บทที่ 7 งานเลี้ยงซ่อนเร้น 5

818 คำ
เธอกัดฟันแน่น ในใจร้องกรี๊ดอยากจะยกขายันอกมันออกไปดังโครม แต่หากเธอทำให้มันรู้ตัว โอกาสหนีเพียงครั้งเดียวจะหลุดลอยไปทันที เธอเลยต้องทนและทน ปล่อยให้มันตะโบมโลมเล้าเธออย่างหื่นกระหาย ค่อยๆ เลื่อนมือปัดป่ายไปบนโต๊ะข้างหัวเตียง คว้ากล่องดนตรีแบบสโนว์บอลมากำแน่น ฉวยจังหวะที่พลเดชเผลอ นับหนึ่งถึงสามในใจแล้วทุบลงไปบนศีรษะของมันอย่างรุนแรง ความแข็งและหนาของลูกแก้วที่โขกกับผิวบางๆ บริเวณหน้าผาก ทำให้เกิดแผลแตกยับเลือดไหลอาบหน้าทันที “โอ๊ยยย...!” พลเดชส่งเสียงร้องเหมือนควายถูกเชือด ยกมือกุมหน้าผากด้วยความเจ็บปวด ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกอัยยายกขาถีบเข้าไปที่หน้าอกซ้ำสุดแรงจนกลิ้งตกเตียง นอนแอ้งแม้งไม่เป็นท่า อัยยาใช้แรงฮึดทั้งหมดยันตัวลุกขึ้นแล้วพุ่งตัวไปที่ประตู วิ่งโซซัดโซเซกลับเข้ามาในงาน ปากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือตลอดทางว่า “ช่วยด้วย... ช่วยด้วยค่ะ...” เธอพาสภาพร่างกายที่อ่อนแรง ปรากฏร่องรอยการถูกข่มเหงวิ่งไปทั่วงานโดยไม่รู้สึกอับอาย คนที่อายไม่ควรเป็นเธอ แต่เป็นคนที่คิดแผนชั่วขึ้นมาต่างหาก เธอจะไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ลอยนวล เธอจะแฉพวกมันให้หมดเปลือก มันจะต้องได้รับความอัปยศอดสูยิ่งกว่าที่ทำกับเธอเอาไว้ สถานการณ์เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อย ผู้คนต่างมองอัยยาเป็นตาเดียว มีความฉงนสงสัย ตกใจระคนสอดรู้สอดเห็น กระทั่งครอบครัวสรณ์สิริสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงพากันเดินเข้ามาดู แล้วก็ผงะไปตามๆ กันเมื่อเจออัยยาที่ร้องแรกแหกระเชออยู่อย่างน่าอาย “เกิดอะไรขึ้น?” ประภาเอ่ยถามเสียงเข้มขรึม ในใจนึกเข่นเขี้ยวว่า ทำไมนังเด็กนี่มาอยู่ที่นี่? ตอนนี้มันต้องอยู่ในห้องกับพลเดชไม่ใช่หรือ? “คุณคงตกใจมากสินะที่เห็นฉันอยู่ตรงนี้” อัยยาจ้องมองพวกเขาเรียงตัว ก่อนจะหยุดที่หญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์ ในแววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างสุดหัวใจ ประภาจ้องมองเธอตอบ ไม่เอ่ยสิ่งใด แต่แววตามีความเย่อหยิ่งได้ใจ “แกพูดเรื่องบ้าอะไร เมาจนเพี้ยนไปแล้วรึไง” “หยา... แม่รู้ว่าลูกทำใจไม่ได้ที่ชนนท์กำลังจะแต่งงานกับยัยแพร แต่หยาอย่าทำแบบนี้เลยนะลูก แม่ไม่สบายใจเลย แม่ไม่อยากให้หนูดูไม่ดีในสายตาของคนอื่น” เธอละสายตาไปยังสองผัวเมียหน้าเนื้อใจเสือเหมือนกำลังมองจำอวด สิทธาดุด่าเธอ ส่วนพัชนีแสร้งตีหน้าเป็นคนดีปลอบขวัญเธอ แต่มีจุดประสงค์เดียวกันคือต้องการประจานใส่ความเธอให้ผู้คนพากันประณามหยามเหยียด “พี่หยา แพรขอร้อง พี่อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลยนะคะ ถ้าพี่ไม่พอใจ แพรยอมยกเลิกงานแต่งก็ได้” แพรวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย มือที่ควงแขนชนนท์อยู่ปล่อยออก มองเขาด้วยสีหน้าลำบากใจ แล้วหันหลังเตรียมจะวิ่งหนีไป แต่โชคดีที่ชนนท์คว้าข้อมือหล่อนไว้ทัน เขาขมวดคิ้วแน่น มองอดีตคนรักแล้วกลั้นใจพูดอย่างเอือมระอาเต็มที “หยา ถ้าคุณเมาแล้วก็กลับไปซะเถอะ อย่าอยู่สร้างความวุ่นวายที่นี่เลย” “คุณตาบอดหรือไงชนนท์ ฉันเมารึเปล่า คุณลองมองร่องรอยพวกนี้ดูให้ชัดๆ ก็จะรู้” อัยยากำหมัดแน่น พูดโพล่งอย่างเหลืออด พลางโชว์รอยนิ้วมือและรอยแดงแห่งความอัปยศบนตัวของเธอ ถามเสียงขื่น “ถ้าฉันบอกคุณว่าว่าที่ภรรยาของคุณรวมหัวกับครอบครัวของเธอส่งคนมาข่มขืนฉัน คุณจะเชื่อไหม” ชนนท์ตะลึงงัน มองรอยแดงจ้ำหลายจุดบนผิวขาวจัดของอัยยา ก็รู้ทันทีว่าเป็นรอยอะไร? เขาหันขวับมองแพรวาที่หน้าถอดสี แทบไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดเรื่องบัดสีน่าละอายในวันสำคัญของเขา ซ้ำร้ายคนที่ถูกกล่าวหายังเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขาด้วย เขารับเรื่องแบบนี้ไม่ได้! ทำแล้วก็ช่างเถอะ แต่นอกจากจะไม่สำเร็จแล้วยังถูกแฉกลับ อย่าว่าแต่ครอบครัวสรณ์สิริจะต้องอับอายเสื่อมเสียเลย แม้แต่ชื่อเสียงของครอบครัวเกื้อกอบกูลและตัวเขาเองก็จะพลอยพังไปด้วย หากมีข่าวอื้อฉาวกระฉ่อนไปทั้งกรุงว่าภรรยาของเขาเป็นคนใจคอโหดร้าย ทำร้ายได้แม้กระทั่งพี่สาวตัวเอง เขาจะไม่ยอมให้เรื่องนี้กระทบกับชื่อเสียงของครอบครัวเขาเด็ดขาด! สีหน้าของชนนท์มืดครึ้มลงทันตา ดวงตาที่เคยอบอุ่นจ้องแพรวาเขม็ง เอ่ยถามอย่างเคร่งเครียดว่า “แพร... ผมต้องการคำอธิบาย!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม