“ทั้งที่เมื่อวานเป็นวันเกิดของนายแท้ๆ แต่ฉันกลับไปไม่มีเวลาว่างอยู่กับนาย ขอโทษนะอายัน”
“ไม่เป็นไรฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ ไม่งั้นวันนี้เธอคงไม่ชวนฉันออกมาเดตแบบนี้หรอก”
“น่ารักที่สุด แฟนใครเนี่ย”
“คำตอบแปะไว้บนหน้าอยู่แล้วว่ามีเธอแค่คนเดียวยังจะถามอีก”
“นั่นสินะ งั้นวันนี้เราไปซื้อของที่อยากได้กัน”
อายันไม่เคยโกรธลิตาแฟนสาวของเขาเลยสักนิด อย่างมากก็แค่น้อยใจบ้างเป็นบางครั้ง เขาและเธอตอนนี้ก็คบกันได้สองเดือนแล้ว แต่ก็น่าเสียดายที่ลิตาค่อนข้างเป็นเด็กเรียนทำให้ไม่ค่อยได้เจอกันนัก
“เธออยากได้อะไรก็หยิบเลยนะเดี๋ยวฉันซื้อให้”
“ได้ไงล่ะ นี่เรามาฉลองวันเกิดย้อนหลังให้นายนะฉันสิต้องเป็นฝ่ายจ่ายเงิน แต่ว่า...”
“หืม?”
“แต่ว่าอย่าแพงมากนะ ช่วงนี้ฉันซื้อหนังสือใหม่ไปหลายเล่มตอนนี้เริ่มกินแกลบแล้ว” เธอทำหน้าอ้อนติดตลกจนคนที่เห็นหลุดยิ้มเอ็นดู
“น่ารักแบบนี้ไงฉันถึงได้ชอบเธอ แต่วันเกิดฉันปีนี้อยู่ๆ ก็รู้สึกอยากเปย์แฟนดังนั้นไม่ต้องเกรงใจแค่เธอเลือกซื้อของที่อยากได้ฉันก็พร้อมจ่ายเงินให้”
“ไม่ได้หรอก แบบนั้นฉันจะกลายเป็นผู้หญิงที่คบกับนายเพื่อเกาะนายกินน่ะสิ”
“เกาะไปทั้งชาติก็ได้ เธอซื้อเถอะ” อายันว่าพลางลูบหัวแฟนสาวอย่างอ่อนโยน
“งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ พอดีอาทิตย์หน้ามีงานเลี้ยงที่คณะ เพื่อนๆ ต่างไปซื้อรองเท้ากับกระเป๋าใหม่กันหมด แต่ฉันนี่สิมัวแต่เอาเงินไปซื้อหนังสือจนลืมเรื่องนี้ไม่เสียสนิท งั้น...รบกวนนายซื้อให้หน่อยได้ไหม สัญญาเลยว่าจะคืนให้”
“ซื้อของให้แฟนแค่นี้ไม่ต้องคืนเงินฉันหรอกยัยบ๊อง”
“ขอบคุณน้าอายัน น่ารักที่สุด”
เธออาศัยจังหวะที่ผู้คนในห้างไม่ได้สนใจหอมแก้มแฟนหนุ่มหนึ่งฟอด ทำเอาฝ่ายชายตกใจเล็กน้อยแต่ก็มองว่ามันน่ารักดี สำหรับเขาในตอนนี้ เธอจะทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด
“แหม เปย์ผู้หญิงเก่งเหมือนกันนะ อยู่ด้วยกันนานจนติดนิสัยพ่อฉันมาหรือไง”
อังเปาแทรกขึ้นท่ามกลางความประหลาดใจของทั้งสองคน คนหนึ่งกำลังสงสัยว่าหญิงสาวไม่มีมารยาทที่กำแทรกบทสนทนาระหว่างเธอกับแฟนเป็นใคร ส่วนอีกคนก็สงสัยว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“ใช้เงินเปย์สาวฉันไม่ว่าหรอกนะ เพราะตอนนั้นพ่อฉันก็ให้แม่นายเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ว่านะ จะจ่ายเงินให้ใครก็ดูด้วยล่ะ จ่ายสุ่มสี่สุ่มห้าระวังคนอื่นจะหาว่ากินหญ้าแทนข้าว”
“นี่เธอ!”
“อะไร อยู่บ้านเรียกฉันว่าพี่ทำไมตอนนี้ไม่เรียกแล้วล่ะ”
“เห็นแก่หน้าแม่หรอกนะผมถึงได้อดทนพฤติกรรมทรามๆ ของพี่ อย่ามาล้ำเส้นผม” อายันโต้กลับเสียงแข็ง แต่อังเปาก็ไม่ได้กลัวน้องชายคนนี้เลยสักนิด เธอชอบใจเสียอีกที่ได้เถียงกับหมอนี่
“เธอน่ะ จำฉันไม่ได้เหรอ” อังเปาเปลี่ยนเป้าหมาย ผลักอกน้องชายแล้วเดินไปประจันหน้ากับลิตาแทน
“คิดสิว่าเคยเจอฉันที่ไหน”
“ไม่นะคะ เราไม่เคยเจอกัน”
“ฮึก เอาจริงฉันก็เกือบจำเธอไม่ได้ เพราะเมื่อคืนกับตอนนี้เธอต่างกันราวฟ้ากับเหว ผู้ชายเมื่อคืนไปไหนแล้วล่ะทำไมวันนี้ถึงมากับไอ้กาฝากของบ้านฉันได้”
“พอได้แล้วพี่อังเปา! ถ้าพี่ยังขืนล้ำเส้นแบบนี้อีกผมจะไปฟ้องพ่อ”
“เรียกพ่อได้เต็มปากเต็มคำเชียวนะ แม่นายนี่สอนวิธีเอาใจพ่อฉันเก่งจริงๆ”
“มีอะไรมาลงที่ผมคนเดียว อย่าหาเรื่องลิตา”
“หาเรื่องหรือความจริงแค่นายถามก็รู้แล้ว แต่เธอจะพูดความจริงไหมก็อีกเรื่อง แต่บอกอะไรให้เอาไหมสาวน้อย” อังเปายกยิ้มมุมปากพร้อมมองลิตาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อีกาถึงมันจะพยายามทำตัวเป็นหงส์ยังไงมันก็คืออีกา ผู้ชายคนเมื่อคืนที่เธอไปอ่อยมันมีแต่ตัวไม่ได้รวยเหมือนน้องชายสุดที่รักของฉันหรอกนะ”
จบประโยคอังเปาก็เดินออกไปอย่างอารมณ์ดี ตอนแรกเธอก็ว่าจะปล่อยผ่านแต่ความโง่ตามคนไม่ทันของน้องชายกาฝากทำให้เธออดที่จะเข้ามาสาระแนไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยจะผลาญเงินทั้งทีก็อย่าเอาไปใช้กับชะนีเกรดต่ำสิ เห็นแล้วมันหงุดหงิด
ติ้ง!
[อินทร : อย่าลืมกุญแจห้อง]
[อังเปา : รู้แล้ว แต่ทีหลังถ้าคิดถึงหรืออยากคุยก็ทักมาตรงๆ ได้เลยนะ ไม่ต้องหาข้ออ้าง]
[อินทร : ไร้สาระ]
[อังเปา : เพราะแบบนี้ไงนายถึงน่าสนใจ เอาล่ะตั้งใจรอฉันที่ห้องนะเดี๋ยวฉันจะเอาของขวัญไปฝาก]
ของขวัญอะไรของเขา
อินทรมองข้อความสุดท้ายของอังเปาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารับมือกับผู้หญิงมาก็เยอะแต่เธอคนนี้กลับไม่เหมือนใคร เธอแตกต่างออกไปจนบางทีเขาก็เริ่มสงสัยแล้วว่าคนอย่างเธอเข้าหาเขาเพราะมีจุดประสงค์อะไรกันแน่
สองชั่วโมงต่อมา..
ก็อกๆ ก็อกๆ ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูรัวๆ ของคนไม่มีความอดทนดังขึ้นติดต่อกันถึงสามครั้งจนคนด้านในต้องรีบออกมาเปิดประตู กลัวจะทำให้ข้างห้องรำคาญ จนบางทีเขาก็ลืมไปว่าข้างห้องของตัวเองก็คือเธอ ส่วนห้องอีกด้านก็ไม่มีใครอาศัยอยู่เนื่องจากเจ้าของห้องชอบไปเที่ยวต่างจังหวัด
แอดด
“เท๊เด๊”
ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก ตุ๊กตาปลาโลมาตัวใหญ่ก็โผล่มาอยู่หน้าอินทร ขนาดของมันกินพื้นที่ไม่ใช่น้อยเลย
“อะไรเนี่ย”
“ตุ๊กตาปลาโลมาไง น่ารักไหมฉันอุตส่าห์ไปหิ้วออกมาจากห้างเลยนะ”
“ช่างเรื่องตุ๊กตาเถอะ กุญแจห้องผมล่ะ”
คนน้องแบมือขอกุญแจห้อง แต่ทว่าเจ๊คนสวยกลับไม่สนใจดันเจ้าปลาโลมาเข้ามาในห้องอินทรอย่างถือวิสาสะ พอเข้ามาได้ก็เอาน้องโลมาตัวนั้นไปโยนไว้บนเตียงกว้าง
“ทำอะไร”
“ให้ของขวัญนายไง แบบนี้ทุกคืนนายจะได้รู้สึกว่ามีฉันนอนอยู่ข้างๆ”
“เอากลับไปเลยนะมันกินพื้นที่เตียงผม”
“ได้ไงล่ะ ฉันตั้งใจซื้อมาให้นายเลยนะ”
อินทรถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับเกาหัวด้วยความเหนื่อยใจ รับมือยากยิ่งกว่าแม่เลี้ยงของเขาก็ยัยผู้หญิงคนนี้แหละ
“ทำไมวุ่นวายนัก ผมบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับผมอีก”
“นายจะรังเกียจฉันทำไมล่ะ ทั้งสวย รวย เก่ง สู้คน รุ่นนี้ผลิตมาไม่เยอะหรอกนะไม่คิดว่าฉันพิเศษหรือไง” เธอเดินมานั่งไขว่ห้างบนโซฟาอย่างสบายใจ
“ผมไม่สนใจ และผมไม่รู้ด้วยว่าพี่จะทำแบบนี้ไปถึงไหน แต่บอกอะไรให้เอาไหมว่าผมไม่ชอบผู้หญิงแบบพี่ที่สุดเลย”
“ผู้หญิงแบบฉันมันทำไม” เธอโต้กลับทันที ไม่ชอบใจเอาเสียเลยเวลามีคนพูดแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่ไอ้พวกสวะนั่นก็ชอบพูดลับหลังเธอ หมอนี่เป็นคนแรกที่กล้าสู้ตาและว่ากับเธอตรงๆ
“ก็ดูไม่จริงใจไง พี่ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าการกระทำของพี่มันเหมือนการแสดง”
“...” ไม่รู้ว่าทำไม แต่อังเปากลับไม่ชอบใจสีหน้าแววตาท่าทางและคำพูดที่หมอนี่พูดสักเท่าไหร่นัก เธอรู้สึกราวกับว่าเด็กคนนี้รู้ดีเกินไป มันล้ำเส้นเธอ
“นายน่ะ อย่าทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย นายยังไม่รู้จักฉันเลยสักนิด”
“ก็ใช่น่ะสิ เพราะคนที่ผมรู้จักไม่ยอมถอดหน้ากากสักที”
อังเปาเค้นหัวเราะเบาๆ เงยหน้าสบตาคู่สนทนา
“แล้วอยากลองรู้จักฉันจริงๆ ไหมล่ะ”
“ไม่จำเป็นมั้ง ผมบอกแล้วว่าอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก”
“ได้สิ แต่ฉันน่ะไม่ยอมให้นายลืมฉันง่ายๆ หรอก”
พรึ่บ!
คนหมดความอดทนชันตัวลุกขึ้นจากโซฟา ประจันหน้าคู่สนทนาในระยะประชิด พอยืนเทียบกันใกล้ๆ แล้วอังเปาก็เพิ่งรู้ตัวว่าเด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้า หัวของเธอเท่ากับไหล่เขาเอง
มือเรียวคว้าคอเสื้ออินทรดังหมับ จากนั้นก็รั้งคอเขาให้โน้มลงมาใกล้แล้วจรดริมฝีปากทาบเรียวปากเขา อินทรยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจกำหมัดแน่นเพราะจู่ๆ หัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอก็ตึกตักแรงขึ้น อังเปาบดคลึงริมฝีปากอีกฝ่ายราวกับว่ากำลังลิ้มลองรสชาติขนมหวาน
ใช้ปลายลิ้นเลียวนกลีบปากก่อนจะผละออกและยกยิ้ม
“จูบนี่ถือว่าลงโทษที่นายทำตัวเป็นรู้ดี ส่วนเรื่องที่คุยกันวันนี้ฉันจะทำเป็นไม่ได้ยินก็แล้วกัน” เธอปล่อยมือจากปกเสื้อชุดนักศึกษาของอินทร ก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือและกระเป๋า
“ฉันจะหายไม่ไปเจอนายสักหนึ่งอาทิตย์ ระหว่างนี้ก็คิดถึงจูบเมื่อกี้ไปก็แล้วกันหวังว่าเจอกันครั้งต่อไปนายจะน่ารักขึ้นนะเด็กน้อย” ไม่เพียงพูดปากเปล่าเท่านั้น อังเปายังใช้ฝ่ามือน้อยๆ ของตัวเองเอื้อมขึ้นไปยีหัวอินทรอีก