ตอนอยู่ในห้องไม่ทันได้สังเกตกระทั่งออกมายืนด้านหน้าห้องอังเปาถึงได้รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่หน้าห้องที่อยู่ข้างห้องพักของตัวเอง
“ทำไมฉันคิดไม่ได้นะ ว่าแล้วเชียวว่าทำไมเสียงเพลงในวันนั้นถึงฟังดูคุ้นหูนัก”
ภาพความทรงจำเกี่ยวกับชายหนุ่มห้องข้างๆ ลอยเข้ามาในหัวเธอ ทั้งส้มที่เอามาแขวนไว้ ทั้งจดหมายและช็อกโกแลต
“หรือว่าเด็กนั่นจะชอบฉันเข้าแล้ว...”
อังเปาคิดไม่ตก “แต่ถ้าชอบทำไมต้องทำเหมือนรังเกียจด้วยล่ะ” มีหลายคำถามที่คาอยู่ในใจ
“ช่างเถอะยังไงก็เหมือนจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย”
อีกด้าน ณ ห้องนอนของมารี เธอนั่งปลายเตียงนอนนุ่มหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาเปิดดู ลูกชายสองคนยืนยิ้มให้กล้องด้วยแววตาที่สดใสในภาพถ่ายเธอจำได้ว่าตัวเองมีความสุขมาก เธอยืนดูอยู่ห่างๆ โดยมีพ่อของพวกเขาเป็นคนถ่ายรูปนั้นออกมา
“คิดถึงพี่เขาอีกแล้วเหรอ”
อายันเดินเข้ามาเงียบๆ จนคนที่คิดอะไรเพลินๆ ไม่ทันสังเกตว่าลูกชายเดินเข้ามา
“วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ”
“มีตอนบ่ายครับ” เขาเดินมานั่งลงข้างๆ ผู้เป็นมารดา กุมมือเธอไว้หลวมๆ
“เรื่องวันเกิดผมเมื่อคืน...”
“แม่ไม่เป็นอะไร หนูเปาเขาไม่ผิดที่จะเกลียดแม่”
“แต่พี่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำตัวก้าวร้าวกับแม่ขนาดนั้นนะ ถึงจะไม่ชอบกันแต่ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้เหรอ”
“เดี๋ยวสิ เมื่อวานคนที่โดนจัดการคือลูกไม่เหรอ ไม่ใช่แม่สักหน่อย”
“ก็เหมือนกันนั่นแหละ ที่ผมยอมอดทนไม่ตอบโต้ก็เพราะแม่แต่ผมไม่รับประกันนะว่าถ้าหมดความอดทนแล้วจะไม่จัดการเธอ”
“แม่จำได้ว่าลูกเองก็รังแกพี่เขาอยู่บ่อยๆ นี่”
“แม่ก็เข้าข้างเขาตลอดเลยอ่ะ สรุปว่าผมหรือพี่เขากันแน่ที่เป็นลูกแม่” เด็กงอแงเบะปากน้อยใจ
“ไหนบอกว่าวันเกิดจะพาแฟนมาแนะนำให้แม่รู้จัก ทำไมไม่พามาล่ะ”
“เธอบอกว่าติดงานที่คณะผมก็เลยไม่อยากกวน” มองแค่แว๊บเดียวมารีก็รู้แล้วว่าเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอกำลังน้อยใจแฟนสาว
“เมื่อเช้าแม่ตื่นมาทำขนมลูกชุบที่ลูกชอบให้ ไปเปิดตู้เย็นสิเผื่อจะได้อารมณ์ดีขึ้น”
“แม่เข้าใจผมที่สุดเลย” อายันโน้มตัวกอดมารดา กำชับอ้อมกอดเธอพลันออดอ้อนเป็นเด็กๆ
“โตแล้วนะยังอ้อนแม่อีกเหรอ”
“ก็ผมมีแม่คนเดียวนี่ครับ ไม่ให้กอดแม่แล้วจะให้กอดใครล่ะ”
“แฟนไง”
“โถ่แม่อ่า”
ก็อกๆ ก็อกๆ
ระหว่างแม่ลูกกำลังสนทนาเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“เข้ามาได้ครับ”
สิ้นเสียงอนุญาต ป้าแม่บ้านคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“คุณอายันคะ มีคนมาขอพบค่ะ”
“ใครมาครับ”
รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของแม่บ้านสร้างความประหลาดใจให้อายัน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินลงไปดูพร้อมกับมารดา ซึ่งทันทีที่เดินลงมาถึงเขาก็เจอกับยัยผู้หญิงผมสั้นจอมแก่นที่ตามตอแยเขาไม่เลิกมาตั้งแต่สมัยมัธยม
“เธอมาได้ไงเนี่ย”
“อายันนนน” เด็กสาวลากเสียงใสเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความดีใจ สองเท้ารีบสาวเดินเข้ามาหาเจ้าของกล่องของขวัญในมือเธอ
“สวัสดีค่ะน้ามารี” เยลลี่เอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือไหว้แม่ของอายันอย่างมีมารยาทก่อนจะหันมาจดจ้องมองชายที่เป็นเป้าหมายของเธอในวันนี้
“สุขสันต์วันเกิดนะ” เธอยื่นของขวัญให้เขา “อะไรอ่ะ”
“เปิดดูสิ”
อายันลองเปิดดูตามที่เด็กผู้หญิงคนนั้นบอก เมื่อกล่องปริศนาถูกเปิดออกก็พบว่าภายในมีรองเท้าสตั๊ดรุ่นล่าสุดของแบรนด์โปรดที่อายันชอบบรรจุไว้อยู่
“นี่มัน...”
“เป็นไงชอบไหม ฉันตั้งใจเลือกเพราะคิดว่านายชอบเลยนะ”
“เธอรู้ได้ไงว่าฉันกำลังมองหารองเท้ารุ่นนี้อยู่”
“นายลืมไปแล้วเหรอว่าทุกเรื่องของนายฉันรู้หมด” เธอตอบอย่างมั่นใจ
“แต่นี่มันแพงเกินไปฉันรับไม่ได้”
“ทำไมล่ะ ฉันตั้งใจซื้อมาให้นายโดยเฉพาะเลยนะ รู้ไหมว่ามันหายากขนาดไหน”
“แต่ฉันรับไม่ได้ ที่เธอทำให้มันมากเกินไป”
“มากเกินไปตรงไหน ฉันชอบนายดังนั้นนายอยากได้อะไรฉันก็จะหามาให้ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาฉันก็จะทำ”
“แต่ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบเธอ อีกอย่างฉันก็มีแฟนแล้วด้วยดังนั้นเลิกยุ่งกับฉันสักทีได้ไหม”
คำพูดนั้นทำให้เยลลี่สตั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง แม้เธอจะถูกคำพูดของเขาทำร้ายจิตใจอยู่หลายครั้งแต่มันก็ไม่เคยชินสักที เธอสูดลมหายใจเข้าก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มให้เขา กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม
“ยังไงของก็ซื้อมาแล้ว ขนาดเท้าก็เป็นของนาย ถ้าไม่ชอบนายก็ทิ้งไปซะแต่ฉันไม่รับคืน” พูดจบเธอหันไปยกมือไหว้แม่ของอายันแล้วเดินจากออกมา
อายันมองแผ่นหลังเยลลี่เดินจากไปจนลับสายตา ทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่สบายใจที่พูดแบบนั้นออกไป
“รู้สึกเสียใจแล้วสินะ ทำไมก่อนพูดไม่คิดก่อนล่ะ”
“แม่ก็เห็นนี่ครับ ยัยนั่นเป็นแบบนี้มาตั้งแต่มอห้าแล้ว ถ้าผมใจดีด้วยเธอก็ยิ่งคิดว่าผมให้ความหวังเธอ”
“แล้วการพูดแบบนั้นมันดีแล้วเหรอ คนเราสามารถปฏิเสธคนอื่นด้วยวิธีที่นุ่มนวลได้นะ”
“ช่างเถอะครับ ยัยนั่นไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปสักหน่อย จะว่าไปแล้วก็นิสัยคล้ายพี่สาวต่างสายเลือดของผมเลย”
ตอนแรกอายันก็รู้สึกอยู่ว่านิสัยของเยลลี่คล้ายกับใครสักคนที่เขารู้จัก กระทั่งหันไปเจอรูปถ่ายของพี่สาวในบ้าน
“เรื่องพี่อินมีข่าวอะไรบ้างไหมครับ”
“ทำไมจู่ๆ ถึงถามถึงพี่เขาล่ะ”
“ก็เมื่อวานเป็นวันเกิดของพี่เขาเหมือนกัน”
“นั่นสินะ กี่ปีแล้วนะที่แม่ไม่ได้เจออิน...”
“อย่าเศร้าไปเลย ตอนนี้เราจ้างคนตามสืบเรื่องพี่อินแล้วอีกไม่นานเราต้องเจอตัวพี่เขาแน่นอน ถึงตอนนั้นผมจะกล่อมให้พี่อินมาอยู่ที่นี่กับเรา”
“ขอบใจนะอายัน”
“อะไรที่เป็นความสุขของแม่ ผมก็พร้อมหามาให้ในทางกลับกันถ้ายัยพี่ต่างสายเลือดไม่เลิกวุ่นวายกับแม่ ผมก็จะไม่ยอมให้เธอรังแกอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนกัน”
ณ คณะนิติศาสตร์
“พวกแกรู้สึกไหมว่าช่วงนี้อังเปามันเปลี่ยนไป” ลูกตาลกระซิบถามอีกสองสาวที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน ทั้งสามคนต่างหันมองอังเปาที่กำลังใส่หูฟังนั่งฮัมเพลงอยู่ที่โต๊ะข้างๆ ด้วยความประหลาดใจ
“นั่นสิปกติอังเปาชอบฟังเพลงเสียที่ไหน”
“หรือว่าจะค้นพบงานอดิเรกใหม่”
ลูกตาลและขนมผิงต่างสลับกันออกความคิดเห็น ส่วนนะโมก็ทำเพียงนั่งเงียบๆ มองอังเปาด้วยแววตาเรียบนิ่ง เธอเองก็รู้สึกว่าเพื่อนคนนี้เปลี่ยนไปเช่นกัน
“เห้ย!” จู่ๆ ลูกตาลก็อุทานขึ้นทำเอาเพื่อนอีกสองคนตกใจตาม
“อะไรลูกตาล”
“พวกแกดูนู้นดิ คนที่กำลังเดินเข้ามาในคณะใช่เด็กที่เตะบอลอัดหน้ายัยเปาไหม”
พรึ่บ!
นะโมและขนมผิงรีบหันมองตาม ซึ่งไม่นานร่างสูงของชายหนุ่มรุ่นน้องคณะวิศวะก็เดินเข้ามายืนด้านหลังอังเปา แต่เธอกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีอีกคนยืนประชิดอยู่ด้านหลังตัวเธอ
หูฟังถูกดึงออกหนึ่งข้าง ร่างบางรีบตวัดหน้าหันไปมองคนที่กล้ามาหาเรื่องเธอ กระทั่งเห็นหน้าอินทรในระยะประชิดเธอก็แทบหยุดหายใจ
“มาที่ได้ยังไง” เธอถามด้วยความสงสัย คนอย่างเขาไม่น่าจะโผล่หัวมาอยู่ที่นี่ได้โดยเฉพาะมาหาเธอ
“คืนของมา”
“ของอะไร?”
“ของที่พี่ทำให้ผมเข้าห้องไม่ได้ไง”
อังเปาเหลือบตามองเพดานครุ่นคิด กระทั่งจำได้แล้วว่าเมื่อเช้าเธอรีบร้อนออกมาโดยไม่ทันดูว่าเผลอหยิบพวงกุญแจพวงหนึ่งติดมือมาด้วย เธอคิดว่าเป็นกุญแจห้องของตัวเองกระทั่งลองไขดูก็ไม่ใช่ ตอนนั้นรีบๆ เลยเก็บมันกลับเข้ากระเป๋าแล้วลงไปขอกุญแจห้องสำรองที่นิติคอนโด
“ฉัน...ไม่ได้เอามาด้วย”
“แต่ผมต้องเข้าห้องตอนนี้”
“งั้นนายไม่ไปขอกุญแจสำรองที่นิติล่ะ มาหาฉันทำไม”
นั่นสิ ทำไมเขาคิดไม่ได้นะ อินทรเองก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทคิดแต่จะเอากุญแจคืนจากอังเปา
“หรือว่าแท้จริงแล้วนายไม่ได้ตั้งใจมาเอากุญแจ แต่ตั้งใจมาหาฉัน?” เธอยิ้มกรุ้มกริ่ม
“หลงตัวเอง ผมไม่มีทางชอบพี่หรอก”
“นี่หนุ่มน้อย ฉันเข้าใจนะว่าคนเรามันชอบมีปฏิกิริยาแปลกๆ เวลาอยู่กับคนที่ชอบ บ้างก็ชวนคุยเป็นต่อยหอย บ้างก็เย็นชาใส่ สำหรับนายฉันรู้ว่าเป็นประเภทหลัง แต่ฉันบอกอะไรให้นะถ้าชอบฉันก็ต้องรีบจีบไม่งั้นนายจะโดนตัดหน้านะ”
“จบยัง”
“จบแล้ว”
“งั้นผมขอตัวส่วนตัวเรื่องกุญแจถ้ากลับห้องแล้วก็ช่วยเอามาคืนด้วย” ไม่รอให้อังเปาพูดอะไรต่ออินทรก็หมุนตัวเดินหนีเธอไป อังเปามองแผ่นหลังคนน้องเดินไปจนลับสายตาก็อมยิ้ม
กุญแจนั่น อยู่ที่ห้องเสียที่ไหนเล่า...