ตอนที่ 10

1124 คำ
ระเบียงท้ายเรือยอร์ชยังคงเงียบสงบ ลมทะเลยามค่ำคืนพัดเอากลิ่นเกลืออ่อนๆ มาปะทะปลายจมูก สิรณัฐเดินอ้อมมาจากอีกฝั่ง คงตั้งใจจะหลบคนเหมือนกัน แต่แล้วก็เจอหล่อน... วราลี ยืนหันหลังให้ท้องทะเล แผ่นหลังตรงในชุดเดรสสีทองที่เปล่งประกาย ตัดกับแสงไฟเรือได้อย่างพอดิบพอดี ทั้งคู่ชะงักเล็กน้อยเมื่อสายตาเจอกัน แต่ไม่มีใครถอย สิรณัฐเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน เสียงเรียบ แต่แววตาพราวระยับด้วยความยั่วเย้า “จูบเมื่อกี้... ถือว่าใช้ได้นะ” วราลีหันขวับ ใบหน้าแดงระเรื่อ ดวงตาวาวโรจน์ “นายกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง?! จูบนั่น นายนั่นแหละเป็นคนเริ่ม!” “แต่เธอก็จูบตอบนะ” เขายักคิ้วหน้าทะเล้น “ไอ้โรคจิต! ฉันกำลังจะถอย แต่ปากนายสกปรกของนายไม่ยอมปล่อยฉันต่างหาก” วราลีกระแทกเสียง ดวงตาจ้องเขาเขม็งราวกับจะผลักเขาตกทะเลให้รู้แล้วรู้รอด “พูดแบบนี้ ใครฟังเข้าใจผิด จะนึกว่าฉันขืนใจเธอนะ” “ไม่ขืนใจก็ใกล้เคียง! ใช้ลิ้นโดยไม่ขออนุญาต! นายรู้ไหมว่าฉันเกลียด...“ “อย่าลืมสิ ว่าตอนที่ปากเราแตะกัน เธอไม่ได้ขยับหนีสักนิด...” เขาตัดบททันควัน ดวงตาคมกริบจับจ้องหล่อนไม่กะพริบ วราลีชะงัก ดวงตาสั่นวูบ ก่อนจะเม้มปาก แล้วก้าวฉับๆ หนีออกมา “ไม่เอาแล้ว! ฉันทนฟังนายเพ้อเจ้อไม่ไหวแล้ว” แต่คงเพราะพื้นของดาดฟ้าเรือเอียงเล็กน้อย จากแรงคลื่น รองเท้าส้นสูงจึงพลิก และหล่อนก็เสียหลักทันที “ว้าย!” สิรณัฐพุ่งเข้าคว้าหล่อนไว้ทัน ก่อนจะล้มลงพื้น แขนเขาโอบรอบเอวบาง มือเล็กคว้าบ่าเขาไว้แน่นเพื่อพยุงตัว ทั้งคู่หอบเบาๆ ใบหน้าอยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจ วราลีเงยหน้าขึ้นช้าๆ สายตาสบกับดวงตาของเขาแบบไม่ตั้งใจ แต่ไม่มีใครละสายตาก่อน ลมหายใจอุ่นพาดผ่านผิวแก้ม ดวงตาเลื่อนไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย หัวใจเต้นรัวจนแทบหลุดจากอก ทุกวินาทีเหมือนถูกดูดเข้าไปในแรงโน้มถ่วงเดียวกัน สิรณัฐค่อยๆ โน้มหน้าเข้าใกล้ ปลายจมูกแทบจะสัมผัสกัน ริมฝีปากของหล่อนเผยอนิดๆ ราวกับลืมความโกรธไปหมด แต่แล้วเขาก็หยุด ก่อนที่ปากจะสัมผัสกันเพียงเสี้ยววินาที สิรณัฐเบือนหน้าหนี แล้วถอยออกห่างเล็กน้อย “เดินระวังหน่อยสิ เธอใส่ส้นสูงนะ” เขาพูดเบาๆ เสียงแผ่วๆ เหมือนกำลังดึงตัวเองออกจากอะไรบางอย่างที่ร้อนแรงเกินกว่าควบคุม วราลียืนนิ่ง ไม่พูดอะไร แต่หัวใจของหล่อนยังคงเต้นไม่เป็นส่ำ หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง ก่อนจะหันหลังเดินออกไป พยายามก้าวอย่างมั่นคงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทั้งสองคนต่างรู้ดี... ว่าเมื่อครู่... บางอย่าง ‘เกือบ’ เกิดขึ้นอีกครั้ง... บางอย่างที่ไม่ใช่เกม ไม่ใช่แผนธุรกิจ แต่เป็นไฟ ที่เริ่มลามเลียในหัวใจของคนสองคน ที่เคยคิดว่าเกลียดกันแล้ว หลังจากจบงานเลี้ยง ประตูห้องพัก VIP บนเรือยอร์ชหรูหราก็ถูกเปิดและปิดลงเบาๆ ก่อนจะตามด้วยเสียงถอนหายใจยาวของคนสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา วราลีวางกระเป๋าลงบนโซฟา แล้วหันขวับไปมองคนข้างตัว “นี่ลูกค้าไม่คิดจะบอกก่อนเลยเหรอ ว่าต้องค้างบนเรือ? ถ้าฉันรู้ล่วงหน้า ฉันเตรียมชุดนอนมาแล้ว!” สิรณัฐยักไหล่ ถอดสูทพาดพนักเก้าอี้ “นั่นสิ ฉันก็คิดว่าคืนนี้จะได้นอนบนบกสบายๆ ซะอีก... ไม่คิดว่าจะต้องแชร์เตียงกับยัยแมวขู่ฟ่อบนเรือ...” “พูดใหม่อีกรอบสิ?!” วราลีถลึงตาใส่ “นายต่างหากที่เป็นหมาขี้เห่า!” สิรณัฐหัวเราะเบาๆ “ถึงจะเป็นหมา... แต่อย่างน้อยก็ไม่ข่วนคนมั่วซั่วเหมือนแมวบางตัวหรอก” วราลีเบ้ปากแรงๆ แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเครื่องสำอาง ส่วนเขาก็เดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไปอีกฝั่ง เสียงฝักบัวดังขึ้นแผ่วเบา ไม่นานนัก เสียงน้ำก็เงียบลง ประตูห้องน้ำไม่ได้ปิดสนิทนัก แง้มไว้นิดหน่อยพอให้เห็นภายในได้รางๆ วราลีที่กำลังเช็กโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นพอดี แล้วสายตาของหล่อนก็เบิกกว้างทันที ภายในห้องน้ำที่มีไอน้ำจางๆ หล่อนเห็น... แผ่นหลังเปลือยเปล่าของสิรณัฐ เปียกชื้น นวลเนียน แต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นกำลังดี ไหล่กว้าง หน้าท้องเป็นลอนชัดเจนจนน่าหมั่นไส้ หล่อนชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกลืนน้ำลายเบาๆ แบบไม่รู้ตัว “เด็กชายผอมแห้งปากหมาที่ฉันเคยรู้จัก... ไปทำอะไรมาฟะ? นี่มันไม่ใช่หุ่นของคนที่นั่งประชุมวันละสิบสองชั่วโมงนะ นี่มัน... หุ่นของพระเอกซีรีส์กล้ามแน่นชัดๆ!” วราลีกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง แล้วก็รีบเบือนหน้าหนี หยิบหมอนขึ้นมากอดแนบหน้าเหมือนอยากจะบิดคอตัวเองให้ลืมภาพเมื่อกี้ให้หมด “โอ๊ยยย ตายๆ ๆ ๆ!” หล่อนบ่นพึมพำกับหมอน แล้วทันใดนั้น... สิรณัฐก็เดินออกมาพอดี ใส่แค่กางเกงนอนขายาวตัวเดียว เสื้อยังไม่ใส่ ผมเปียก และมีหยดน้ำเกาะตามแผ่นอกกับหน้าท้อง “คราวนี้เธอไปอาบน้ำได้แล้ว” เขาพูดเสียงสบายๆ ขณะใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมอยู่ วราลีหันไปมองทันที แล้วก็แทบจะหันกลับไม่ทัน “ใส่เสื้อหน่อยได้มั้ย?! ฉันไม่อยากเสี่ยงเป็นตากุ้งยิงหรอกนะ!” “แต่เมื่อกี้เธอแอบมองอยู่ไม่ใช่เหรอ” เขาหัวเราะเบาๆ พร้อมกับยักคิ้วให้ “ใครแอบ?! ประตูก็แง้มไว้เองต่างหาก! ฉันก็แค่... มองผ่านไปเห็นพอดี!” “แล้วกลืนน้ำลายด้วยทำไม” “ไอ้...!” หล่อนคว้าหมอนอีกใบหมายจะปาใส่ แต่เขาหลบได้ทัน แล้วก็หัวเราะขบขัน “ฝันไปเถอะ ต่อให้กล้ามนายแข็งขนาดขูดชีสได้ ฉันก็ไม่สนหรอกยะ!” สิรณัฐยักไหล่ ยิ้มมุมปาก “ก็ดี จะได้ไม่ต้องคอยระวังตัว... เพราะเธอน่ะ เริ่มดูอันตรายขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ” ชายหนุ่มเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างสบายอารมณ์ ปล่อยให้วราลีได้เข้าห้องน้ำบ้าง แต่ก่อนที่หล่อนจะปิดประตูห้องน้ำ วราลีหันกลับมาอีกครั้ง สะบัดผมแรงๆ พร้อมฟาดประโยคปิดท้าย “อย่าคิดว่าหุ่นดี แล้วจะลบล้างความปากหมาของนายได้นะ ไม่มีทางหรอก” สิรณัฐไม่ได้ตอบอะไร นอกจากหัวเราะด้วยความขบขัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม