วันถัดมา
ที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง พลับเพามาพร้อมคุณแม่ตั้งแต่เช้า เธอพยายามหลบสายตาและหลีกเลี่ยงภีมร์ทุกครั้งที่เห็นเขา
"หล่อมาแต่ไกลเลย แต่หน้านิ่งชะมัด" เธอเอ่ยกับตัวเองเมื่อเห็นภีมร์เดินมาแต่ไกล
ภีมร์เองก็ปรากฏตัวที่มหาวิทยาลัย ในเวลาเดียวกันพร้อมแม่เล็ก เพื่อสมัครเรียนเช่นกัน แต่สายตาคมและสีหน้าเข้มของเขา เผยอาการหงุดหงิดชัดเจน เพราะพลับเพาไม่รอเขา
"คิดว่าจะหนีคนอย่างเราพ้นเหรอพลับ เขาสร้างมาให้เราคู่กันแต่แรกแล้วแกไม่รู้หรือไง"
เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ และสบตาเธอด้วยแววตาเรียกร้อง แต่พลับเพาก็ยังคงก้าวเร็วหวังจะหลีกเลี่ยงให้พ้น
ในห้องเรียน
พลับเพานั่งข้างแทนไทย ส่วนกระติก เพื่อนสนิทของพลับ นั่งข้างพัชระ
"วันนี้อากาศร้อนแต่เช้าเลยเนอะ"
พลับเพาหันไปคุยกับกระติกที่นั่งอยู่โต๊ะหลัง
"ช่วงนี้หน้าฝนนะพลับเช้าร้อน บ่ายฝนตก"
กระติกยิ้มหวานน้ำเสียงเธอสดใส
ทันใดนั้น ภีมร์ก็เดินเข้ามา สีหน้าเข้มขรึมและโมโหจัด แต่ไม่พูดอะไรออกมา
เขาโมโหที่พลับเพาหนีมา พร้อมกับ ผอ. และต้องเห็นแทนไทยนั่งข้างเธออีก
มือของเขากำแน่น แต่ยังคงเงียบ ท่ามกลางเสียงซุบซิบกระซิบกระซาบของเพื่อนในห้อง
เพื่อนคนหนึ่งกระซิบเบาๆ
“เฮ้ย… เด็กใหม่เหรอ ทำไมเพิ่งมา? แม้งนายแบบหลุดมาจากไหนวะ?”
สายตาของเพื่อนในห้องจับจ้องมาที่ภีมร์ และพลับเพา ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดผสมความสนใจ
แทนไทย “เฮ้ย… ภีมร์ มาแล้วเหรอวะ”
ภีมร์จ้องแทนไทยนิ่ง ก่อนถามเสียงเข้ม
“ใครเป็นคนจัดโต๊ะเรียนเนี่ย?”
พัชระรีบตอบทันที
“หัวหน้าห้องทำไม”
ภีมร์มองรอบโต๊ะ ก่อนถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ใคร… หัวหน้าห้องไปบอกให้มันมาจัดใหม่?”
บรรยากาศในห้องเงียบลงทันที เพื่อนๆ เริ่มส่งสายตาสับสน และกระซิบกระซาบเล็กน้อย กระติกที่นั่งข้างพัชระถึงกับตะลึง กับความหล่อเข้มของภีมร์
กระติก
“เอ่อ… หัวหน้าห้อง… พลับไงค่ะ”
เพื่อนๆ ในห้องเริ่มพากันกระซิบกระซาบ ไม่สามารถละสายตาจากภีมร์ได้
ภีมร์ยังคงจ้องโต๊ะเรียนด้วยสายตาจริงจัง แต่แววตาหวงที่มองพลับเพาก็ชัดเจนไม่แพ้กัน
พลับเพานิ่งอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจรวบรวมความกล้า ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทันที เก้าอี้เลื่อนเอี๊ยดจนทุกสายตาในห้องหันมาจับจ้อง
เธอหันไปมองภีมร์ตรงๆ ดวงตาสั่นระริกแต่แฝงความดื้อดึง
“แกมีปัญหาอะไร… ภีมร์”
เสียงของเธอไม่ดังมาก แต่กลับชัดเจนพอที่จะสะท้อนก้องในห้องเงียบ ทุกคนอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าพลับเพาจะกล้าพูดออกมา
ภีมร์ขยับคางเล็กน้อย ดวงตาคมจ้องเธอเหมือนต้องการบังคับให้เธออยู่กับที่
“ปัญหางั้นเหรอ?… ใช่ มีสิ ปัญหาของฉันคือ เธอหนีฉัน”
คำพูดกดต่ำ เสียงทุ้มที่แฝงแรงอารมณ์ทำให้บรรยากาศขมึงทันที
"ฉันไม่ได้หนีแค่วันนี้อยากมากับคุณแม่"
แทนไทยรีบลุกขึ้นบ้าง ก้าวมาขวางพลับเพาเอาไว้
“ใจเย็นหน่อยดิภีมร์ ที่นี่มันห้องเรียน ไม่ใช่ที่โชว์อำนาจของนาย”
แต่ภีมร์กลับเหลือบตามองแทนไทย ด้วยแววตาเย็นชา
“อย่ายุ่งแทนไทย… เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก”
พลับเพากำหมัดแน่น สูดลมหายใจลึก เธอรู้ว่าถ้ายอมถอยตอนนี้ เธอจะถูกมองว่าอ่อนแออีกครั้ง
“ฉันไม่หนี แค่ไม่อยากเจอแก… เข้าใจซะทีสิภีมร์”
เสียงเธอสั่นเล็กน้อย แต่กลับแทงเข้าใจเขาอย่างจัง ทำให้ภีมร์ขบกรามแน่น จนเส้นเลือดข้างขมับปูดขึ้น ความเงียบชั่วขณะนั้นเหมือนระเบิดที่พร้อมจะแตกได้ทุกวินาที
เพื่อนทั้งห้องหันมามองกัน ด้วยสายตาลุ้นระทึกเหมือนกำลังดูละครสดอยู่ตรงหน้า…
"แย่แล้ว...! เขาทำสงครามกันแล้วไง"
กระติกที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ตลอด รีบลุกขึ้นพูดตัดบรรยากาศอึดอัดทันที
“เอางี้นะ… เดี๋ยวเราไปนั่งคนเดียวก็ได้ แทนไทยกับพัชระนั่งด้วยกัน ส่วน… พลับกับภีมร์ นั่งคู่กันดีมั้ย?”
คำพูดของกระติกทำเอาทั้งห้องเงียบกริบไปชั่วขณะ
แทนไทยหันขวับทันที สีหน้าขึ้นชัดเจน
“เฮ้ย! กระติก จะบ้าเหรอ...”
แต่ประโยคยังไม่ทันจบ เขาก็เผลอชะงักค้าง เมื่อสบสายตาคมกริบของภีมร์ที่จ้องมาด้วยแววตา น่ากลัวเกินไป ราวกับกำลังประกาศเงียบๆ ว่า อย่าท้าทายฉัน
พัชระรีบจับแขนแทนไทยไว้ กลบเกลื่อนบรรยากาศ
“เออๆ ดีๆ มาๆ ไอ้แทน มานั่งกับกูเถอะ อย่าเรื่องมากเลย”
แทนไทยกัดฟันแน่น แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามเพื่อนไปอย่างไม่พอใจนัก
"กูอุตส่าขอร้องกระติกว่าขอนั้งตรงนั้น กว่ามันจะยอมแลกโต๊ะกับกู กูเสียงชาเขียวปั่นให้มันเป็น 10 แก้วและนะเว้ย...!
แทนไทยเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
พลับเพายืนนิ่ง ใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก เธออยากปฏิเสธเสียงดัง แต่พอเห็นภีมร์ลากเก้าอี้ลงนั่งข้างเธอหน้าตาเฉย ร่างกายกลับแข็งทื่อทำอะไรไม่ได้
จังหวะนั้นเอง
เสียงเปิดประตูห้องดัง แอ๊ดดด! ก่อนที่อาจารย์ในชุดสูทเข้ามา พร้อมเอกสารหนาเตอะในมือ
“อืม… ห้องเรียนวิศวะโยธาปีหนึ่งใช่มั้ย? สวัสดีครับนักศึกษา”
บรรยากาศตึงเครียด เมื่อครู่ถูกกลบด้วยเสียงนักศึกษาทั้งห้องที่ลุกขึ้นพร้อมกัน พลับเพาเอ่ยเสียงดังนำ
“นักเรียน… เคารพอาจารย์ค่ะ...”
ทั้งห้องก้มโค้งพร้อมกัน แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่เธอลุกขึ้น ภีมร์ก็ขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้กว่าเดิมเล็กน้อย เหมือนจะย้ำชัดเจนว่า ต่อให้เธอหนีแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องอยู่ตรงนี้ข้างเขาอยู่ดี
พลับเพาหันหน้ามาทางเขา ใบหน้าสวยตึงเครียด เธอกดเสียงต่ำ พูดเบาพอให้มีเพียงเขาได้ยิน
“ที่นี่มันมหาลัยนะ ไม่ใช่ที่บ้าน… ที่จะแบ่งอำนาจ หรือเอาแต่ใจตามใจตัวเอง”
คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความดื้อดึง และแรงกดดันเธออยากให้เขารู้ว่า เธอไม่ยอมอยู่ใต้การควบคุมอีกแล้ว
แต่ภีมร์… ไม่แม้แต่จะสะทกสะท้าน เขาเอนหลังพิงเก้าอี้เล็กน้อย ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ ที่เหมือนทั้งท้าทาย ทั้งดูแคลน
คิ้วเข้มยกขึ้นนิดเดียว ขณะเอียงใบหน้าเข้าใกล้เธอเล็กน้อย เสียงทุ้มต่ำแทบกระซิบ
“แล้วไงพลับ… ถึงที่นี่จะเป็นมหาลัย แต่เธอก็ยังเป็นของฉันอยู่ดี”
แววตาคมกริบที่สบมากับคำพูดนั้น ทำให้หัวใจพลับเพาเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก เธอพยายามฝืนไม่หันหนี แต่ปลายนิ้วที่กำสมุดเรียนอยู่กลับสั่นจนแทบหลุดจากมือ
เธอเม้มปากแน่น ไม่กล้าตอบโต้ เพราะรู้ว่าถ้าเธอพูดอะไรออกมาอีก ทุกคนในห้องจะต้องสงสัยแน่
แทนไทยนั่งลงข้างพัชระอย่างเสียไม่ได้ แต่สายตาก็ยังคงเหลือบมองไป ทางโต๊ะที่พลับเพากับภีมร์นั่งเคียงกัน
หัวใจเขามีบางสิ่งเจ็บหน่วงๆ ขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ…
ที่ตรงนั้น สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นที่ของเขา เป็นช่วงเวลาที่เขาได้หัวเราะ คุย และปกป้องพลับเพา แต่ตอนนี้… ทุกอย่างถูกแย่งไปอย่างง่ายดาย
แทนไทยกัดฟันเบาๆ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะภีมร์เป็นคนที่ ถ้าเขาต้องการอะไร เขาก็จะทำให้ได้เสมอ
พัชระที่นั่งข้างๆ สังเกตเห็นความเงียบของเพื่อน เลยเอียงตัวมากระซิบเบาๆ
“อย่าคิดมากเลยว่ะ มึงไปขัดมันตอนนี้ ก็คงไม่ต่างจากโยนตัวเองเข้าไปในกับดักหรอก”
แทนไทยถอนหายใจ มองภาพด้านข้างของพลับเพาที่พยายามหลบสายตาภีมร์ ด้วยความอึดอัด
“กูก็แค่อยากให้พลับยิ้มได้… ไม่ใช่ถูกบังคับแบบนี้”
เขาเม้มปากแน่น ไม่พูดอะไรอีก ได้แต่เก็บความรู้สึกน้อยใจนั้นไว้ในใจเงียบๆ ขณะที่เสียงอาจารย์เริ่มต้นการสอนดังขึ้น แต่ในห้องเรียน กลับมีใครบางคนที่ใจไม่ได้อยู่กับบทเรียนเลยสักนิด…
พัชระหันมามองเพื่อนสนิทที่ ทำหน้านิ่งแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความกังวล เขาเอียงตัวมากระซิบเบาๆ
“ไอ้แทน มึงจะคิดอะไรมากไปทำไมวะ… มันสองคนก็เป็นพี่น้องกันเองนะ จะทะเลาะอะไรกันมาก็เรื่องในบ้านของมัน”
แทนไทยขมวดคิ้วแน่น “แต่กูเห็นแล้วมันไม่สบายใจ… มันไม่เหมือนพี่น้องว่ะพัช”
พัชระถอนหายใจเฮือก พลางตบบ่าเพื่อนแรงๆ หนึ่งที
“ฟังนะมึง… ถ้ามึงไปยุ่งตอนนี้ มีแต่เสียกับเสีย ยิ่งขัดมัน มันก็ยิ่งไม่ให้มึงเข้าใกล้พลับ เข้าใจปะ?”