ตอนที่ 9

1157 คำ
“ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ช่วง Love Game!” เสียงพิธีกรสาวดังขึ้นจากลำโพงกลางลานปาร์ตี้ “เรามีเกมสนุกๆ สำหรับคู่รักมาให้เล่นกันค่ะ และคู่แรกที่เราขอเชิญขึ้นเวที...” แสงไฟสปอร์ตไลต์หันมาจับที่พวกเขาทันที “คุณสิรณัฐ และคุณวราลีค่ะ!” เสียงปรบมือดังขึ้น ทั้งคู่ยิ้มฝืนๆ แล้วเดินจูงมือขึ้นเวที “เกมแรกของเราชื่อว่า ‘ใกล้กว่านี้อีกนิด’ ค่ะ” พิธีกรสาวพูดเสียงใส “ง่ายมากเลยค่ะ แค่ยืนหันหน้าเข้าหากัน แล้วให้หน้าผากกับปลายจมูกแตะกันไว้ให้นานที่สุดโดยไม่ขยับ ไม่หัวเราะ และแน่นอน... ห้ามหลบตา!” วราลีแทบหยุดหายใจ สิรณัฐเลิกคิ้วนิดหนึ่ง แต่ก็ยอมก้าวเข้าไปหาทันที สองคนยืนประจันหน้า ระยะห่างหายไปหมดในวินาทีเดียว ปลายจมูกแตะกันแผ่วๆ หน้าผากแนบกันน้อยๆ และตา... สบตากันอย่างจัง วราลีไม่หายใจ หัวใจของหล่อนเต้นแรงจนแทบกลืนเสียงเพลงไปทั้งหมด สิรณัฐเองก็ไม่ต่าง ใกล้เกินไป หอมเกินไป และอันตรายเกินไป “อย่าหลบตา...” เขากระซิบเบาๆ “ฉันไม่ได้หลบ...” เสียงของหล่อนสั่น “ก็แค่เตือน...” กล้องยังคงจับอยู่ แขกเหรื่อปรบมือ แต่โลกของคนทั้งคู่ เหมือนบีบแคบเหลือแค่ระยะไม่กี่เซนติเมตร “พอได้แล้วค่า! คู่รักคู่นี้ได้คะแนนเต็มสิบไปเลยค่ะ!” เสียงพิธีกรแทรกขึ้นมาช่วยชีวิต สิรณัฐผละออกนิดหน่อย แต่มือเขายังแตะแผ่นหลังของหล่อนเบาๆ ตอนเดินลงจากเวที “ถ้าใจของเธอเต้นแรงกว่านี้อีกนิด... ฉันจะคิดว่าเธอเริ่มหลงฉันเข้าแล้วนะ” เขาแกล้งกระซิบหยอกล้อ “ฝันไปเถอะ” วราลีเชิดหน้า แต่ดวงตายังสั่นอยู่เล็กน้อย สั่นในแบบที่หล่อนไม่อยากยอมรับ และยังไม่ทันที่สิรณัฐกับวราลีจะหายใจหายคอได้ทั่วท้อง พิธีกรสาวก็ประกาศดังลั่นขึ้นอีกครั้ง “และเกมถัดไปของเรา ขอเรียกว่า... ‘ขนมหวานท้ารัก’ ค่ะ!” ลูกค้าหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะตบมือ “เกมนี้สนุกครับ ทุกคนต้องชอบ โดยเฉพาะคุณสองคน...” พิธีกรหยิบเชือกเส้นเล็ก ขึ้นมาที่ปลายมีเยลลี่รูปหัวใจ “กติกาง่ายมากค่ะ ให้คู่รักกินเยลลี่จากคนละฝั่งจนไปเจอกันตรงกลาง ถ้าหยุดก่อนถึงตรงกลางจะถือว่าแพ้ แต่ถ้าใครกล้าพอจะไปให้สุด... ก็จัดไปเลยนะคะ!” เสียงกรี๊ดจากฝูงชนดังขึ้นทันที วราลีหน้าแทบซีด หล่อนหันขวับมามองสิรณัฐ “ไม่เอา!” สิรณัฐเลิกคิ้ว “เธอจะยอมแพ้ต่อหน้าลูกค้าเหรอ?” “แต่มัน...” “ไม่มีแต่น่า... เข้ามา” เขากระซิบ รอยยิ้มแสนรู้แตะมุมปาก เยลลี่ถูกแขวนไว้เรียบร้อย สองคนเดินขึ้นมาบนเวที และยืนประจันหน้ากันอีกครั้ง คราวนี้คนละฝั่งของเชือกเส้นบาง เสียงนับถอยหลังเริ่มต้น “สาม... สอง... หนึ่ง!” ทั้งคู่กัดปลายเยลลี่เข้าพร้อมกัน ฟันแตะขอบขนม ลมหายใจแตะกันตรงกลาง เยลลี่หวานเหนียวกำลังลดช่องว่างระหว่างพวกเขาทีละน้อย หนึ่งเซนติเมตร ครึ่งเซนติเมตร จนกระทั่งริมฝีปากเกือบจะชนกัน... วราลีกำลังจะขยับตัวหนี แต่ฝ่ามือของ สิรณัฐกลับเลื่อนไปแตะท้ายทอยของหล่อนไว้อย่างแน่นหนา “สิรณัฐ...!” วราลีพึมพำเบาๆ เพราะสติเสี้ยวสุดท้ายยังเหลืออยู่ แต่แล้วเสียงของหล่อนก็ถูกกลืนหายไปในวินาทีถัดมา เมื่อเขาโน้มเข้ามา และบดจูบลงบนริมฝีปากของหล่อน เต็มแรง หล่อนขัดขืนในตอนแรก ร่างทั้งร่างแข็งตึง ดวงตาเบิกโพลงอย่างตกใจ มือดันหน้าอกของเขาไว้ในจังหวะแรก แต่วินาทีที่เรียวปากของเขาแนบแน่นลงมา ลมหายใจร้อนวาบแตะผิวแก้ม และปลายลิ้นเขาแตะเข้ามาอย่างแผ่วเบา ความตั้งใจจะผลัก กลับกลายเป็นการกำแน่นแทน วราลีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง หัวใจหล่อนกำลังเต้นโครมคราม ราวกับจะระเบิดออกจากอก ความร้อนจากริมฝีปากสิรณัฐแทรกผ่านทุกชั้นของผิวหนัง สะกิดไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ และเมื่อเขาลูบปลายนิ้วเบาๆ ที่หลังคอของหล่อน หล่อนก็หมดแรงต้านโดยสิ้นเชิง มือที่เคยจะผลัก กลับเลื่อนไปกำชายเสื้อเขาแน่นแทน ลมหายใจของลห่อนเริ่มสั่นสะท้าน และจูบ... ที่เคยต่อต้าน กำลังกลายเป็นสิ่งที่หล่อนตอบสนองกลับไปอย่างไม่รู้ตัว ปลายลิ้นแตะกันเบาๆ ก่อนจะไหลลึก และเร่าร้อนจนเกินจะถอนตัว โลกทั้งใบหายไป เหลือเพียงเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นโต้ตอบกันในความเงียบ เสียงคนรอบข้าง... เลือนลาง เสียงคลื่นทะเล.... เหมือนหายไป มีเพียงจูบนั้น ที่กลืนหล่อนเข้าไปทั้งตัว วราลีหลุดออกจากความเป็นจริง เผลอจูบตอบอย่างลืมตัว ลืมไปว่าอยู่บนเรือ ลืมไปว่าอยู่ต่อหน้าคนทั้งงาน ลืมแม้กระทั่งว่า...พวกเขาควรจะ “แกล้งรัก” ไม่ใช่ “รักจริง” แต่ในวินาทีนั้น หล่อนชักไม่แน่ใจอีกแล้ว ว่านี่คือการแสดง หรือหัวใจของหล่อนกำลังคิดจริงจังกันแน่ เสียงกรี๊ดยังดังอยู่ทั่วดาดฟ้า แต่นั่นไม่ดังเท่าเสียงหัวใจของพวกเขา วราลีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝ่ามือของตัวเองกำลังเลื่อนขึ้นไปแตะแผ่นอกเขาไว้เบาๆ หรือว่าขาของตัวเองขยับเข้าใกล้ไปเขามากแค่ไหนแล้ว จนกระทั่ง... “เอ่อ... โอเคค่ะ! พอได้แล้ว! เกมนี้ถือว่าผ่านฉลุยเลยค่ะ!” เสียงพิธีกรแทรกขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะเขินๆ จากคนรอบงาน วราลีผละออกทันที ถอยหลังอย่างแรงจนเกือบสะดุดส้นรองเท้า มือเล็กยกขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ปากยังอุ่นอยู่... ใบหน้าแดงจัด... แดงกว่าครั้งไหนในชีวิต ดวงตาของหล่อนเบิกกว้างอย่างตกใจ... ตกใจที่ตัวเองตอบสนองเขา สิรณัฐก็เช่นกัน... เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนยังไม่ได้สติจากความเร่าร้อนเมื่อครู่ ปลายนิ้วยกแตะมุมปากอย่างเผลอตัว แล้วเขาก็หัวเราะกลบเกลื่อนเบาๆ “ขอโทษทีนะครับ ผมอินไปหน่อย...” เขาพูดขึ้นกับพิธีกร แต่สายตากลับยังจับจ้องมาที่วราลีอยู่ วราลีเบือนหน้าหนีทันที พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกวาบหวามที่ยังแทรกอยู่ทุกอณูผิวเอาไว้สุดกำลัง สิรณัฐเองก็หันไปมองทะเล เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ในหัวเขา... ยังเต็มไปด้วยสัมผัสนั้น รสชาติของจูบนั้น... กลิ่นของวราลี... และเสียงหายใจแผ่วเบาที่แนบใกล้เขาเกินกว่าจะถอนใจได้ พิธีกรพูดต่อ เสียงในงานยังดำเนินไป แต่ทั้งสองคนยังคงยืนนิ่ง ราวกับยังดึงตัวเองออกมาจากไฟร้อนๆ เมื่อครู่นี้ไม่ได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม