“ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างอ๊ะเปล่า ฮ่าๆๆ ช้างมันตัวโตย๊าวยาว จมูกงาวๆ เรียกว่างวง มีเขี้ยวใต้รวงเรียกว่างา มีหูมีตาหางยาว!”
“ช้างเวอร์ชันอะไรของเธอเนี่ยยัยเพี้ยน”
เวลานี้บนแผ่นหลังกว้างของอินทรมีศิลปินสาวที่ร้องเพลงเพี้ยนเนื้อเพี้ยนทำนองอยู่หนึ่งคน เธอร้องเพลงจนใบหูของชายหนุ่มที่แบกเธอมาแฉะไปหมดแล้ว แถมยัยคนนี้แม้จะตัวเบาแต่ก็ดุ๊กดิ๊กไม่หยุดจนเกือบจะทำหล่นอยู่หลายครั้ง
“เฮ้อถึงสักที”
มาถึงหน้าห้องพักของอังเปา อินทรก็วางร่างเธอลงคนที่ยังมีฤทธิ์เดชเอนกายพิงผนังโซซัดโซเซไปที่หน้าประตู จ้องลูกบิดประตูห้องตัวเองอยู่นานก่อนจะสลับหันกลับมามองหน้าอินทร
“อะ อะไรมองหน้าผมทำไม”
“นาย!” เธอชี้หน้าเขา “ทำไมหน้าตาเหมือนไอ้เด็กนรกนั่นเลยล่ะ”
“เธอเมาแล้ว กุญแจห้องอยู่ไหนเดี๋ยวช่วยหา”
“อ้อใช่! กุญแจห้อง...อยู่ไหนนะ” คนเมากวาดสายตามองหากระเป๋าของตัวเองจนเห็นว่ามันอยู่ในมือชายหนุ่มที่มาด้วยกัน
“ขโมย! เอามานี่เลยนะ” เธอแย่งกระเป๋ามาไว้ในมือ พอเอากระเป๋าคืนมาได้ก็ทรุดตัวลงไปนั่งยองๆ อยู่หน้าห้องแล้วกอดกระเป๋าตัวเองไว้แน่น
คนน้องยืนมองสาวรุ่นพี่เมาไม่ได้สติก็ได้แต่ถอนหายใจพยายามแย่งกระเป๋าคืนมาจากเธอเพื่อหากุญแจห้อง แต่หญิงสาวมือปลาหมึกคนนี้ก็กอดกระเป๋าแน่นหนึบราวกับกาวตราช้าง
“จะทำอะไร อย่าแย่งฉันไปนะนี่มันของฉัน” เธอพูดเสียงอ่อนพร้อมกับเงยหน้ามองอินทร ทันทีที่เห็นใบหน้าเธอเขาก็ตกใจเพราะจู่ๆ อังเปาก็ร้องไห้ออกมา เธอเบะปากหลั่งน้ำตาเป็นเด็กๆ
“ร้องทำไมเนี่ย ไม่ได้จะขโมยสักหน่อยแค่หากุญแจห้องเอง”
“นายจะแย่งของที่ฉันรักไปไหม”
“แล้วอะไรคือของที่เธอรักล่ะ”
“พ่อ” คำตอบนั้นทำให้อินทรสตั้นไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบเธอ
“ไม่แย่งหรอก พ่อของเธอฉันจะไปแย่งได้ยังไง”
“ได้สิ นายกับเธอแย่งพ่อของฉันไป ฉันเกลียดพวกนาย” พูดจบอังเปาก็ใช้แรงอันน้อยนิดของเธอผลักไหล่อินทรจนเขาที่นั่งยองๆ ตรงหน้าเธอล้มลงไปนั่งกับพื้น
คนน้องถอนหายใจหนักไม่เคยเห็นคนเมาแล้วซนขนาดนี้มาก่อน ทั้งเขายังไม่เคยแบกคนเมาที่ไหนกลับห้องด้วย
“นี่รุ่นพี่ครับ อยากนอนไหม”
“อยากนอน” เธอขานตอบทันทีราวกับเด็กน้อย
“ดีมาก งั้นถ้าพี่อยากนอนก็ช่วยหากุญแจให้ผมหน่อยได้ไหม ไม่งั้นผมพาพี่เข้าห้องไปนอนไม่ได้นะ”
“พี่...” อังเปาปรือตามองหน้าอินทรก่อนจะยกยิ้มหวาน
“ฉันเป็นพี่เหรอ ดีจัง...ฉันอยากมีน้องชาย” เธอปล่อยกระเป๋าในมือทิ้งลงพื้น ประคองมือทาบแก้มนุ่มของหนุ่มรุ่นน้องทั้งสองข้าง “ต่อไปเรียกฉันว่าพี่นะ”
“อืมเข้าใจแล้วครับพี่” ว่าจบอินทรก็จับมือหญิงสาวที่ทาบแก้มเขาออก จากนั้นก็หยิบกระเป๋าเธอขึ้นมารื้อหากุญแจ แต่ทว่ากลับไม่เจอของชิ้นดังกล่าวเลย
“ทำไงดีล่ะ” เขาพึมพำ
“อะไรเหรออออ”
“กุญแจห้องพี่น่ะสิ อยู่ที่ไหนพอจะนึกออกไหม”
พี่สาวคนสวยยู่ปากทำหน้าขบคิด
“อยู่...ในห้อง”
“พี่แน่ใจนะว่าอยู่ในห้อง”
“อื้ม อยู่บนโซฟาในห้อง”
“เฮ้อ งั้นก็เข้าห้องไม่ได้นอกจากพรุ่งนี้จะไปขอกุญแจสำรองที่นิติตอนเช้า ตอนนี้ก็ห้าทุ่มกว่าแล้วงั้นไปนอนห้องผมละกัน”
“ห้องนาย” จบประโยคอังเปาก็รีบดึงมือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเอง มองหน้าอินทรด้วยสายตาไม่วางใจ
ชายหนุ่มมองท่าทางของเธอก็ถอนหายใจหนักอีกครั้ง
“ผมไม่ทำอะไรคนเมาหรอก วางใจเถอะ”
“จริงนะ”
“จริงสิ” ได้ยินเช่นนั้นอังเปาก็วางใจ เมื่ออินทรยืนขึ้นเธอก็อ้าแขนเป็นเด็กๆ เหมือนกำลังรอให้มีคนมาอุ้มเธอ
อินทรมองภาพสาวสวยขี้วีนขี้เหวี่ยงกลายเป็นเด็กน้อยซุกซนก็อดยิ้มไม่ได้ ท่าทางนี้ดูตลกไม่ใช่น้อย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอัดคลิปตอนเธอเมาไว้
“ทำอะไรน่ะ” เขาแกล้งถามอังเปา
“อุ้ม”
“ฮะ?”
“อุ้มหน่อย” ท่าทางออดอ้อนนั้นน่ารักไม่ใช่น้อย อินทรหลุดหัวเราะก่อนจะเก็บโทรศัพท์แล้วประคองร่างพี่สาวต่างคณะให้ลุกขึ้น จากนั้นก็ขยับเดินไปราวสาวสี่ก้าวจนมาหยุดเท้าอยู่ที่ห้องข้างๆ
ไขประตูเข้ามาด้านใน เปิดไฟและโยนร่างคนเมาไปไว้บนโซฟา
“เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้พอทิ้งตัวแล้วหนักชะมัด”
จัดการคนเมาเสร็จเด็กหนุ่มก็เดินมาเปิดตู้เย็นดื่มน้ำ เขาหายเข้าไปพักหายใจหายคอแป๊บเดียว กลับมาที่โซฟาอีกครั้งก็พบว่าคนเมาที่พกกลับห้องมาด้วยหายตัวไปแล้ว
อินทรรีบเดินเข้าไปดูในห้องนอนซึ่งแยกออกมาจากห้องนั่งเล่น แต่แล้วก็พบเพียงความว่างเปล่า จนในที่สุดก็มาเจออังเปานั่งฟุบหน้าอยู่ที่โถชักโครกในห้องน้ำ
“เฮ้อ นอนดีๆ ไม่ชอบ อยากเอาหน้าจุ่มโถส้วมขึ้นมาเสียงั้น”
เป็นอีกครั้งที่ร่างของอังเปาถูกหนุ่มรุ่นน้องช้อนขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดและพากลับมานอนที่โซฟา เดิมทีคิดว่าคนที่หมดฤทธิ์แล้วจะหลับไป แต่ที่ไหนได้ล่ะเธอยังมีแรงอีกเหลือเฟือดีดตัวขึ้นมานั่งหน้างงพร้อมกับมองหน้าอินทรค้าง
“มองทำไม ไม่ให้กินหรอกนะ”
“กิน...เค้ก”
“อะไรนะ อยากกินเค้กเหรอ”
“เค้ก...” ในหัวอังเปาตอนนี้เห็นแต่ภาพเค้กวันเกิดที่อยู่ในมืออายัน เค้กสีขาวครีมรสหวานประดับเทียนสว่างสไว มีคนห้อมล้อมกายส่งเสียงปรบมือร้องเพลงวันเกิดให้ฟัง
“โชคดีนะที่วันนี้มีใครไม่รู้เอาเค้กมาให้ อยากกินก็กินสิ” อินทรลุกขึ้นไปเอาเค้กจากในตู้เย็นมาวางไว้บนโต๊ะหน้าอังเปา
“เทียน”
“ฮะ?”
“เทียน เทียนวันเกิด...” ประโยคสุดท้ายทำให้อินทรนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่คิดว่าเธอจะรู้ด้วยว่าวันนี้เป็นวันเกิดเขา...
“ไม่มีหรอกแต่รอแป๊บนะ” พูดจบอินทรก็ลุกไปหยิบไฟแช็กในห้องครัว เดินกลับมานั่งข้างอังเปาจากนั้นก็จุดเปลวเทียนสีเหลืองทองสว่างไสว
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” อังเปาร้องเพลงจนจบก็หันไปยิ้มให้อินทร
“เป่าเค้กสิ”
“อืม” สิ้นเสียงขานรับในลำคอ เปลวไฟก็ดับลง อินทรหันไปมองหน้าคนข้างๆ ที่ยังคงยิ้มให้เขา
“รู้ได้ไงว่าวันนี้เป็นวันเกิดผม”
“เพราะนายเกิดวันเดียวกันกับ...”
พรึ่บ!
ไม่ทันพูดให้จบประโยคร่างบางก็สลบนอนทับต้นขาของอินทร หลับปุ๋ยราวกับเด็กน้อยที่หมดพลัง ริมฝีปากบางผ่อนลมหายใจเล็กน้อยเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
“เค้กนี่ที่ห้องสมุดวันนี้เป็นฝีมือเธอสินะ” เขาก้มมองคนที่นอนอยู่บนตักก่อนจะยกยิ้มอ่อน แม้อินทรจะไม่รู้ว่าอังเปารู้ได้อย่างไรว่าวันนี้เป็นวันเกิดเขา แต่ชายหนุ่มก็พอเดาได้ว่าคนอย่างอังเปาคงสืบเรื่องพวกนี้ได้ไม่ยาก
“นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้เป่าเทียนวันเกิด”
ติ้ง!
อินทรหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดออกดูข้อความ
[พ่อ : สุขสันต์วันเกิดนะเจ้าลูกชาย พ่อรักแกนะไว้ดูงานที่ภูเก็ตกับแม่ปิ่นเสร็จแล้วจะกลับไปเลี้ยงมื้อใหญ่ให้แก]
[อินทร : ครับ บอกแม่ปิ่นอย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลาด้วย]
[พ่อ : เมียพ่อไม่ต้องให้แกมาดูแลหรอก แกนั่นแหละดูแลตัวเองให้ดีถ้าดูแลตัวเองไม่ได้ก็หาเมียซะ]
อินทรอ่านข้อความไปพลางส่ายหัวไปพลาง พ่อคนนี้ไม่เคยสอนอะไรดีๆ ให้เลย สอนแต่อะไรก็ไม่รู้ ทั้งสอนให้ดื่มเหล้า สอนให้จีบหญิง สอนให้ต่อยคน แต่ละอย่างมีแต่เรื่องที่พ่อแม่หลายคนไม่อยากสอน แต่ว่าเพราะมีพ่อแบบนี้เขาถึงได้โตมาเป็นอินทรที่มีความสุขอย่างทุกวันนี้ สำคัญคือแม่เลี้ยงใหม่ก็เข้ากับเขาได้ดี
“ทำไมถึงได้ชอบร้องไห้นักนะ”
คนน้องก้มหน้ามองคนที่กำลังหลับปุ๋ย พึมพำกับเธอ ใช้นิ้วเรียวยาวช่วยเกลี่ยคราบน้ำตาที่ไหลรินออกมาเป็นทาง
“ปกติออกจะดูเริ่ดเชิด แต่พอเอาเข้าจริงแล้วพี่มันก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่งนี่เอง”
“แม่...” อังเปาพึมพำพลันดึงมืออินทรกอบกุมไว้แน่น ขดร่างกายและเอามืออินทรซุกหน้าตัวเอง
“ยอมให้หนึ่งวันเห็นแก่ที่...พี่อยู่ฉลองวันเกิดให้ผมก็แล้วกัน”