ำให้คนต้อยต่ำอย่างเธอ สำเหนียกตัวเองว่าอย่าเสนอหน้าไปเท่าเทียม ไม่ว่าปัจจุบันหรืออดีต เขาก็ยังเป็นสิ่งต้องห้ามอยู่ดี “หนูผิดไปแล้วที่ขัดคำสั่ง ต่อไปจะไม่ทำอีก คุณตายกโทษให้หนูนะคะ” เธอยกมือไหว้ปก ๆ กลัวจนปากสั่น ในตอนที่ศิตาย่างสามขุมเข้าหา “คนอย่างแกเหรอจะสำนึก คงอยากเอาตัวเข้าแลกเพื่อชุบชีวิตใหม่ ของเน่าเหม็นไร้ราคาถ้าอ้าขาให้เอา ผู้ชายมันก็เอาทุกคนนั่นแหละ แต่ไม่มีวันที่แกจะถูกยกย่องออกหน้าออกตา” “หนูรู้ค่ะ..หนูรู้ตัวดี อึก!” ขยานีหน้าหงายเมื่อถูกศิตากระชากผมที่มัดหางม้า หน้าซีดจนไม่มีสีเลือด พนมมือไหว้ด้วยอาการสั่นเทา เธอกำลังจะเจ็บตัวเพราะความโมโหของศิตาอีกแล้วใช่ไหม? “รู้แต่ก็ยังร่าน อ่อยไม่เลือก! นังตัวดี!” เพียะ! ฝ่ามือสะบัดใส่หน้าจนร่างอรชรทรุดกองกับพื้น พวงแก้มขึ้นรอยแดงทันทีด้วยแรงที่ฟาดลงมา “หนูขอโทษ ต่อไปหนูจะระวังตัวให้มาก ถ้ามีงานเลี้ยงหนูจะหลบอยู่แต่ในห้อง จะไม่ให้ใครเห็นอีก คุณตาได้โปรดยกโทษให้หนูเถอะนะคะ” เพียะ! ศิตาไม่ยอมฟังคำอ้อนวอน ยังคงประเคนฝ่ามือใส่เป็นครั้งที่สอง ก่อนเข้าไปจิกผมดึงให้ขยานีเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็ก้มลงจ้องตากับคนที่จงเกลียดจงชังด้วยแววเคียดแค้น ยอมให้คนเนรคุณอยู่ในบ้าน เพราะอยากเก็บไว้รองมือรองตีน เธอจะไม่ยอมให้อีนี่ได้เสพสมกับอดีตสามีอีกเป็นอันขาด ถึงหนีก็จะตามไปลากคอกลับมา ใครที่ทำให้เธอเจ็บ มันต้องเจ็บยิ่งกว่า “แกมันคนชั้นต่ำ! อย่าสะเออะเสนอหน้าทำตัวเท่าเทียมกับพวกฉันเป็นอันขาด” พูดจบก็เตรียมง้างมือจะฟาดอีก “พี่ตาคะ! อย่าค่ะ!” ณดาวิ่งมาแยกพี่สาวไปอีกทาง ก่อนที่ศิตาจะทำร้ายขยานีอีกครั้ง พอได้รับอิสระร่างเล็กก็คลานหนีอย่างลนลานหวาดกลัว แก้มแดงช้ำจากการถูกทำร้ายดูน่าสงสารแก่ผู้พบเห็น “ขนม” เป็นเสียงเรียกเพียงแผ่วเบาแต่ขยานีก็ยังได้ยิน ดวงตาพร่าเบลอจากน้ำตาแหงนมองพระเพลิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล เขากำหมัดจนเส้นเลือดบนหลังมือปูด ถึงสีหน้าเรียบเฉยแต่เธอรู้ดีว่าเขากำลังโกรธจัด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม