เธอกัดฟันแน่น ในใจร้องกรี๊ดอยากจะยกขายันอกมันออกไปดังโครม แต่หากเธอทำให้มันรู้ตัว โอกาสหนีเพียงครั้งเดียวจะหลุดลอยไปทันที เธอเลยต้องทนและทน ปล่อยให้มันตะโบมโลมเล้าเธออย่างหื่นกระหาย ค่อยๆ เลื่อนมือปัดป่ายไปบนโต๊ะข้างหัวเตียง คว้ากล่องดนตรีแบบสโนว์บอลมากำแน่น ฉวยจังหวะที่พลเดชเผลอ นับหนึ่งถึงสามในใจแล้วทุบลงไปบนศีรษะของมันอย่างรุนแรง ความแข็งและหนาของลูกแก้วที่โขกกับผิวบางๆ บริเวณหน้าผาก ทำให้เกิดแผลแตกยับเลือดไหลอาบหน้าทันที
“โอ๊ยยย...!”
พลเดชส่งเสียงร้องเหมือนควายถูกเชือด ยกมือกุมหน้าผากด้วยความเจ็บปวด ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกอัยยายกขาถีบเข้าไปที่หน้าอกซ้ำสุดแรงจนกลิ้งตกเตียง นอนแอ้งแม้งไม่เป็นท่า
อัยยาใช้แรงฮึดทั้งหมดยันตัวลุกขึ้นแล้วพุ่งตัวไปที่ประตู วิ่งโซซัดโซเซกลับเข้ามาในงาน ปากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือตลอดทางว่า
“ช่วยด้วย... ช่วยด้วยค่ะ...”
เธอพาสภาพร่างกายที่อ่อนแรง ปรากฏร่องรอยการถูกข่มเหงวิ่งไปทั่วงานโดยไม่รู้สึกอับอาย คนที่อายไม่ควรเป็นเธอ แต่เป็นคนที่คิดแผนชั่วขึ้นมาต่างหาก เธอจะไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ลอยนวล เธอจะแฉพวกมันให้หมดเปลือก มันจะต้องได้รับความอัปยศอดสูยิ่งกว่าที่ทำกับเธอเอาไว้
สถานการณ์เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อย ผู้คนต่างมองอัยยาเป็นตาเดียว มีความฉงนสงสัย ตกใจระคนสอดรู้สอดเห็น กระทั่งครอบครัวสรณ์สิริสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงพากันเดินเข้ามาดู แล้วก็ผงะไปตามๆ กันเมื่อเจออัยยาที่ร้องแรกแหกระเชออยู่อย่างน่าอาย
“เกิดอะไรขึ้น?” ประภาเอ่ยถามเสียงเข้มขรึม ในใจนึกเข่นเขี้ยวว่า
ทำไมนังเด็กนี่มาอยู่ที่นี่?
ตอนนี้มันต้องอยู่ในห้องกับพลเดชไม่ใช่หรือ?
“คุณคงตกใจมากสินะที่เห็นฉันอยู่ตรงนี้”
อัยยาจ้องมองพวกเขาเรียงตัว ก่อนจะหยุดที่หญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์ ในแววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างสุดหัวใจ ประภาจ้องมองเธอตอบ ไม่เอ่ยสิ่งใด แต่แววตามีความเย่อหยิ่งได้ใจ
“แกพูดเรื่องบ้าอะไร เมาจนเพี้ยนไปแล้วรึไง”
“หยา... แม่รู้ว่าลูกทำใจไม่ได้ที่ชนนท์กำลังจะแต่งงานกับยัยแพร แต่หยาอย่าทำแบบนี้เลยนะลูก แม่ไม่สบายใจเลย แม่ไม่อยากให้หนูดูไม่ดีในสายตาของคนอื่น”
เธอละสายตาไปยังสองผัวเมียหน้าเนื้อใจเสือเหมือนกำลังมองจำอวด สิทธาดุด่าเธอ ส่วนพัชนีแสร้งตีหน้าเป็นคนดีปลอบขวัญเธอ แต่มีจุดประสงค์เดียวกันคือต้องการประจานใส่ความเธอให้ผู้คนพากันประณามหยามเหยียด
“พี่หยา แพรขอร้อง พี่อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลยนะคะ ถ้าพี่ไม่พอใจ แพรยอมยกเลิกงานแต่งก็ได้”
แพรวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย มือที่ควงแขนชนนท์อยู่ปล่อยออก มองเขาด้วยสีหน้าลำบากใจ แล้วหันหลังเตรียมจะวิ่งหนีไป แต่โชคดีที่ชนนท์คว้าข้อมือหล่อนไว้ทัน เขาขมวดคิ้วแน่น มองอดีตคนรักแล้วกลั้นใจพูดอย่างเอือมระอาเต็มที
“หยา ถ้าคุณเมาแล้วก็กลับไปซะเถอะ อย่าอยู่สร้างความวุ่นวายที่นี่เลย”
“คุณตาบอดหรือไงชนนท์ ฉันเมารึเปล่า คุณลองมองร่องรอยพวกนี้ดูให้ชัดๆ ก็จะรู้”
อัยยากำหมัดแน่น พูดโพล่งอย่างเหลืออด พลางโชว์รอยนิ้วมือและรอยแดงแห่งความอัปยศบนตัวของเธอ ถามเสียงขื่น
“ถ้าฉันบอกคุณว่าว่าที่ภรรยาของคุณรวมหัวกับครอบครัวของเธอส่งคนมาข่มขืนฉัน คุณจะเชื่อไหม”
ชนนท์ตะลึงงัน มองรอยแดงจ้ำหลายจุดบนผิวขาวจัดของอัยยา ก็รู้ทันทีว่าเป็นรอยอะไร?
เขาหันขวับมองแพรวาที่หน้าถอดสี แทบไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดเรื่องบัดสีน่าละอายในวันสำคัญของเขา ซ้ำร้ายคนที่ถูกกล่าวหายังเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขาด้วย
เขารับเรื่องแบบนี้ไม่ได้!
ทำแล้วก็ช่างเถอะ แต่นอกจากจะไม่สำเร็จแล้วยังถูกแฉกลับ อย่าว่าแต่ครอบครัวสรณ์สิริจะต้องอับอายเสื่อมเสียเลย แม้แต่ชื่อเสียงของครอบครัวเกื้อกอบกูลและตัวเขาเองก็จะพลอยพังไปด้วย หากมีข่าวอื้อฉาวกระฉ่อนไปทั้งกรุงว่าภรรยาของเขาเป็นคนใจคอโหดร้าย ทำร้ายได้แม้กระทั่งพี่สาวตัวเอง
เขาจะไม่ยอมให้เรื่องนี้กระทบกับชื่อเสียงของครอบครัวเขาเด็ดขาด!
สีหน้าของชนนท์มืดครึ้มลงทันตา ดวงตาที่เคยอบอุ่นจ้องแพรวาเขม็ง เอ่ยถามอย่างเคร่งเครียดว่า
“แพร... ผมต้องการคำอธิบาย!”