ทันทีที่เหยียบสนามบิน พนักงานของเพื่อนซึ่งนัดหมายกันอยู่ก่อนก็มารอรับและนำทางไปยังที่พักหรูริมทะเล โรงแรม ยักษ์ใหญ่กินอาณาเขตหาดเกือบทั้งหมด มีห้องพักให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสวีตรูมธรรมดาหรือเพนต์เฮาส์ขนาดกว้างซึ่งสามารถชมวิวทะเลได้แบบพาโนรามา และแน่นอนชนนท์จัดเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดต้อนรับภารัณ
ชายหนุ่มวางกระเป๋าเดินทางบนพื้น หมุนเท้าตรงไปเปิดผ้าม่านจากนั้นก็ล้วงเครื่องมือสื่อสารกดถ่ายภาพทะเลสีครามส่งให้ภรรยา
เขาถอนหายใจด้วยอารมณ์ขุ่นมัว หว่างคิ้วขมวดจับปมทำเอาปวดหัวบอกตามตรงมาทำงานครั้งนี้ไม่มีความสุขเสียเลย ถึงวิวตรงหน้าเลิศเลอเพียงใดก็ไม่น่าอภิรมย์
เหตุเกิดขึ้นเพราะกังวลเรื่องบางอย่าง และพานคิดไปว่าถ้าฟ้ารดามาด้วยกันบางทีตัวเองอาจผ่อนคลายลง แต่พอรู้ว่าเข้าขั้นเพ้อหนักจึงสะบัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่าน นี่เขาติดเธอจนถึงขั้นอยากทำตัวเป็นปาท่องโก๋ตั้งแต่เมื่อไร อาการแบบนี้ช่างไร้สาระ สิ้นดี
ติ๊ง!
นึกถึงไม่ทันไรกล่องข้อความในแอปพลิเคชันสีเขียวก็ส่งเสียงเรียกฟ้ารดาถ่ายภาพเซลฟีคู่ปฐวี สีหน้าทั้งคู่สะท้อนความสุขออกมาแบบล้นเหลือ พอเห็นชายหนุ่มก็กำหมัดพลางกัดฟันอย่างโมโห ทว่ากลับส่งคำชมสั้นๆ ว่า ‘น่ารัก’ ฟ้ารดาความจำเสื่อมจะโทษเธอก็ไม่ถูก ถ้าจะหาคนผิดก็ไอ้หมอหน้าหมานั่นแหละ รู้ตัวว่าคิดเกินเลยแถมคนที่ชอบมีเจ้าของอยู่แล้วยังเอาตัวมาข้องเกี่ยว ยิ่งคิดภารัณยิ่งหงุดหงิด ร่างสูงจึงหมุนกายกลับไปยังเตียงกว้าง ล้มตัวนอนและกดวิดีโอคอลหาผู้เป็นภรรยาทันที
ตื๊ด! ตื๊ด!
ผ่านไปไม่ถึงนาทีบนหน้าจอก็ปรากฏวงหน้างาม ริมฝีปากกระจับคลี่ยิ้มแฉ่ง นัยน์ตาเธอเป็นประกายส่องสว่างยิ่งกว่าแสงอาทิตย์ยามเช้า
“ไปเจอหมอมาเป็นไงบ้าง”
พอเห็นเธอร่าเริงไม่รู้ทำไมตัวเองกลับน้อยใจ เสียงขรึมถามขณะพยายามปั้นหน้านิ่ง
“ดีเลยค่ะพี่รัณ คุณหมอเป็นรุ่นพี่ในคณะพี่วี เขาแนะนำให้ลองทำอาหารทานเองดู เมื่อกี้ฟ้าก็เลยแวะซูเปอร์มาร์เก็ตเดี๋ยวจะให้นมนุ่มช่วยเป็นลูกมือ”
“อืม” เขาขานรับสั้นๆ
“พี่รัณเป็นอะไรทำไมต้องหน้าตึง”
ฟ้ารดาย่นคิ้ว จากนั้นก็ถามตามประสาคนขี้หวังดี
“หรืองานพี่เครียดมาก งั้นฟ้าพอช่วยอะไรได้บ้างหรือเปล่า”
“อยากช่วยพี่จริงเหรอ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นความคิดบางอย่างก็พลันปรากฏขึ้นใน หัวสมอง
“ถ้าอยากให้พี่เลิกเครียดก็บินตามมาสิ”
“พูดแบบนี้คิดถึงฟ้าเหรอคะ” เธอส่ายหน้าพลางยิ้มเขิน เป็นรอยยิ้มที่สะท้อนความมีชีวิตชีวาซึ่งจางหายไปนานหลายเดือน
“แล้วพี่ขอคิดถึงฟ้าได้ไหม” ชายหนุ่มถามอย่างหมายมั่น แต่ดวงตาคู่คมกลับวูบไหว เพราะลึกข้างในตอนนี้เขาเหมือนคนโลภ ไม่รู้จักพอ เมื่อโอกาสมาเยือนก็ปรารถนายึดครองความรักนี้ให้อยู่กับตัวนานที่สุด แม้สุดท้ายต้องปล่อยมือก็ตาม
ด้านฟ้ารดาพอถูกป้อนคำหวานแก้มสองข้างก็เห่อร้อน เธอเม้มปากเข้าหากัน แววตาคล้ายครุ่นคิดบางอย่างก่อนมองไปยังนอกหน้าต่างแล้วตอบว่า
“ฟ้าก็คิดถึงพี่…คิดถึงมาก”
“งั้นพรุ่งนี้ว่างฟ้าตามมานะ”
“ทำไมต้องพรุ่งนี้”
“ถามแบบนี้แสดงว่าจะไม่มาเหรอ”
“เปล่า ฟ้าพูดเหรอ” คนตัวเล็กหัวเราะ แววตาและสีหน้าซุกซนสามารถทำภารัณหลุดมาดนิ่งได้ทุกที เขาส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนผุดลุกขึ้น กล้องหน้าจอโทรศัพท์ค่อยๆ เลื่อนต่ำขณะ มือข้างที่ว่างเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาว เมื่อฟ้ารดากวนก่อนนี่ ถือเป็นการเอาคืนกลับแบบสมน้ำสมเนื้อ
“พี่รัณ ทำบ้าอะไรฟ้าอยู่บนรถ”
และก็ได้ผลทันที หญิงสาวแผดเสียงสูงใส่ แต่เสือหนุ่มไม่ใส่ใจ ปากยังคงพูดต่อเผยถึงสิ่งที่เธอจะได้รับถ้ามาที่นี่
“ก็ให้ฟ้าดูรางวัลของเด็กดีไง ถ้าฟ้ามาหาพี่ พี่ก็จะ…”
“หยุดนะ ห้ามพูดฟ้าเปิดสปีกเกอร์โฟนอยู่ไม่ได้ใส่หูฟัง”
“โธ่ อดดูต่อเลย” เขาแกล้งถอนหายใจดัง ยังไม่ทันกวนต่อหญิงสาวในหน้าจอก็กดตัดสายทิ้ง
ท่าทางไม่ประสีประสาเมื่อครู่ทำภารัณอยากหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน เห็นฟ้ารดากลับมายิ้มได้อีกครั้งเขาก็ยินดี แต่คืนแตกหัก วันนั้นฝากรอยบาดลึกในใจแกร่งเช่นกัน ภาพคน ตัวเล็กร้องไห้มีอานุภาพร้ายแรง จนเขาต้องวนเวียนอยู่ในห้วงเวลาของความละอายไม่จบไม่สิ้น
“เด็กโง่”
ริมฝีปากหยักพึมพำคำนิยามเดียวที่มีให้ฟ้ารดา แววตาคู่คมก็ผุดความเศร้าจางๆ ถ้าเธอไม่งมงายคงไม่ตกหลุมรักปีศาจจนไม่ลืมหูลืมตา แต่ภารัณดันลืมนึกไปว่าเหตุผลข้อเดียวที่ทำให้หญิงสาวบูชาความรักไม่ใช่เพราะโง่งมแต่อย่างใด หากเธอเลือกทุ่มเทเพื่อจะรักผู้ชายคนหนึ่งอย่างสุดหัวใจต่างหาก
สวนทางกับตนเองที่ไม่เคยกล้าหาญยืนหยัดเพื่อคนรักเลย สักครั้ง เพราะแค่ปกป้องเธอจากอันตรายคนขี้ขลาดอย่างเขายังทำไม่สำเร็จ
และแล้วนัยน์ตาคู่โศกก็ปิดลงในวินาทีถัดมา ชายหนุ่มปล่อยละอองความเศร้าไหลไปตามกรอบหน้า ขณะในสมองปรากฏภาพวันวานและตั้งถามเงียบๆ
ถ้าเริ่มต้นเขาไม่รู้จักเธอในฐานะผู้ชายที่ชื่อภารัณ เรื่องระหว่างเราจะมีวันที่จบสวยงามหรือเปล่า คำตอบคือไม่ อย่างไรรักเราก็ไม่มีทางสมหวัง เพราะชีวิตจริงไม่อาจเขียนบทได้ตามใจต้องการ รักที่แฝงไปด้วยความแค้นต่อให้ฝืนฉุดรั้งแทบตายก็เหมือนดึงเชือกปมร้าย ยิ่งรัดแน่นเท่าไรยิ่งคลายปมยากเท่านั้น
ภารัณดำดิ่งกับอาการสับสนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ชนนท์ก็ส่งข้อความชวนเขาไปดื่มบนรูฟท็อปบาร์ด้วยกัน เสือหนุ่มจึง ไม่รีรอที่จะตอบรับ
บาร์เหล้าชั้นดาดฟ้ายามค่ำเต็มไปด้วยแสงสีและหมู่มวล นักท่องราตรีซึ่งหวังออกล่าเหยื่อ พวกหล่อนชำเลืองมองตามเจ้าของร่างสง่าทันทีที่เขาย่างกรายผ่านหน้าและก้าวเท้าเข้าโซน วีไอพี
ชนนท์ยิ้มทักเพื่อนทั้งยังไม่ลืมกวักมือเรียกบริกรให้เสิร์ฟเครื่องดื่ม ส่วนภารัณเพียงพ่นลมหายใจเอือมระอา เพราะเดิมทีคิดจะมานั่งเมาเงียบๆ แต่ดันตกเป็นเป้าสายตาใครต่อใคร เชื่อสิถ้าชายหนุ่มลุกจากโต๊ะพวกหล่อนคงพร้อมล็อกเป้า และมองเขาเป็นเส้นชัยที่ต้องพิชิตให้ได้ในค่ำคืนนี้
“ฮอตเหมือนเดิมนะ”
เจ้าพ่อเกาะภูเก็ตเอ่ยแซวติดตลก แต่เสือหนุ่มกลับไม่ขำด้วย มือหนายกน้ำเมาเข้าปากหลังจากนั้นก็เอนกายพิงโซฟา ใบหน้าหล่อเงยมองท้องฟ้าคล้ายกำลังบอกไปในตัวว่าอย่าริอ่านมาขวางอารมณ์สุนทรี
“เพิ่งรู้ว่ามึงชอบดูดาว” แต่คนนิสัยขวานผ่าซากไม่สนใจ นอกจากไม่ยี่หระชนนท์ยังถือวิสาสะค่อนขอดภารัณต่อ
“ถ้าจะกระดกขนาดนั้นอาบเหอะ”
“มึงมีพอไหมล่ะ เอามาดิกูอาบให้ดู”
“เดี๋ยวนะกูพลาดอะไรไปรึเปล่า สภาพนี้ไม่เหมือนมึงคนเดิมที่กูรู้จัก ทำไมหรือเครียดกลัวที่ดินหลุดมือ” ดวงตาเรียวหรี่แคบลง เจ้าของโรงแรมหนุ่มเริ่มจับพิรุธคนที่เอาแต่กระดกเครื่องดื่ม สีอำพันเหมือนน้ำเปล่าแก้วแล้วแก้วเล่า
“ปกติมึงไม่พูดมากขนาดนี้”
ภารัณกลั้วหัวเราะเห็นเพื่อนมุมนี้แปลกตาดีเหมือนกัน เดิมทีหมอนี่ไม่ใช่คนพูดมาก มันพูดแทบนับคำได้และยังสนใจสิ่งรอบข้างน้อยที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด ถ้าลองเจ้าตัวเอ่ยปากถามแสดงว่ารังสีความผิดปกติคงรุนแรงจริงๆ
“ทีแรกกูเดาว่าเกี่ยวกับเรื่องประมูล” นัยน์ตาเฉียบคมของชนนท์ไม่ต่างกับนายพรานยามไล่ต้อนเหยื่อ แม้เจ้าพ่อหนุ่มไม่ เผยไต่ในทีแรก แต่เมื่อได้จังหวะที่ต้องการกลับตะครุบอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นกูน่าจะพอช่วยทำให้มันง่ายขึ้นได้”
ภารัณถอนสายตาจากท้องฟ้า หันกลับมามองหน้าเพื่อนราวกับไม่เชื่อสายตา
“ทำไมมึงทำท่าอยากรู้เรื่องกูขนาดนี้ หรือเพราะสภาพกู น่าเป็นห่วงมากมึงเลยร้อนใจคิดว่ากูอ่อนแอใช่ไหม” เขาถามเสียงเย็น คำพูดฟังดูทั้งประชดประชันและอวดดี แต่ลึกๆ แค่วิธีแก้ปัญหาแบบคนโง่ที่ไม่อยากเปิดใจ จึงก่อกำแพงสูงลิ่วเพื่อป้องกันตนเอง
“ก็นะคนเราต่อให้เข้มแข็งแค่ไหน แต่จะยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอ สักครั้งก็ไม่เห็นเป็นไรนี่หว่า รสชาติชีวิต”
ได้ยินเช่นนั้นภารัณเงียบไปชั่วขณะสมองมึนงงประหนึ่งนักมวยถูกซัดหมอบคาเวที
“อืมกูเครียด แต่ละวันเหมือนคนใกล้บ้าเข้าไปทุกที”
“เรื่องฟ้า”
ชนนท์เลิกคิ้วขึ้น อาจเพราะสัมผัสได้ถึงพลังรักอันแรงกล้าจาก คนทั้งคู่จึงเชื่อเสมอต่อให้เผชิญอุปสรรคร้ายแรง อย่างไรสองสามีภรรยาก็คงไม่ถึงขั้นแตกหัก หลายครั้งฟ้ารดายอมเป็นรองภารัณ ขณะที่ตัวเสือหนุ่มเองก็ปรับเปลี่ยนหลายอย่างเพื่อสาวน้อยแต่ ไม่กล้ายอมรับความจริง
ภารัณที่ชนนท์รู้จักไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ ไม่เคยให้ใครหน้าไหนเข้ามาวุ่นวายในชีวิตทั้งสิ้น แต่กลับยอมให้ฟ้ารดารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวง่ายๆ เพียงเพราะกลัวเธอน้อยใจ คนเย็นชาที่ไม่สนรอบข้างจะมองว่าต้อยต่ำแค่ไหน แต่ดันทำทุกอย่างเพื่อถีบตัวเองจนคู่ควรกับนางฟ้าของมัน
ถ้าไม่รัก…ควรให้คำจำกัดความการกระทำแบบนี้ว่าอย่างไรดี
“แค่ฟ้ารักมึง มึงรักฟ้าแค่นั้นก็พอแล้วไหมวะ”
“มึงคิดงั้นเหรอ” ภารัณแสยะยิ้มขม
“สำหรับกูถ้าคนสองคนจับมือกันแน่นพอ เจอเรื่องห่าเหวอะไรแม่งก็แค่ขี้ผง”
“คำพูดงี้สมแล้วที่ออกจากปากมึง”
ดวงตาคมเข้มสะท้อนความเศร้าผ่านม่านตา ภารัณกำแก้วในมือก่อนกระดกเหล้าจนหมดเพียงรวดเดียว
“กูแค่พูดในสิ่งที่กูคิดว่าถูก ถ้ามึงบอกว่ารักใครสักคนมากๆ แต่ก็พร้อมทิ้งเขาไว้ข้างหลังทุกครั้งที่มีโอกาส กูว่าแม่งไม่ใช่รัก”
ชนนท์ตบบ่าเพื่อน ถึงตนไม่ใช่คนดีเด่อะไรแต่มารดาปลูกฝังให้เชื่อมั่นในรักแท้ตั้งแต่เล็กจนโต การที่เราวนเวียนมาเจอใคร สักคนในโลกอันกว้างใหญ่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่พรหมลิขิตจัดสรรไว้ต่างหาก
เจ้าพ่อหนุ่มรู้ดีว่าความคิดเช่นนี้ค่อนข้างเพ้อฝันและภารัณเองก็ไม่ใช่คนที่มีความเชื่ออะไรเทือกนั้น พวกเขาเติบโตขึ้นในสภาวะแวดล้อมและสังคมที่ต่างกัน ชีวิตภารัณไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มันไม่เคยมีใครโอบอุ้มและไร้เกราะป้องกันตัว บ่อยครั้งถ้าไม่ลองรับบทผู้ล่ามักเป็นฝ่ายถูกล่าเสมอ จึงรู้เพียงวิธีเอาตัวรอดไปวันๆ
“กูเชื่อนะตอนนี้คนอย่างมึงแค่กระดิกนิ้วนิดเดียวปัญหาก็ พ้นตัว แต่ยังลังเลอยู่ก็เพราะทางออกไม่ใช่แบบที่ต้องการมากกว่า”
“งั้นมึงคิดว่าฟ้ารักกูจริงไหมวะ รักพอที่จะให้อภัยได้หรือเปล่าถ้ากูทำเหี้ยลงไป”
“อยากฟังความจริงหรือเปล่าล่ะ”
“อืม ว่ามาดิ”
“กูไม่รู้ กูไม่ได้ชื่อฟ้า”
สุดท้ายคำตอบเจ้าพ่อหนุ่มทำภารัณทั้งขำและโมโหใน คราวเดียวกัน กระนั้นก็จริงอย่างที่เพื่อนว่ามันไม่ได้ชื่อ ‘ฟ้ารดา’ ถ้าอยากรู้คงต้องไปถามเจ้าตัว