ทดสอบพรหมลิขิต

2289 คำ
3 ทดสอบพรหมลิขิต หนึ่งวันก่อน เด่นภูมินอนกระสับกระส่ายมาทั้งคืน กว่าจะข่มตาไม่คิดเรื่องพี่ชายและเด็กแฝดได้ก็ปาไปเกือบตีสาม พอรุ่งเช้ามาเยือน เขาก็รีบเก็บเสื้อผ้าไม่กี่ผืนแล้วบึ่งรถไปที่ปานฟ้าโฮมสเตย์ ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเล็กๆ ของจังหวัดเชียงใหม่อย่างแม่ออน โดยก่อนหน้านี้เด่นภูมิได้โทร.ไปแจ้งหญิงสาวแล้วว่าคืนนี้เขาจะเข้าพัก น้ำเสียงปรายฟ้าผ่านปลายสายก็ดูกระตือรือร้นอยากต้อนรับ เด่นภูมิใช้เวลาขับรถร่วมหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงโฮมสเตย์ขนาดสี่ห้องพัก ปรายฟ้าเป็นคนมาต้อนรับ พร้อมแนะนำเด่นภูมิแก่ปานเดือนและเอกว่าเป็นเขาคือพลเมืองดีที่พาสองแฝดไปส่งประชาสัมพันธ์ ปรายฟ้าพาเขาไปที่ห้องพัก แนะนำอยู่สองสามอย่างก็ปลีกตัวออกไปเพื่อให้แขกได้ดื่มด่ำกับเวลาพักผ่อน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเด่นภูมิไม่ได้มาที่นี่เพื่อเสพบรรยากาศหน้าหนาวของเดือนกุมภาพันธ์ ร่างสูงเดินเตร่ไปทั่วที่พักอันแวดล้อมด้วยลำธารเล็กใสแจ๋ว ล้อมรอบด้วยภูเขาและต้นไม้สูงใหญ่ ปานฟ้าโฮมสเตย์เป็นที่พักขนาดสี่ห้อง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสงบและเป็นส่วนตัว บ้านพักแต่ละหลังตั้งอยู่ห่างกันประมาณสี่เมตร ที่พักออกแบบในสไตล์นอร์ดิกเน้นโทนสีขาว ยิ่งในยามเย็นที่เปิดไฟสีส้ม ยิ่งราวกับทั่วอาณาเขตปกคลุมด้วยความอบอุ่น เด่นภูมิฝังตัวอยู่ที่นี่มาตลอดทั้งวันแล้วแต่ยังไม่เจอเด็กๆ เลย ในขณะเดียวกันก็ไม่กล้าไปถามเอาความกับปรายฟ้า ในเมื่อไม่มีอะไรทำจึงกลับไปนอนพักที่ห้อง พอตกบ่ายคล้อยก็ออกมาเดินเล่นอีกครั้ง “คุณลุงสวัสดีค่ะ” เด็กหญิงปิงปิงส่งเสียงแจ๋วพร้อมวิ่งตรงแน่วมาหา “สวัสดีครับคุณลุง” ตามมาด้วยปกป้องที่พนมมือไหว้อย่างนอบน้อม ทั้งคู่ยังอยู่ในยูนิฟอร์มนักเรียนสีขาวตัดกับกางเกงสีน้ำเงิน “สวัสดีครับปกป้องกับปิงปิง ลุงคิดว่าจะไม่ได้เจอซะแล้ว ลุงอยู่ที่นี่มาทั้งวันแล้วแต่ไม่เห็นพวกเราเลย” “พวกเราไปโรงเรียนครับ นี่ก็เพิ่งเลิกเรียน แม่ปรายบอกว่าคุณลุงใจดีมาพักบ้านเราด้วย ก็เลยรีบมาหาครับ” ปกป้องชอบคุณลุงคนนี้ รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เจอหน้าที่ห้างฯ วันก่อนตอนเขากับน้องสาวหลงทางกับแม่ “งั้นเหรอครับ แล้วนี่เรียนอยู่ชั้นอะไรกันเหรอ” “ชั้นสองค่ะ” ปิงปิงตอบพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ตาหยี “ล้อเล่นค่ะ หนูกับพี่ปกอยู่ป.1 ค่ะ” “แหม เข้าใจเล่นมุกนะเรา” เด่นภูมิว่าพลางกวักมือเรียกเด็กๆ ไปตรงม้านั่งสีขาวริมลำธาร “ว่าแต่เปลี่ยนจากเรียกลุงไปเรียกอาปลื้มดีกว่านะ” “อาปลื้มเหรอคะ” “ใช่ครับ อาชื่อปลื้ม” “แล้วทำไมเรียกลุงไม่ได้อะครับ” ปกป้องสลับถามพลางยอบนั่งบนก้อนหินไม่ใช่ม้านั่งข้างคุณลุง “คิดว่าเรียกอาจะถูกต้องกว่า เอ่อ ก็ไม่รู้ว่าควรพูดดีไหมนะ แต่เราเป็นญาติกัน เรานามสกุลเดียวกัน” เด่นภูมิลังเลในการเปิดเผยตัวตน เมื่อคืนก็คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ และตลอดทั้งวันมานี้ก็ยังไม่มีแผนการที่แยบยลเลย “เป็นญาติเหรอคะ? คุณอาปลื้มนามสกุลพรพัฒน์สิน เหมือนเราเหรอคะ” เด็กหญิงถามกลับตาโตพร้อมพาตัวเองไปนั่งข้างคุณอาปลื้ม “เอ๋? พรพัฒน์สินเหรอ ไม่ใช่ไกรกรัณย์เหรอ” ไหนวันนั้นบอกว่านามสกุลไกรกรัณย์อย่างไรล่ะ “ไกรกรัณย์เป็นนามสกุลคุณพ่อค่ะ พรพัฒน์สินเป็นนามสกุลของเราและของแม่ปรายและคุณยายเดือนค่ะ แล้วคุณอาปลื้มรู้จักพ่อหนูไหมคะ” “คุณอาปลื้มนามสกุลไกรกรัณย์เหรอครับ” ในแววตาเด็กชายมีความสนใจมากกว่าตกใจ “ใช่ครับ อาชื่อเด่นภูมิ ไกรกรัณย์” ขอออกตัวไว้ก่อนเผื่อเด็กน้อยคาดหวังว่าเขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด ว่าแต่ควรเฉลยเลยดีไหมนะว่านายปราบต์ ไกรกรัณย์คือพี่ชายแท้ๆ ของเขาเอง “อย่างงี้ก็แปลว่าคุณอารู้จักพ่อหนูใช่ไหมคะ” ดวงตาเด็กหญิงเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง เด่นภูมิอึกอักกัดริมฝีปากอย่างขบคิด แต่ก่อนจะทันได้ให้คำตอบเด็กน้อย เสียงขัดจังหวะก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “ปกป้อง ปิงปิงทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนล่ะลูก ยายบอกกี่ครั้งแล้วว่าเลิกโรงเรียนปุ๊บต้องเปลี่ยนชุดก่อนถึงจะมาเล่นข้างนอกได้” ปานเดือนตำหนิหลาน ปกป้องและปิงปิงยกมือสวัสดีคุณยายที่เพิ่งเห็นหน้าครั้งแรกตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียน เด็กทั้งสองจึงแยกออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่โดนดุ ปานเดือนเดินมาทางเด่นภูมิที่ลุกขึ้นยืนเป็นเชิงให้เกียรติผู้ใหญ่ หญิงวัยกลางคนยิ้มละไมแล้วยอบลงตรงม้านั่งข้างชายหนุ่ม “ฉันฟังอยู่นานแล้ว ขอโทษทีนะคะไม่ได้จะแอบฟังหรอก เผอิญมาเดินเล่นอยู่ตรงนี้” ปานเดือนเริ่มต้นบทสนทนา ริมฝีปากระบายยิ้มเล็กน้อย แต่ตรงข้ามกับความรู้สึกตื่นเต้นที่มากล้นอยู่ในใจ “คุณเป็นลูกชายของคุณดิฐาเหรอคะ” “ใช่ครับ รู้จักเหรอครับ” เด่นภูมิยอมรับอย่างตกใจ แต่ปานเดือนไม่ให้คำตอบในทันทีมีเพียงยิ้มในสีหน้า และดวงตาที่แหงนมองลำแสงระยับที่ลอดผ่านกิ่งก้านด้านบนศีรษะ “ฉันฟังอยู่นานแล้ว เมื่อกี้คุณพูดกับเด็กๆ เหมือนรู้เลยว่าพ่อของพวกเขาเป็นใคร” “เพิ่งรู้ก็ตอนเจอเด็กๆ ที่ห้างฯ น่ะแหละครับ เขาคุยเก่งและบอกว่าพ่อชื่อปราบต์ ไกรกรัณย์” “มิน่าล่ะ คุณถึงรีบมาที่นี่ทันที ทำไมคะมาเพื่อยืนยันว่าใช่จริงหรือเปล่าอย่างนั้นเหรอ” “ก็ด้วยครับ แต่ผมอยากรู้มากกว่าว่าเป็นมายังไง ผมเพิ่งรู้ว่าครั้งหนึ่งเฮียเคยทำผู้หญิงท้องและแก้ปัญหาด้วยการให้เธอไปทำแท้ง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เขารู้สึกผิดที่สุดในชีวิต เป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจเขาจนถึงทุกวันนี้ เฮียยอมรับว่าตัดสินใจพลาดไป” “คุณกำลังจะบอกว่าหากย้อนเวลาได้พี่ชายคุณเขาจะไม่ให้ลูกสาวฉันไปทำแท้งอย่างนั้นเหรอคะ?” “คิดว่าใช่ครับ” ใช่ไม่ใช่ไม่รู้ รู้แต่ต้องทำให้เฮียดูเป็นคนดีไว้ก่อน “เด็กๆ รู้ชื่อพ่อเขา แปลว่าที่ผ่านมาคุณปรายฟ้าก็ไม่ได้ปิดบังเด็กๆ อย่างนั้นสิครับว่าพ่อเขาเป็นใคร” สรุปว่าเฮียปราบต์ไม่ได้ซุกลูกเมียไว้แฮะ เรื่องทำแท้งคือเรื่องจริงสินะ “ไม่ใช่ปรายฟ้าหรอกค่ะ ฉันเองที่บอกเจ้าแฝด” เจตนาของปานเดือนเพียงอยากให้หลานรับรู้ว่าตัวเองก็มีพ่ออย่างใครเขา เพียงแต่ชีวิตอาจไม่สมบูรณ์แบบเหมือนเพื่อนวัยเดียวกันที่มีพ่อแม่ครบ ปานเดือนสอนหลานว่าชีวิตมันก็เว้าแหว่งแบบนี้แหละ ถึงอย่างไรยายกับแม่ปรายฟ้าก็รักพวกเขายิ่งกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ “ผมอึ้งเลยครับ ถ้าเฮียรู้เรื่องนี้คงช็อกไปเลย” “ถ้าเขารู้ขึ้นมาเขาจะทำยังไงเหรอคะ” “ผมว่าเขาต้องรับผิดชอบ อย่างน้อยป๊าก็ไม่ยอมให้จบง่ายๆ นี่ป๊าก็เพิ่งมารู้เหมือนกันว่าแปดปีก่อนเฮียปราบต์ทำอะไรลงไป ป๊าด่าเฮียและผิดหวังในตัวเขา ถ้าป๊ารู้ว่าหลานยังมีชีวิตอยู่ถึงยังไงก็ต้องเรื่องใหญ่แน่นอนครับ” “อย่างนั้นเหรอ” ปานเดือนรำพันพลางหลุบสายตามองธาราที่ไหลลงสู่ที่ต่ำ บทพูดขาดหายไปเพราะต่างคนต่างปลีกอยู่ในห้วงคิดของตนเอง ปานเดือนไม่นึกเลยว่าคำอธิษฐานของเธอจะถูกบันดาลให้เป็นจริง หลายเดือนมานี้เธอเฝ้าขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้นำพาปรายฟ้ากับปราบต์ไปบรรจบเจอกันอีกหน ปานเดือนเคยพูดกับลูกว่าให้กลับไปหาเขาและเฉลยว่าได้เก็บเด็กไว้ตลอดมา ลึกๆ แล้วปานเดือนเชื่อว่าทั้งสองมีด้ายแดงที่ผูกติดกันอยู่ เธอคิดวุ่นจนมีอยู่สองสามครั้งที่ปานเดือนถึงขั้นเอาดวงชะตาของทั้งสองไปให้หมอดูหลายเจ้าทำนาย ซึ่งทุกคนล้วนทายทักว่าปรายฟ้ากับปราบต์จะได้ครองคู่กันอย่างแน่นอน “เชื่อแม่สิว่าคุณปราบต์คือผู้ชายที่คู่ควรกับปรายฟ้า” ปานเดือนหวนถึงบทสนทนาระหว่างลูกสาวที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน “เขาเกลียดหนู และหนูก็เกลียดเขาค่ะ” “แต่เขาคือคนที่เพอร์เฟกต์ที่สุด พวกนั้นต้องอิจฉา” “ปรายเกลียดเขาค่ะ” ปรายฟ้าย้ำความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง น้ำเสียงเธอราบเรียบไม่มีการใส่อารมณ์ แต่สีหน้าออกจะหน่ายระอาอยู่สักหน่อย เพราะช่วงนี้มารดาหยิบเรื่องนี้มาพูดบ่อยแทบทุกหลังอาหารเช้าเย็น “หนูจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง ชื่อแซ่อะไร เกลียดรองจากสามีเก่าของแม่ก็คือนายคนนี้แหละค่ะ แปดปีก่อนปรายแช่งให้ชาตินี้เขาไม่มีทางได้เป็นพ่อคน และไม่มีผู้หญิงคนไหนเอาไปทำพันธุ์ จนถึงตอนนี้ปรายก็ยังแช่งอยู่ค่ะ” ปานเดือนได้แต่ส่ายหน้ากับหัวใจที่แข็งเยี่ยงเพชร ในเมื่อหว่านล้อมลูกสาวไม่สำเร็จปานเดือนก็คิดวางแผนถึงขั้นจะติดต่อผ่านบิดาของปราบต์ แต่ยังเต็มไปด้วยการย้ำคิดย้ำทำ เห็นใจลูกสาวก็สุดจะเห็นใจจึงรีๆ รอๆ ไม่ทำอะไรเสียที กระทั่งนาทีนี้ที่ลูกชายคนรองของดิฐาปรากฏตัว การพลัดหลงของเด็กแฝดกับแม่ที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็บังเอิญจนอดโทษว่าเป็นพรหมลิขิตไม่ได้ “ถึงเวลาสักทีสินะ” “หือ? ว่าไงนะครับ” เด่นภูมิถามหลังจากต่างคนต่างตกอยู่ในหลุมความคิดนับหลายนาที “คู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอก ว่าไหมคะ?” ยิ้มของสตรีวัยกลางคนมีบางอย่างแฝงอยู่ เด่นภูมิดูออก “พี่ชายคุณยังโสดอยู่ไหมคะ” “โสดสนิทเลยครับ ถ้าแต่งงานกับงานได้เขาก็คงแต่งไปแล้ว” มาถึงตอนนี้เด่นภูมิเข้าใจนัยแห่งรอยยิ้มของปานเดือนแล้ว “ฉันก็อยากทดสอบพรหมลิขิตของทั้งคู่เหมือนกัน และถือเป็นโอกาสแก้ตัวครั้งที่สองของคุณปราบต์ด้วย เราจัดการให้ทั้งสองได้เจอกันดีไหมคะ” “ดีครับ” เด่นภูมิรีบพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่คำนึงถึงสีหน้าถมึงทึงของพี่ชาย แต่คิดว่าฝ่ายนั้นไม่โกรธหรอก ต้องคลานเข่ามากราบเขาเสียด้วยซ้ำที่ปลดปล่อยตัวเองจากฝันร้าย “แต่ว่าจะพามาเจอกันเลยมันก็ไม่สนุกนะครับ ผมอยากเห็นพี่ผมช็อกหน้าหงายที่อยู่ๆ ก็มีเด็กไปบอกว่าเป็นลูกของเขา” “หึๆ คุณปลื้มนี่ดูแสบเอาเรื่องเลยนะคะ” “ผมเป็นคนน่ารักที่หวังดีกับพี่น้องครับ ว่าแต่จะให้พ่อกับลูกเจอกันยังไงดีนะ ถ้าพาเด็กๆ ขึ้นเครื่องไปกรุงเทพฯ ได้ก็น่าสนใจมากเลยนะครับ” ปานเดือนนิ่งคิดเพียงครู่เดียวก็เอ่ยขึ้น “มี Private Jet ไหมคะ” “มีครับ” “งั้นพรุ่งนี้พาไปได้เลย แต่เป็นตอนที่เด็กๆ เลิกเรียนแล้วจะดีกว่า พรุ่งนี้วันศุกร์ มะรืนก็เป็นวันหยุดพอดี” “แล้วแม่เขาล่ะครับ” “ไม่ต้องให้รู้ เดี๋ยวฉันจัดการเอง คุณปลื้มแค่รับปากว่าจะดูแลหลานฉันให้ปลอดภัยก็พอ” “รับปากครับ ผมจะดูแลพวกเขาอย่างดี แล้วปกป้องกับปิงปิงจะยอมไปเหรอครับ” พอเอ่ยถึงแหม็บๆ เจ้าของชื่อทั้งสองก็ปรากฏตัว ปกป้องเดาะลูกบาสเก็ตบอลขณะตรงมาทางนี้ ส่วนปิงปิงวิ่งฉิวมาหาอาปลื้ม “ปิงปิงอาปลื้มเขาจะพาหนูไปเจอพ่อหนู อยากเจอไหม” ปานเดือนถามหลานออกไปตรงๆ “อยากเจอค่ะ จริงเหรอคะอาปลื้ม” “จริงครับ เขาเป็นพี่ชายของอาเอง” “หา!? พ่อเราเป็นพี่ชายของคุณอาปลื้มเหรอครับ” ปกป้องหยุดมือที่กำลังเลี้ยงลูกบาสจนบอลสีส้มกลิ้งหลุนๆ ไปผิดทาง “ใช่จ้ะ คุณอาปลื้มคือน้องชายแท้ๆ ของพ่อปราบต์ ยายยืนยันได้และยายอนุญาตให้พวกหนูไปเจอคุณพ่อ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามบอกแม่ปรายเด็ดขาด” “ไปค่ะ! หนูไปๆ” ปิงปิงยกมือกระตือรือร้น แววตาตื่นเต้นจนเด่นภูมินึกเอ็นดู “พี่ปกไปด้วยกันนะ” “แต่แม่จะโกรธไหมอะ” ปกป้องลังเล อยากเจอมันก็อยากเจออยู่หรอก แต่จะดีเหรอ ถ้าพ่อสนใจเขากับน้องจริงคงไม่ทิ้งไปโดยไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลยสักครั้ง “ไม่โกรธหรอก เดี๋ยวยายคุยกับแม่เอง” “นะพี่ปกนะไปด้วยกันนะ ปิงไม่อยากไปคนเดียว” แฝดน้องเดินไปจับมือพี่ชายอย่างอ้อนวอน ปกป้องเจอไม้นี้ทีไรก็ไม่แคล้วใจอ่อนทุกที ปิงปิงตื่นเต้นอยากพบหน้าพ่อเสียขนาดนั้นเขาจะไม่ตามไปดูแลได้อย่างไร “อืม ไปก็ได้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม