บทที่ 4 ช่วยปั้นชู้ของคุณให้โด่งดัง? 1

889 คำ
อัยยานอนเหยียดยาวมองเพดาน สายตาว่างเปล่าไม่ได้โฟกัสจุดใดเป็นพิเศษ ได้แต่ถอนใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะกัดฟันลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ แม้ว่าเมื่อคืนจะมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ถึงเธอจะโกรธ จะเศร้าหรือเสียใจแค่ไหน ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไปอยู่ดี ก็เหมือนพระอาทิตย์ที่ขึ้นทุกเช้า พระจันทร์ขึ้นทุกค่ำ ชีวิคนเราก็มีช่วงที่สดใสและมืดมน เธอยอมให้ตัวเองเจ็บได้ แต่จะไม่ยอมจมปลัก เพราะเธอยังต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบเพื่อมีชีวิตอยู่ทวงคืนของที่เป็นของแม่คืนมาจากพวกสรณ์สิริ เมื่อคืนเธอนอนคิดทั้งคืน ไหนๆ คนก็เลิกกันแล้ว จะอยู่เป็นเสี้ยนหนามตำตาตำใจกันคงไม่ดี เธอไม่อยากมีปัญหาวุ่นวายตามมาไม่รู้จบ ถ้าอย่างนั้นก็ลาออกไปนับหนึ่งใหม่จะดีกว่า สบายใจดี คิดปุ๊บก็แต่งตัวแต่งหน้า เธอมองไปที่ผู้หญิงในกระจกแล้วส่ายหัว อยากจะถามว่าเธอเป็นใคร ทำไมถึงได้ดูโทรมขนาดนี้ ขอบตาดำคล้ำเหมือนหมีแพนด้าน่าเกลียดสุดๆ เธอจัดการใช้คอนซีลเลอร์กลบรอยหมองคล้ำ แต่งหน้าลุกสดใสเบาๆ เพื่อปกปิดหน้าตาที่ซีดเซียว เมกอัปทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ พริบตาเดียวอัยยาก็เป็นสาวสวยขึ้นมาทันตา ดวงตาโตสดใสและมีเสน่ห์ ผิวสวยเปล่งประกายออร่าดึงดูดให้คนตกตะลึงหลงใหล เธอหยิบลิปติกสีพีชขึ้นมาทาเพิ่มความสวยหวานเป็นธรรมชาติ ขณะที่แตะเนื้อลิปลงบนริมฝีปากก็ชะงัก ใบหน้าแดงซ่านเมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นจูบเธออย่างวาบหวามผสานความเร่าร้อนและอ่อนหวานเข้าด้วยกันอย่างน่าหลงใหล รสจูบของเขาให้ความรู้สึกละมุนละไมคล้ายรสของกาแฟ แม้จะขมติดปากแต่ก็หอมกรุ่นติดใจ หญิงสาวแตะปลายนิ้วลงบนริมฝีปาก สัมผัสของเขาจางหายไปแล้ว แต่ความรู้สึกยังคงอยู่ยากจะลืมเลือนได้... อัยยาสะบัดศีรษะ บอกตัวเองให้เลิกฟุ้งซ่าน เขากับเธอแค่บังเอิญเจอกัน ไม่มีความสัมพันธ์มากไปกว่าลูกค้ากับเด็กส่งของ พอใช้หนี้คืนให้เขาหมดก็คงไม่เจอกันอีกแล้ว หลังแต่งหน้าเสร็จก็เปิดโน้ตบุ๊กพิมพ์ใบลาออก ใส่ซองยัดในกระเป๋าถือสตรีแบรนด์เนม ออกจากคอนโดขับรถมินิคันเล็กกะทัดรัดมุ่งหน้าไปยังบริษัทเจนวาย ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารสำนักงานของตระกูลเกื้อกอบกูล พอมาถึงอัยยาไม่ได้กดลิฟต์ไปยังชั้นที่ทำงานของบริษัทเจนวาย แต่เลือกขึ้นไปชั้นบนสุดเพื่อพบวิชาญที่เป็นผู้บริหารสูงสุดโดยตรง เธอไม่คิดจะบอกชนนท์ให้เสียเวลา เพราะถึงเขาจะพูดหรือค้านอะไรก็เปลี่ยนใจเธอไม่ได้ เธอแค่มาล่ำลาพ่อของเขาตามมารยาทที่พึงมีเท่านั้น ลิฟต์กำลังจะปิดสนิท แต่จู่ๆ ก็มีมือเอื้อมมากั้น ประตูค่อยๆ เปิดออกให้อัยยามองเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ชนนท์อยู่ในชุดสูททันสมัยสีเบจพอดีตัวทับด้วยเชิ้ตสีดำ ช่วยขับให้รูปร่างสูงเพรียวโดดเด่น พอมองเห็นกันทั้งเขาทั้งเธอต่างก็อึ้งอยู่หลายอึดใจ ก่อนที่ชนนท์จะผลุบเขามาด้านใน กดปุ่มปิดระรัว เมื่อได้ยินเสียงหวานร้องเรียกตามหลังมา “พี่นนท์รอแพรด้วยค่ะ” อัยยายังไม่ทันขยับ ประตูลิฟต์ก็ปิดเคลื่อนตัวขึ้นชั้นบนเรียบร้อยแล้ว เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงจงใจทิ้งแพรวาเอาไว้คนเดียวแบบนั้น แต่เธอกระอักกระอ่วนใจมากที่ต้องอยู่กับเขาสองต่อสอง เลยพยายามยืนนิ่งๆ ทำหน้าเฉยชาเหมือนไม่มีเขาอยู่ตรงนี้ด้วย ในใจก็ภาวนาขอให้ชนนท์คิดแบบเดียวกัน แต่ความหวังของเธอก็มักจะเป็นหมั้น อีกฝ่ายหันมาคาดคั้นถามเธอด้วยความร้อนใจทันทีว่า “เมื่อคืนคุณไปไหนมา?” “ทำไมฉันต้องตอบคุณ” อัยยาย้อนถามโดยไม่มองหน้าเขา “ผมโทร. หาคุณตั้งหลายครั้ง ทำไมคุณไม่รับ” “คุณกับฉันเป็นอะไรกันเหรอ ทำไมฉันต้องรีบสายของคนที่ไม่สนิทกันด้วยล่ะ” คำพูดแดกดันตัดสัมพันธ์ ยิ่งทำให้ชนนท์ไม่พอใจ เค้นถามเหมือนจะบีบคอเธอให้ตายคามือ “คุณอยู่กับไอ้หมอนั่นทั้งคืนเลยใช่ไหม” หญิงสาวปรายตามองเขา กระตุกยิ้มเยาะ “ทีคุณยังอยู่กับแฟนของคุณได้ แล้วฉันจะอยู่กับผู้ชายคนอื่นไม่ได้รึไง” ชนนท์อึ้งจนพูดไม่ออก เธอยอมรับแล้วว่าหายไปกับผู้ชายทั้งคืนจริงๆ สีหน้าของเขายิ่งเกรี้ยวกราด กัดฟันเสียงดังกรอดๆ ว่า “ทำไมคุณถึงมั่วไม่เลือกแบบนี้...ฮ้ะ!” “ฉันจะมั่วกับใคร ก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องเข้ามาสอด” “คุณนี่ไม่รู้จักแยกแยะจริงๆ ที่ผมพูดก็เพราะเป็นห่วงคุณนะ” อัยยากลอกตา แบะปากใส่เขา “เก็บความหวังดีจอมปลอมของคุณเอาไว้เถอะ ฉันไม่ต้องการ แค่คิดก็จะอ้วกแล้ว!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม