ตอนที่  8 เรียนมารยาท

1619 คำ
“กงเหรินซิน นี่เจ้ากล้าปฏิเสธข้างั้นหรือ” เหรินซินมิได้ตอบเพียงแค่เบี่ยงหน้าหันไปทางอื่น จมูกงอนเชิดที่แสนดื้อดึงนั้นเหตุใดจึงได้สะดุดสายตาเขานัก เดิมทีหมิงเว่ยเซียวไม่เคยคิดจะมองสตรีตรงหน้าอย่างใคร่ครวญโดยละเอียดเลยสักครั้ง เพราะนางค่อนข้างจะน่ารำคาญทุกครั้งที่ได้พบเจอและเกือบทุกครั้งที่พบ นางก็มักจะก่อเรื่องขึ้น “เจ้าอยากจะรับหรือปฏิเสธก็มิใช่เรื่องของข้า ส่วนยานี้ข้าแค่นำมามอบให้ จะใช้หรือไม่ก็เรื่องของเจ้า” กงเหรินซินหันมามองพักตร์ที่เต็มไปด้วยความโกรธ ท่านอ๋องเสด็จกลับออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงสองครั้งที่พบกันไม่เคยมีครั้งใดที่ทั้งคู่จะคุยกันดี ๆ เหรินซินหันไปมองยาที่วางอยู่บนโต๊ะ อาเจิงเดินเข้ามาพร้อมกับถามนางอีกครั้ง “คุณหนูเหตุใดท่านจึงได้ใช้คำพูดเช่นนั้นกับท่านอ๋องเจ้าคะ” “คำพูดข้าทำไมหรือ” “เมื่อก่อนนี้ท่านจะใช้คำเป็นทางการกับพระองค์ทุกครั้ง แต่ทำไมตอนนี้พูดราวกับ…ข้าคิดว่าท่านพูดเหมือนกับคนที่อยู่ในยุทธภพ ไม่สนกฎเกณฑ์และธรรมเนียม...” แม้แต่สาวใช้ข้างกายก็เริ่มสงสัยในความเปลี่ยนแปลงนี้ ตอนนี้นางคงต้องเริ่มปรับตัวแล้วจริง ๆ “อาเจิง” “เจ้าค่ะคุณหนู” “เจ้าพอจะรู้จักอาจารย์สอนมารยาทบ้างหรือไม่” “หา!” อาเจิงถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เดิมทีบุตรีขุนนางใหญ่ก็จะมีอาจารย์ที่มาสอนมารยาทให้กับสตรีในจวนอยู่แล้ว แต่กงเหรินซินนั้นไม่แม้แต่จะไถ่ถามในเรื่องนี้ อีกอย่างก่อนหน้านี้นางก็นับว่าค่อนข้างรู้จักมารยาทขั้นพื้นฐานแต่ก็นั่นแหละ แค่พื้นฐานเท่านั้น “คุณหนู” “ช่างเถอะข้าแค่อยากจะร่ำเรียนมารยาทเกี่ยวกับคำพูดทางการที่จำเป็นต้องใช้ อีกอย่าง… ก็อย่างที่เจ้ารู้ ข้าหลง ๆ ลืม ๆ ไปบางเรื่องคงจะต้องทบทวนใหม่ทั้งหมด เรื่องนี้ฝากเจ้าด้วยก็แล้วกัน” “เจ้าค่ะ” ไม่นานสิ่งที่ไม่เคยปรากฏในจวนสกุลกงมาก่อนก็ทำให้คุณชายรองอย่างกงอวี้หานถึงกับไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นว่าน้องสาวเพียงคนเดียวขอให้เขารับอาจารย์จากในวังมาสอนมารยาทให้นาง ใช้เวลาเพียงเดือนเดียวนางก็สามารถเรียนรู้ได้จนหมด ‘คงเพราะยังมีความทรงจำของกงเหรินซินคนเดิมอยู่สินะ บางเรื่องแม้นไม่สอนข้าก็ยังทำได้ดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องเหนื่อยจดจำละนะ’ “คุณหนูกง ไม่คิดเลยว่าท่านจะใช้เวลาไม่นานก็สามารถเรียนรู้มารยาททุกอย่างได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้” “ของคุณเถาหมัวมัวที่กรุณาเสียสละเวลามาสั่งสอนข้าเจ้าค่ะ” “มิได้ ๆ วันนี้เป็นบทเรียนสุดท้ายแล้ว ข้าหวังอย่างยิ่งว่าจะทำให้ท่านออกงานสังคมและเข้าวังหลวงได้อย่างมั่นใจ” “รบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ” จวนท่านอ๋อง “ข้าฟังผิดไปหรือไม่ เจ้าบอกว่ากงเหรินซินทำอะไรนะ” “ฟังไม่ผิดพ่ะย่ะค่ะ นางเชิญเถาหมัวมัวไปสอนมารยาทให้ที่จวนสกุลกงพ่ะย่ะค่ะ” “ตันฉินเจ้าว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลก ๆ หรือไม่ ก่อนหน้านี้และหลังจากที่นางตกน้ำพร้อมกับจินหรู เหตุใดจึงเปลี่ยนไปขนาดนี้” “กระหม่อมก็บอกไม่ถูก แต่สิ่งที่แปลกแท้แน่นอนก็คือนางไม่ตามตอแยพระองค์มาร่วมสองเดือนแล้ว นี่คือสิ่งเดียวที่กระหม่อมคิดว่านางแปลกไป หรือเป็นเพราะว่านางกลัวว่าพระองค์จะจับได้ว่านาง เอ่อ…” “เดิมทีข้าก็คิดเหมือนเจ้า ครั้งนี้นางทำผิดใหญ่หลวงถึงขั้นพยายามจะฆ่าจินหรู ข้าคิดว่าเรื่องนี้คงทำให้นางเกิดนึกกลัวจึงรีบเปลี่ยนท่าทีเพื่อมิให้ผู้อื่นสงสัยนาง แต่ว่าข้าลองมากับตัวเองหลายครั้ง ท่าทีที่หนักแน่นเวลาพูดของนางก็ดูน่าเชื่อถือไม่น้อย แต่เรื่องก่อนหน้านั้นที่นางเคยกระทำมา หลายครั้งก็เกือบทำให้จินหรูเกือบตาย จึงทำให้ข้ายังตัดนางออกจากผู้ต้องสงสัยไม่ได้” “พระองค์มิได้ทรงเชื่อที่นางพูด” “ตราบใดที่ยังสืบไม่แน่ชัดข้าไม่มีทางเชื่อสตรีเช่นนาง คำพูดที่ออกมาจากปากล้วนร้ายกาจเต็มไปด้วยคำโป้ปดเชื่อถือไม่ได้ ก่อนหน้านี้ทั้งเรื่องชาดทาปากพิษ หนอนพิษ และยังเรื่องร้ายกาจอื่น ๆ ที่นางทำ แม้ว่าจะไม่ได้เอาผิดแต่ครั้งนี้เกี่ยวกับชีวิตคน หากนางไม่ได้ทำจริง ๆ .... ช่างเถอะอีกสองวันจะมีงานเลี้ยงที่สกุลจางเจ้าเตรียมตัวให้ดี” “พ่ะย่ะค่ะ” "กงเหรินซิน หากก่อนหน้านี้ไม่เกิดเรื่องมากมายเช่นนั้น คำพูดเจ้าในตอนนี้ก็คงจะทำให้ข้าเชื่อได้อย่างสนิทใจ" แม้ในพระทัยของท่านอ๋องจะแอบหวังลึก ๆ ว่านางจะไม่ใช่คนร้ายตามที่เหรินซินยืนยันหนักแน่น แต่เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากนาง ทั้งยอมรับ และไม่ยอมรับทำให้ท่านอ๋องรู้สึกไม่เชื่อถือในตัวนาง รวมถึงครั้งนี้ด้วย.... "ทุกเรื่องล้วนเกิดจากนาง หรือว่า...." จวนสกุลกง “งานเลี้ยงสกุลจางงั้นหรือ ข้าไม่ไปได้หรือไม่เจ้าคะ” “ไปด้วยกันเถอะ ไหน ๆ เจ้าก็อุตส่าห์ร่ำเรียนมารยาทมาแล้ว อีกอย่างจะได้ไปดูหน้าพ่อลูกสกุลจางนั่นด้วย” “เขายังทยอยจ่ายค่าเสียหายให้เราไม่ครบอีกหรือเจ้าคะ” “เฮ้อ ตระกูลขุนนางเก่าแก่แม้ว่าจะมีเกียรติยศแต่หากพูดถึงเรื่องทรัพย์สินแล้วล่ะก็คงจะมิได้มั่งมีมากนัก อีกอย่างครั้งก่อนบุตรสาวยังก่อเรื่องทำร้ายเจ้าจนทำให้ฝ่าบาทสั่งจ่ายค่าทำขวัญ แม้ว่าข้าไม่อยากเอาเรื่องแต่เห็นบาดแผลเจ้าในวันนั้นก็อดไม่ได้ที่จะต้องสั่งสอน แต่หากครั้งนี้เจ้าไม่ไปงานเลี้ยงนั่นก็ไม่เท่ากับว่าจะถูกคนพูดลับหลังอีกหรือว่าเจ้าน่าสงสัย” “แวดวงสังคมของพวกขุนนางนี่น่าเบื่อเสียจริง” “เจ้าพูดอย่างกับว่าตัวเองมิใช่บุตรขุนนางอย่างนั้นแหละ ถือว่าได้ออกไปงานเลี้ยงนอกจวนหลังจากเจอเรื่องร้าย ๆ มาก็แล้วกัน อีกอย่างสกุลจางคงไม่กล้าก่อเรื่องกับเจ้าอีกแล้วหลังจากโดนลงโทษไปครั้งก่อน การที่พวกเขาจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ขึ้นมา ก็เหมือนกับพยายามจะบอกทุกคนว่าเรื่องก่อนหน้านี้เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น” “เช่นนั้นข้าคงเลี่ยงไม่ได้สินะ” “แล้วนี่เจ้าจะไปไหน” “จะออกไปเดินเล่นสักหน่อยเจ้าค่ะ อยู่ในจวนมาร่วมเดือนข้าอยากออกไปสูดอากาศบ้าง” “เช่นนั้นก็อย่ากลับค่ำนักเล่า เย็นนี้พี่จะรอกินข้าวด้วย” “เจ้าค่ะ” ตลาดในเมือง ที่จริงแล้วเหรินซินมีเป้าหมายที่จะออกมานอกจวน นางพึ่งได้รับจดหมายจากหอหลัวต๋าว่าสิ่งที่นางต้องการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นวันนี้นางจึงรีบมารับ “คุณหนูกงกระบี่นี้เป็นอย่างไรบ้าง ถูกใจท่านหรือไม่” “ยอดเยี่ยมมาก ตรงตามที่ข้าต้องการ” กระบี่อ่อนในมือของกงเหรินซินที่พับม้วนเข้าออกได้ดุจใจปรารถนาถูกใจนางยิ่งนัก แม้ว่าจะรอนานกว่ากำหนดสักหน่อยแต่ก็นับว่าคุ้มค่า “อ่อนไหวดุจสายน้ำ พลิ้วไหวดุจลม คมกริบดุจไฟ ทำจากวัสดุชั้นเยี่ยมตามที่ท่านสั่งไม่มีผิด” “ขอบคุณท่านมาก ข้าชอบมากว่าแต่อีกเรื่องที่ข้าขอให้ท่านทำเล่า” “อ้อ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาข้าหามาให้ท่านเลือกสี่คน แต่ละคนข้าสืบประวัติมาอย่างดีแล้วเชิญทางนี้ขอรับ” เหรินซินเดินตามผู้ดูแลหอหลัวต๋าออกไปด้านนอก ที่นั่นมีสตรีอีกสี่คนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นคนที่กงเหรินซินรู้สึกคุ้นเคยแม้ว่าจะยังไม่เห็นชัด ๆ แต่ใบหน้านี้นางไม่มีทางจำผิด ‘ศิษย์น้องอันเมี่ยน เหตุใดนางจึงมาอยู่ที่นี่ได้’ “อันเมี่ยน” ศิษย์น้องที่สำนักไป๋ซาน นางเป็นบุตรสาวคนกลางของขุนนางในเมืองฉีอันและเคยร่ำเรียนมาพร้อมกับเยว่ชิงชิง ก่อนหน้านั้นนางได้สูญเสียมารดาไปจึงได้ร่ำลาอาจารย์และลงเขาไป จากนั้นก็ไม่ได้ข่าวของนางอีกเลย เมื่อมาพบกันอีกครั้งอันเมี่ยนดูเหมือนว่าจะไม่เหมือนบุตรสาวขุนนางอีกต่อไปแล้ว “คุณหนูกง นี่คือสตรีที่ข้าเลือกมาให้ท่าน ลองเลือกดูก่อนว่าตรงตามความต้องการท่านหรือไม่ พวกนางดูสะอาดเรียบร้อย ท่านลองดูขอรับ” กงเหรินซินเดินไปมองหน้าสตรีสี่คนที่ยืนเรียงอยู่ตรงหน้า มีเพียงอันเมี่ยนคนเดียวที่ไม่หลบสายตานาง อาจเป็นเพราะนางฝึกยุทธ์มาก่อนเหมือนเยว่ชิงชิง อีกทั้งยังเคยเป็นบุตรสาวขุนนางเหมือนกับกงเหรินซิน ดังนั้นความเย่อหยิ่งในตัวก็ยังคงมีอยู่ เรื่องนี้ทำให้เหรินซินรู้สึกประทับใจ ผู้ดูแลส่งข้อมูลของทั้งสี่คนให้นางเลือกแต่เหรินซินแค่รับมาดูเท่านั้น “ผู้ดูแลข้าเลือกได้แล้ว ข้าต้องการให้เจ้ามาอยู่ข้างกายข้าเจ้าจะยินดีหรือไม่…เจ้าชื่ออันเมี่ยนสินะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม