เธอพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ หลายครั้งติดๆ กัน ปากยังคงเม้มแน่นด้วยความเจ็บใจแกมกังวล รู้ดีว่าประภาคงไม่ให้เธอไปร่วมงานอย่างสบายๆ แน่ นางจะต้องเตรียมแผนการบางอย่างเอาไว้รอเล่นงานเธออย่างไม่ต้องสงสัย งานนี้เธอต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะบุกเข้าถ้ำเสือ
แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน เธอเองจำเป็นต้องกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกสักครั้ง เพื่อค้นหาสิ่งของสำคัญ...
พินัยกรรม!
ก่อนตายแม่เธอเคยพูดเรื่องนี้ค้างไว้ ท่านพูดเหมือนมีลางว่าอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับท่าน ท่านจึงให้ทนายประจำตระกูลธฤตวันจัดการทำพินัยกรรม เนื้อหาระบุอย่างเรียบง่ายว่าหลังจากท่านจากไป ทรัพย์สินทุกอย่างให้ตกเป็นของเธอ
แม่บอกเธอเรื่องนี้ในเย็นวันหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะขับรถแหกโค้งพุ่งตกแม่น้ำในสัปดาห์ต่อมา ท่าทีของท่านดูหวาดกลัวและระแวดระวัง ตอนที่ท่านกำลังจะบอกที่ซ่อนพินัยกรรม สิทธาก็เปิดประตูห้องเธอเข้ามาเสียก่อน ท่านจึงหยุดและแกล้งกลบเกลื่อนชวนเธอคุยเรื่องอื่นแทน
ตอนนั้นเธอก็เริ่มเอะใจ แต่ยังไม่ทันได้ถามให้รู้ความก็มาเกิดเหตุเศร้าสลดขึ้นกับแม่เสียก่อน ซ้ำยังไม่ได้ค้นหาให้ถี่ถ้วน เธอก็ถูกพวกสรณ์สิริไล่ออกจากบ้านอีก
จนถึงตอนนี้อัยยาเลยไม่รู้ว่าพินัยกรรมฉบับนั้นซ่อนอยู่ที่ไหน?
รอยยิ้มมาดมั่นผุดขึ้นบนริมฝีปากคู่บาง การกลับบ้านครั้งนี้ก็ไม่ถือว่าเลวร้ายสักทีเดียวนัก เธอมั่นใจว่าพินัยกรรมต้องถูกซุกซ่อนอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้านแน่ๆ เธอจะอาศัยโอกาสที่ประภาหยิบยื่นมาให้นี่แหละ เป็นมีดที่ทิ่มแทงพวกสรณ์สิริสวนกลับไปให้ทะลุถึงหัวใจเลยคอยดู!
หญิงสาวในชุดเซ็กซี่สีแดงเพลิงโชว์แผ่นหลังนวลเนียน สวยสะกดสยบทุกสายตา สร้างความฮือฮาทันทีที่ก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังงาม
“ใครน่ะ? สวยมาก!”
แขกเหรื่อในงาน โดยเฉพาะบรรดาชายหนุ่มต่างก็เหลียวหลังมองคนคอแทบหัก ทำเอาชุดสีขาวบริสุทธิ์อ่อนโยนของแพรวาที่เป็นดาวเด่นอยู่ก่อนดูหมองและจืดชืดลงทันตา รอยยิ้มสดใสเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจของหล่อนหุบฉับ ก่อนจะพยายามฝืนปั้นหน้าอย่างเต็มที่ เหลือบมองไปยังแฟนหนุ่มที่ควงแขนอยู่ข้างกาย ใจก็เริ่มแกว่ง เมื่อเห็นชนนท์จ้องอัยยาไม่กะพริบตา สีหน้าพลันหม่นลง
แพรวาอยากจะเบี่ยงเบนความสนใจของเขา แต่อัยยากำลังเดินตรงมาทางนี้ หล่อนไม่อยากแพ้ ไม่ต้องการให้คนนอกคอกได้ใจว่าชนนท์สนใจมันมากกว่าหล่อน แพรวาจึงพุ่งตัวออกไปจับไม้จับมือของอัยยาด้วยความดีใจ
“พี่หยามาแล้ว แพรดีใจจริงๆ ที่พี่มาร่วมแสดงความยินดีกับพวกเราในวันนี้ด้วย”
อัยยาปรายตามองว่าที่เจ้าสาวเพียงนิด ทีแรกตั้งใจจะเดินผ่านพวกเขาไปโดยไม่มอง แต่ก็ยังถูกมือตุ๊กแกของแพรวารั้งเอาไว้จนได้
“ไม่คิดว่าคุณก็จะมาร่วมงานนี้ด้วย” ชนนท์เอ่ยทักทาย บอกไม่ถูกว่ากำลังดีใจหรือกระอักกระอ่วน ทำตัวไม่ถูกกันแน่
อัยยามองคนพูดอย่างไม่ไยดี ตอกกลับจนแทบหน้าชาว่า
“ถ้าไม่ใช่เพราะโดนบังคับ ฉันคงไม่มาเหยียบให้เท้าสกปรกหรอก”
“หยา... อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม ถึงเราจะเลิกกันไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นะ” เขาพยายามข่มความไม่พอใจ
“ขอโทษที แต่ฉันไม่นิยมคบคนเลวๆ”
เธอดึงมือออกจากแพรวาด้วยความรังเกียจ ราวกับหล่อนเป็นโรคร้าย แล้วเชิดหน้าเดินตรงไปหยุดยืนอยู่ต่อหน้าประภา ลูกชายและลูกสะใภ้
“ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้” สิทธาถามอย่างไม่สบอารมณ์
อัยยายักไหล่ ยกมือดูนาฬิกาที่แสดงหน้าปัดบอกว่าเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว จงใจพูดยั่วโมโหเจ้าภาพว่า
“ฉันมาให้ก็บุญแล้ว”
“แก...!”
สิทธาโกรธจนควันออกหู จ้องหน้าอัยยาเขม็ง ยิ่งเห็นชุดที่เธอสวมใส่เข้ามาในงานเหมือนคิดจะมาแย่งซีนลูกสาวของเขา ก็ยิ่งโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
“แกแต่งตัวมาแบบนี้ คิดจะมายั่วใครฮ้ะ!”
“ใครมองก็ยั่วคนนั้นแหละ”
“ยังกล้ายอมรับออกมาอีกเรอะ แกนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ”
“ฉันก็ต้องเลียนแบบความหน้าด้านของพวกคุณเอาไว้บ้างสิ ไม่อย่างนั้นจะสมน้ำสมเนื้อกันได้ยังไงล่ะ”
“แก๊!” สิทธาชี้หน้าเธอ โกรธจนตัวสั่น แทบจะกินเลือดกินเนื้อเธอเสียให้ได้
“อ้าว... อย่าเพิ่งโกรธจนหัวใจวายตายไปซะก่อนล่ะ”
สิทธาถูกเธอยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองแทบแตก ข้างขมับปูดโปนเต้นตุบๆ อยากจะปรี่เข้าไปทำร้ายนังเด็กปากพล่อยที่กล้าแช่งชักเขาให้หายแค้น แต่ถูกเสียงทรงอำนาจของประภาเอ่ยห้าม
“ตาสิท! วันนี้เป็นวันมงคลของลูกสาวแก อย่าสร้างเรื่องไม่เป็นเรื่อง”