ผ่านไป 1 ชั่วโมง ณ ตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์
เมื่อรมิดาเดินเข้าห้องเรียนในคณะศิลปกรรมศาสตร์ คนตัวเล็กพบว่าเพื่อน ๆ นั่งรออยู่แล้วในห้องแล้ว บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการเตรียมตัวก่อนเริ่มเรียน เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มรายงานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยิ้มกว้างและโบกมือทักทายเธอทันที
“ดาวันนี้ไม่มาสายแล้วเหรอ? ฝากน้องอชิไว้กับใครล่ะ?” เพื่อนสนิทของเธอถามเสียงดังด้วยความสงสัย
คำถามนี้ทำให้รมิดาเกือบสะดุดเท้าตัวเอง หญิงสาวรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย เพราะถ้าพูดไปว่าฝากน้องอชิไว้กับปรเมศ รุ่นพี่คณะวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อน ๆ คงจะทำตาโตหรือแซวจนเธอไม่รู้จะทำตัวอย่างไร เผลอ ๆ เรื่องอาจจะแพร่ไปทั่วมหาวิทยาลัย จนสาว ๆ ของเขาต้องตามมารังควานรมิดาจนอยู่ไม่สุข ‘แค่คิดก็สยองแล้ว’ เจ้าของใบหน้าสวยคิดในใจ พลางตอบคำถามเพื่อน
“เอ่อ… ฝากไว้กับพี่รหัสแหละ” รมิดาพูดไปพร้อมยิ้มแหย ๆ ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “เอ่องั้น...เรามาเตรียมตัวเตรียมตัวอ่านรายงานก่อนที่อาจารย์จะมาดีกว่าเนอะ จะได้คะแนนดี ๆ”
คำพูดของคนตัวเล็กได้ผลชะงัก เพื่อน ๆ หยุดพูดถึงน้องอชิและพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มเตรียมเอกสารรายงานและอ่านหนังสือไปตามหน้าที่ คนตัวเล็กก็ยังรู้สึกถึงความกลัดกลุ้มเล็ก ๆ ในใจ ทั้งที่พยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่ในใจกลับอดคิดถึงน้องอชิไม่ได้
‘อยู่กับตานั่นน้องอชิจะเป็นไงบ้างนะ ยิ่งไม่เคยห่างกับฉันนานขนาดนี้’
หญิงสาวได้แค่คิดในใจ ก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ วันนี้เธอจะต้องมีสมาธิในการเรียนให้มากกว่านี้… ไม่อย่างนั้น งานที่ค้างอยู่ก็จะต้องเป็นปัญหาตามมาอีกแน่ ๆ
เพียงชั่วพริบตาเจ้าของใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ๆ ที่กำลังอ่านบทรายงานด้วยความตั้งใจ พลางคิดในใจว่า วันไหนที่น้องอชิเริ่มเข้าใจและสามารถดูแลตัวเองได้มากขึ้น เธอก็จะได้มีเวลาส่วนตัวและพัฒนาตัวเองบ้าง…
ตึก ตึก!
ไม่นานอาจารย์ก็ได้เดินเข้ามาในห้อง พลางกวาดสายตาดูรอบ ๆ แถมยังเอ่ยทักทายรมิดาว่า
“รมิดาวันนี้ไม่มาสายนะ”
ทางด้านคนตัวเล็กได้แต่ยิ้มแหย ๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แค่ตอบค่ะ ส่งยิ้มให้อาจารย์ ก็นั่นแหละโดยปกติทุกคาบเธอก็มาสายเป็นประจำ แต่วันนี้เธอมาทันเวลา อีกทั้งยังมาถึงก่อนอาจารย์อีกไม่แปลกที่อาจารย์จะทัก
“ว่าแต่ว่าการที่มีนายนั่นมาช่วยดูแลน้องอชิให้ก็ไม่ได้แย่นะ” เรียวปากสีหวานพึมพำกับตัวเอง พลางเงยหน้าขึ้นไปฟังอาจารย์เช็คชื่อนักศึกษาในคาบ
จนเวลาผ่านไปราว ๆ 2 ชั่วโมง
ความเงียบในห้องเรียนก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ ใบหน้าเรียวเงยหน้าขึ้นจากกระดาษโน้ต ก่อนจะหันไปสบตากับภีม ชายหนุ่มผู้ที่เคยช่วยคนตัวเล็กในวันนั้น เรื่อง ตอบคำถามในห้องเรียน ช่วยเธอจากผู้ชายอันธพาล แถมยังขับรถมาส่งเธอถึงบ้านทั้ง ๆ ที่บ้านอยู่คนละทาง เขาช่วยเธอหลายครั้ง จนถึงตอนนี้ยังไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะตอบแทนเลย
เพียงแค่สบตากัน ชั่ววูบหนึ่ง รมิดารู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ภีมยิ้มตอบกลับมา ทว่าแววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเงียบเหงา เหมือนว่ามีบางสิ่งที่เขากำลังพยายามซ่อนเอาไว้ รมิดารู้สึกได้ถึงความกังวลที่ไม่เคยเห็นจากเขามาก่อน และมันทำให้เจ้าของร่างบางเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน
เรียวปากสีสวยได้แต่ส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ ขณะที่สายตาของภีมยังคงจับจ้องไปที่เธอเหมือนกำลังพยายามบอกบางสิ่งที่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้ แต่มันก็แค่แวบเดียว รมิดาไม่ได้ถามอะไรในตอนนั้น เพราะคิดว่าอาจจะเป็นแค่ความรู้สึกผิดปกติชั่วขณะ แต่เธอไม่อาจละเลยความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในดวงตาของเขาได้
ทันทีที่อาจารย์เริ่มต้นสอนต่อ รมิดาก็พยายามหันเหความสนใจไปที่บทเรียนอีกครั้ง แต่มันยากที่จะหลุดจากความคิดนั้นไปได้ ในใจก็แอบคิดถึงคำถามที่เธอจะต้องถามภีมตอนเที่ยง “เขาเป็นอะไรไปกันแน่?” จึงวางแผนไว้ในใจว่า เมื่อมีเวลาว่าง จะต้องถามเขาให้รู้ให้ได้
ในที่สุด การเรียนในช่วงเช้าก็จบลง อาจารย์บอกให้เตรียมตัวสำหรับการนำเสนอรายงานในช่วงบ่าย รมิดาได้แต่พยักหน้า เธอรู้ตัวว่าคงต้องให้ความสนใจกับการนำเสนอรายงานเป็นอันดับแรกแต่ความรู้สึกที่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับภีมก็ยังคงตามหลอกหลอนอยู่ในหัว รมิดารู้สึกว่ามันจะเป็นเรื่องที่ต้องพูดถึง ไม่ว่าเขาจะไม่อยากเปิดเผยหรือไม่ก็ตาม ในฐานะเป็นห่วงผู้มีพระคุณ
ระหว่างพักเที่ยง รมิดาไม่สามารถทนรอที่จะถามเขาได้อีกต่อไป เมื่อเห็นภีมยืนอยู่ห่างออกไป เธอตัดสินใจเดินไปหาพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงเหมือนจะหลุดออกจากอก หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาจะตอบอะไร รู้แค่ว่าต้องถามเขาให้รู้เรื่อง
“ภีม… เป็นอะไรไปหรือเปล่า?” รมิดาถามตรง ๆ รอยยิ้มของภีมที่เคยคุ้นเคยหายไปจากใบหน้าเขา เขาหลุบตาลงชั่วขณะ ก่อนจะยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ราวกับพยายามจะข่มความรู้สึกบางอย่างเอาไว้
“ไม่มีอะไรหรอก… แค่เรื่องส่วนตัวน่ะ” ภีมตอบเสียงเบา แต่คำตอบนั้นไม่ได้ทำให้รมิดาเชื่อ เขาคงจะรู้ว่าเธอไม่เชื่อ แต่เขาก็ไม่ได้พยายามจะบอกอะไรมากกว่านี้
รมิดารู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ปกติในคำพูดของเขา แต่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี เธอได้แต่พยักหน้ารับ และคอยมองเขาเงียบ ๆ จนภีมเริ่มกลับมายิ้มบาง ๆ ให้เธออีกครั้ง
“ขอบใจที่ถามนะ… จริง ๆ ไม่มีอะไร” เขาพูดก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องไป
แต่เรื่องราวนี้ยังไม่จบแค่นั้น รมิดาเริ่มรู้สึกว่า อะไรบางอย่างที่เธอไม่เคยเห็นในภีมกำลังจะเปิดเผยออกมา เธอยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่รู้แค่ว่ามันจะไม่เป็นเรื่องง่ายที่จะปล่อยผ่านไป
“ยังไงก็ขอให้บอกนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกได้” รมิดากล่าว ก่อนจะเดินออกไปจากภีมเพื่อเตรียมตัวนำเสนอรายงาน
จนถึงเวลาบ่ายการนำเสนอรายงานจบสิ้นลงในที่สุด แต่ความเหนื่อยล้าจากการเตรียมงานหลายวันทำให้รมิดายิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เธอถอนหายใจแล้วบ่นกับเพื่อน ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ยังคงตื่นเต้นเล็กน้อย
“เฮ้อ สุดท้ายเราก็ผ่านไปด้วยดี ภาคเรียนนี้คงได้เอบวกแน่ ๆ”
เพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ หัวเราะพร้อมกัน รู้สึกยินดีไปกับเธอ
“จริงด้วย! ถึงจะเป็นกลุ่มสุดท้าย แต่ก็ทำได้ดีสุดๆ เลย” เพื่อนคนหนึ่งยิ้มแซว
แต่ไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ เพื่อนอีกคนก็รีบชวน
“ไปเลี้ยงฉลองกันหน่อยไหม? พวกเราควรฉลองให้กับการทำงานหนักกันบ้าง”
“ขอบใจนะ” รมิดาตอบพร้อมยิ้มบาง ๆ “แต่วันนี้ต้องกลับไปดูแลน้องอชิแล้ว” เธอเกือบจะพูดต่อว่าคงไม่ได้ไป เพราะมีภารกิจสำคัญ แต่ก็แค่ยิ้มและบอกกับเพื่อน ๆ ว่า “ขับรถปลอดภัยนะ”
เพื่อน ๆ หัวเราะขำ ๆ ก่อนจะพยักหน้าตอบแล้วแยกย้ายไป คนตัวเล็กเดินออกจากตึกคณะไปอย่างรวดเร็ว เพราะอยากรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด ท่ามกลางความเบื่อหน่ายจากการเรียนและการนำเสนองานกลุ่ม เจ้าของร่างเล็กรู้สึกถึงความเบาสบายที่ได้เสร็จสิ้นงานสำคัญไปอีกหนึ่งอย่าง
แต่พอเดินไปไกลจากตึกคณะไม่มาก จู่ๆ กลิ่นบุหรี่ที่ไม่คุ้นเคยก็คละคลุ้งไปทั่วบริเวณทำให้รมิดาเอี้ยวตัวกลับไปมองทันที เรียวปากสีหวานเตรียมตัวจะต่อว่าคนที่สูบบุหรี่ในบริเวณที่ห้ามสูบบุหรี่อย่างเคร่งครัด แต่แล้ว… สายตาของเธอก็ไปสะดุดที่แผ่นหลังของใครบางคน
แผ่นหลังที่คุ้นเคยดี รมิดาไม่ต้องคิดนานก็พึมพำออกมาด้วยความตกใจว่า
“ภีม…”