มาหาถึงคณะ

1694 คำ
ตอนอยู่ในห้องไม่ทันได้สังเกตกระทั่งออกมายืนด้านหน้าห้องอังเปาถึงได้รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่หน้าห้องที่อยู่ข้างห้องพักของตัวเอง “ทำไมฉันคิดไม่ได้นะ ว่าแล้วเชียวว่าทำไมเสียงเพลงในวันนั้นถึงฟังดูคุ้นหูนัก” ภาพความทรงจำเกี่ยวกับชายหนุ่มห้องข้างๆ ลอยเข้ามาในหัวเธอ ทั้งส้มที่เอามาแขวนไว้ ทั้งจดหมายและช็อกโกแลต “หรือว่าเด็กนั่นจะชอบฉันเข้าแล้ว...” อังเปาคิดไม่ตก “แต่ถ้าชอบทำไมต้องทำเหมือนรังเกียจด้วยล่ะ” มีหลายคำถามที่คาอยู่ในใจ “ช่างเถอะยังไงก็เหมือนจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย” อีกด้าน ณ ห้องนอนของมารี เธอนั่งปลายเตียงนอนนุ่มหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาเปิดดู ลูกชายสองคนยืนยิ้มให้กล้องด้วยแววตาที่สดใสในภาพถ่ายเธอจำได้ว่าตัวเองมีความสุขมาก เธอยืนดูอยู่ห่างๆ โดยมีพ่อของพวกเขาเป็นคนถ่ายรูปนั้นออกมา “คิดถึงพี่เขาอีกแล้วเหรอ” อายันเดินเข้ามาเงียบๆ จนคนที่คิดอะไรเพลินๆ ไม่ทันสังเกตว่าลูกชายเดินเข้ามา “วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ” “มีตอนบ่ายครับ” เขาเดินมานั่งลงข้างๆ ผู้เป็นมารดา กุมมือเธอไว้หลวมๆ “เรื่องวันเกิดผมเมื่อคืน...” “แม่ไม่เป็นอะไร หนูเปาเขาไม่ผิดที่จะเกลียดแม่” “แต่พี่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำตัวก้าวร้าวกับแม่ขนาดนั้นนะ ถึงจะไม่ชอบกันแต่ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้เหรอ” “เดี๋ยวสิ เมื่อวานคนที่โดนจัดการคือลูกไม่เหรอ ไม่ใช่แม่สักหน่อย” “ก็เหมือนกันนั่นแหละ ที่ผมยอมอดทนไม่ตอบโต้ก็เพราะแม่แต่ผมไม่รับประกันนะว่าถ้าหมดความอดทนแล้วจะไม่จัดการเธอ” “แม่จำได้ว่าลูกเองก็รังแกพี่เขาอยู่บ่อยๆ นี่” “แม่ก็เข้าข้างเขาตลอดเลยอ่ะ สรุปว่าผมหรือพี่เขากันแน่ที่เป็นลูกแม่” เด็กงอแงเบะปากน้อยใจ “ไหนบอกว่าวันเกิดจะพาแฟนมาแนะนำให้แม่รู้จัก ทำไมไม่พามาล่ะ” “เธอบอกว่าติดงานที่คณะผมก็เลยไม่อยากกวน” มองแค่แว๊บเดียวมารีก็รู้แล้วว่าเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอกำลังน้อยใจแฟนสาว “เมื่อเช้าแม่ตื่นมาทำขนมลูกชุบที่ลูกชอบให้ ไปเปิดตู้เย็นสิเผื่อจะได้อารมณ์ดีขึ้น” “แม่เข้าใจผมที่สุดเลย” อายันโน้มตัวกอดมารดา กำชับอ้อมกอดเธอพลันออดอ้อนเป็นเด็กๆ “โตแล้วนะยังอ้อนแม่อีกเหรอ” “ก็ผมมีแม่คนเดียวนี่ครับ ไม่ให้กอดแม่แล้วจะให้กอดใครล่ะ” “แฟนไง” “โถ่แม่อ่า” ก็อกๆ ก็อกๆ ระหว่างแม่ลูกกำลังสนทนาเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะ “เข้ามาได้ครับ” สิ้นเสียงอนุญาต ป้าแม่บ้านคนหนึ่งก็เดินเข้ามา “คุณอายันคะ มีคนมาขอพบค่ะ” “ใครมาครับ” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของแม่บ้านสร้างความประหลาดใจให้อายัน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินลงไปดูพร้อมกับมารดา ซึ่งทันทีที่เดินลงมาถึงเขาก็เจอกับยัยผู้หญิงผมสั้นจอมแก่นที่ตามตอแยเขาไม่เลิกมาตั้งแต่สมัยมัธยม “เธอมาได้ไงเนี่ย” “อายันนนน” เด็กสาวลากเสียงใสเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความดีใจ สองเท้ารีบสาวเดินเข้ามาหาเจ้าของกล่องของขวัญในมือเธอ “สวัสดีค่ะน้ามารี” เยลลี่เอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือไหว้แม่ของอายันอย่างมีมารยาทก่อนจะหันมาจดจ้องมองชายที่เป็นเป้าหมายของเธอในวันนี้ “สุขสันต์วันเกิดนะ” เธอยื่นของขวัญให้เขา “อะไรอ่ะ” “เปิดดูสิ” อายันลองเปิดดูตามที่เด็กผู้หญิงคนนั้นบอก เมื่อกล่องปริศนาถูกเปิดออกก็พบว่าภายในมีรองเท้าสตั๊ดรุ่นล่าสุดของแบรนด์โปรดที่อายันชอบบรรจุไว้อยู่ “นี่มัน...” “เป็นไงชอบไหม ฉันตั้งใจเลือกเพราะคิดว่านายชอบเลยนะ” “เธอรู้ได้ไงว่าฉันกำลังมองหารองเท้ารุ่นนี้อยู่” “นายลืมไปแล้วเหรอว่าทุกเรื่องของนายฉันรู้หมด” เธอตอบอย่างมั่นใจ “แต่นี่มันแพงเกินไปฉันรับไม่ได้” “ทำไมล่ะ ฉันตั้งใจซื้อมาให้นายโดยเฉพาะเลยนะ รู้ไหมว่ามันหายากขนาดไหน” “แต่ฉันรับไม่ได้ ที่เธอทำให้มันมากเกินไป” “มากเกินไปตรงไหน ฉันชอบนายดังนั้นนายอยากได้อะไรฉันก็จะหามาให้ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาฉันก็จะทำ” “แต่ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบเธอ อีกอย่างฉันก็มีแฟนแล้วด้วยดังนั้นเลิกยุ่งกับฉันสักทีได้ไหม” คำพูดนั้นทำให้เยลลี่สตั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง แม้เธอจะถูกคำพูดของเขาทำร้ายจิตใจอยู่หลายครั้งแต่มันก็ไม่เคยชินสักที เธอสูดลมหายใจเข้าก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มให้เขา กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม “ยังไงของก็ซื้อมาแล้ว ขนาดเท้าก็เป็นของนาย ถ้าไม่ชอบนายก็ทิ้งไปซะแต่ฉันไม่รับคืน” พูดจบเธอหันไปยกมือไหว้แม่ของอายันแล้วเดินจากออกมา อายันมองแผ่นหลังเยลลี่เดินจากไปจนลับสายตา ทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่สบายใจที่พูดแบบนั้นออกไป “รู้สึกเสียใจแล้วสินะ ทำไมก่อนพูดไม่คิดก่อนล่ะ” “แม่ก็เห็นนี่ครับ ยัยนั่นเป็นแบบนี้มาตั้งแต่มอห้าแล้ว ถ้าผมใจดีด้วยเธอก็ยิ่งคิดว่าผมให้ความหวังเธอ” “แล้วการพูดแบบนั้นมันดีแล้วเหรอ คนเราสามารถปฏิเสธคนอื่นด้วยวิธีที่นุ่มนวลได้นะ” “ช่างเถอะครับ ยัยนั่นไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปสักหน่อย จะว่าไปแล้วก็นิสัยคล้ายพี่สาวต่างสายเลือดของผมเลย” ตอนแรกอายันก็รู้สึกอยู่ว่านิสัยของเยลลี่คล้ายกับใครสักคนที่เขารู้จัก กระทั่งหันไปเจอรูปถ่ายของพี่สาวในบ้าน “เรื่องพี่อินมีข่าวอะไรบ้างไหมครับ” “ทำไมจู่ๆ ถึงถามถึงพี่เขาล่ะ” “ก็เมื่อวานเป็นวันเกิดของพี่เขาเหมือนกัน” “นั่นสินะ กี่ปีแล้วนะที่แม่ไม่ได้เจออิน...” “อย่าเศร้าไปเลย ตอนนี้เราจ้างคนตามสืบเรื่องพี่อินแล้วอีกไม่นานเราต้องเจอตัวพี่เขาแน่นอน ถึงตอนนั้นผมจะกล่อมให้พี่อินมาอยู่ที่นี่กับเรา” “ขอบใจนะอายัน” “อะไรที่เป็นความสุขของแม่ ผมก็พร้อมหามาให้ในทางกลับกันถ้ายัยพี่ต่างสายเลือดไม่เลิกวุ่นวายกับแม่ ผมก็จะไม่ยอมให้เธอรังแกอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนกัน” ณ คณะนิติศาสตร์ “พวกแกรู้สึกไหมว่าช่วงนี้อังเปามันเปลี่ยนไป” ลูกตาลกระซิบถามอีกสองสาวที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน ทั้งสามคนต่างหันมองอังเปาที่กำลังใส่หูฟังนั่งฮัมเพลงอยู่ที่โต๊ะข้างๆ ด้วยความประหลาดใจ “นั่นสิปกติอังเปาชอบฟังเพลงเสียที่ไหน” “หรือว่าจะค้นพบงานอดิเรกใหม่” ลูกตาลและขนมผิงต่างสลับกันออกความคิดเห็น ส่วนนะโมก็ทำเพียงนั่งเงียบๆ มองอังเปาด้วยแววตาเรียบนิ่ง เธอเองก็รู้สึกว่าเพื่อนคนนี้เปลี่ยนไปเช่นกัน “เห้ย!” จู่ๆ ลูกตาลก็อุทานขึ้นทำเอาเพื่อนอีกสองคนตกใจตาม “อะไรลูกตาล” “พวกแกดูนู้นดิ คนที่กำลังเดินเข้ามาในคณะใช่เด็กที่เตะบอลอัดหน้ายัยเปาไหม” พรึ่บ! นะโมและขนมผิงรีบหันมองตาม ซึ่งไม่นานร่างสูงของชายหนุ่มรุ่นน้องคณะวิศวะก็เดินเข้ามายืนด้านหลังอังเปา แต่เธอกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีอีกคนยืนประชิดอยู่ด้านหลังตัวเธอ หูฟังถูกดึงออกหนึ่งข้าง ร่างบางรีบตวัดหน้าหันไปมองคนที่กล้ามาหาเรื่องเธอ กระทั่งเห็นหน้าอินทรในระยะประชิดเธอก็แทบหยุดหายใจ “มาที่ได้ยังไง” เธอถามด้วยความสงสัย คนอย่างเขาไม่น่าจะโผล่หัวมาอยู่ที่นี่ได้โดยเฉพาะมาหาเธอ “คืนของมา” “ของอะไร?” “ของที่พี่ทำให้ผมเข้าห้องไม่ได้ไง” อังเปาเหลือบตามองเพดานครุ่นคิด กระทั่งจำได้แล้วว่าเมื่อเช้าเธอรีบร้อนออกมาโดยไม่ทันดูว่าเผลอหยิบพวงกุญแจพวงหนึ่งติดมือมาด้วย เธอคิดว่าเป็นกุญแจห้องของตัวเองกระทั่งลองไขดูก็ไม่ใช่ ตอนนั้นรีบๆ เลยเก็บมันกลับเข้ากระเป๋าแล้วลงไปขอกุญแจห้องสำรองที่นิติคอนโด “ฉัน...ไม่ได้เอามาด้วย” “แต่ผมต้องเข้าห้องตอนนี้” “งั้นนายไม่ไปขอกุญแจสำรองที่นิติล่ะ มาหาฉันทำไม” นั่นสิ ทำไมเขาคิดไม่ได้นะ อินทรเองก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทคิดแต่จะเอากุญแจคืนจากอังเปา “หรือว่าแท้จริงแล้วนายไม่ได้ตั้งใจมาเอากุญแจ แต่ตั้งใจมาหาฉัน?” เธอยิ้มกรุ้มกริ่ม “หลงตัวเอง ผมไม่มีทางชอบพี่หรอก” “นี่หนุ่มน้อย ฉันเข้าใจนะว่าคนเรามันชอบมีปฏิกิริยาแปลกๆ เวลาอยู่กับคนที่ชอบ บ้างก็ชวนคุยเป็นต่อยหอย บ้างก็เย็นชาใส่ สำหรับนายฉันรู้ว่าเป็นประเภทหลัง แต่ฉันบอกอะไรให้นะถ้าชอบฉันก็ต้องรีบจีบไม่งั้นนายจะโดนตัดหน้านะ” “จบยัง” “จบแล้ว” “งั้นผมขอตัวส่วนตัวเรื่องกุญแจถ้ากลับห้องแล้วก็ช่วยเอามาคืนด้วย” ไม่รอให้อังเปาพูดอะไรต่ออินทรก็หมุนตัวเดินหนีเธอไป อังเปามองแผ่นหลังคนน้องเดินไปจนลับสายตาก็อมยิ้ม กุญแจนั่น อยู่ที่ห้องเสียที่ไหนเล่า...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม