บทที่ 4
วันเผด็จศึก
และแล้ววันหยุดสุดสัปดาห์ที่สองหนุ่มรอคอยเข้ามาถึง ภูผาขับรถพาต้นหอมมาเก็บของที่คอนโด เพราะช่วงสุดสัปดาห์เธอมีเรื่องที่ต้องทำกับพวกเขา ภูผาฮัมเพลงตลอดทาง ส่วนอชิก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มีเพียงต้นหอมที่เหงื่อตก มือเย็นเฉียบด้วยความประหม่า
เมื่อมาถึงคอนโดทั้งสามคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ และเตรียมพร้อมสำหรับคืนนี้
เพราะเป็นครั้งแรกต้นหอมจึงรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก แม้ตอนนี้ก็ยังหยุดสั่นไม่ได้ กว่าจะใจเย็นลง เธอก็อาบน้ำมาเป็นชั่วโมงแล้ว
“เฮ้อ!... แม่นะแม่” นึกถึงมารดาบังเกิดเกล้าก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา แต่ก่อนเธอเอาแต่ร้องไห้ แต่ตอนนี้ร้องไห้ไม่ออกแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่น่าจะเคยชินแต่เธอก็เคยชินไปเสียแล้ว กับการที่มีเจ้าหนี้มาทวงหนี้ถึงบ้านและสร้างความเดือดร้อนให้แบบนี้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งแรกที่พวกเจ้าหนี้แตะต้องเธอ คุกคามเธอหนักขนาดนี้
…เอาเถอะ ตอนนี้ก็แก้ไขไปได้หนึ่งอย่างแล้ว เหลือก็แค่…
ดวงตากลมปิดลงอย่างเชื่องช้า แหงนหน้าขึ้นปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวรินรดใบหน้า…
เมื่อทำใจได้แล้วต้นหอมก็เดินออกจากห้องน้ำ สองขาชะงักค้างอยู่กับที่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นชายหนุ่มสองคนนอนเปลือยแผ่นอกกว้างนอนอยู่บนเตียง โดยที่สายตาของเขาทั้งสองจ้องมองมาที่เธอเป็นตาเดียว
ต้นหอมมองภูผาและอชิสลับกันด้วยความสับสน เธอรู้ว่าตัวเองจะต้องมีอะไรกับพวกเขา แต่ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะมานอนรออยู่ในห้องของเธอแบบนี้
“สระผมด้วยเหรอครับ” อชิเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบงัน เขาลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาต้นหอมที่ยืนตัวแข็งค้างอยู่หน้าห้องน้ำ
คนตัวเล็กก้าวถอยหลังพลางมองตาโตด้วยความหวาดหวั่น แม้ว่าเธอจะทำใจยอมรับแล้วว่าจะต้องมีอะไรกับเขา ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ แต่มันแตกต่างจากสถานการณ์จริงโดยสิ้นเชิง
“อะ เอ่อ…”
“มา เดี๋ยวผมเป่าผมให้” อชิสัมผัสที่หัวไหล่ของคนตัวเล็ก แล้วดันตัวเธอให้เดินไปนั่งหน้ากระจก จัดการหยิบไดร์เป่าผมออกมาแล้วเป่าผมให้ต้นหอมตามที่ว่าจริงๆ
ส่วนภูผาก็เดินตามมาช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เธอ ต้นหอมตัวแข็งค้างไม่ต่างไปจากหุ่นยนต์ ภูผาและอชิต่างคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า
...แม่งเอ้ย โคตรน่ารักเลยว่ะ!...
เมื่อเสียงของไดร์เป่าผมเงียบลง สัมผัสแผ่วเบาที่ลำคอขาวพาเอาร่างบอบบางขนลุกซู่!
“ว้าย!” เธออุทานพร้อมกับหันกลับไปหาผู้กระทำตามสัญชาตญาณ แต่กลับกลายเป็นว่าริมฝีปากของเธอถูกครอบครองอย่างจาบจ้วงแทน “อื้อ!”
ดวงตากลมตรงเบิกกว้างด้วยความตกใจ เป็นโอกาสให้อชิทำการสอดแทรกเรียวลิ้นสากเข้าไปภายในโพรงปากของเธอ เพื่อตักตวงความหอมหวานของความรักในวัยเด็ก ที่เขาว่ากันว่ารักแรกในวัยเด็กนั้นเป็นความรักที่บริสุทธิ์เสมอ
มือเล็กดันแผงอกกว้างออกสุดแรง แต่ก็ทำได้แค่ดันเท่านั้น ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมถอยออกโดยง่าย ไม่ต่างอะไรจากการดันกำแพงหินผา ท้ายทอยของเธอถูกบังคับเอาไว้ไม่ให้หลีกหนี ทำได้แค่เพียงแหงนหน้ารับจูบกันดูดดื่มเท่านั้น
ในขณะเดียวกันภูผาเดาะลิ้นยังไม่พอใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่คิดคัดค้านอะไรที่อชิขโมยจูบแรกของต้นหอมไปต่อหน้าต่อตา แถมยังเหลือบสายตามองเขาราวกับกำลังเยาะเย้ย ภูผาทอดถอนหายใจก่อนจะดึงสายชุดคลุมอาบน้ำที่ผูกเป็นปมแน่นออก มือเล็กที่พยายามดันแผงอกกว้างของอชิออกเมื่อครู่ เปลี่ยนมาเป็นกระชับชุดคลุมไม่ให้หลุด
“อื้ิอ!” ต้นหอมร้องประท้วง แต่ยิ่งร้องอชิก็ยิ่งจูบดูดดื่มมากขึ้น จนตอนนี้เธอเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว แค่เพียงจูบแรกก็เล่นเอาเธอแทบหมดลม ต้นหอมไม่อยากนึกสภาพเลยว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร
“เฮ้ยๆ ปากพี่หอมหลุดหมดแล้วมั้ง มึงนี่! เอาแต่พอดีสิวะ!” ภูผาตักเตือนเพื่อนรัก ที่มักจะเร่งรีบในเรื่องบนเตียงเสมอ
อชิยอมถอนจูบออก แต่เขาไม่ได้ถอยออกเฉยๆ กลับจ้องมองริมฝีปากอวบแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างจงใจ
“ดูสิ ช้ำหมดเลย มึงเบาๆ มือหน่อยสิวะ!” ภูผาขมวดคิ้วด้วยความกังวล รักแรกที่เขาพยายามทะนุถนอม กลับถูกเพื่อนรักที่มีความรู้สึกเดียวกันดูดจนช้ำไปหมด
หมับ!
“ว้าย!” ร่างบอบบางถูกภูผาช้อนตัวขึ้นสู่อ้อมแขนแกร่ง ด้วยสัญชาตญาณทำให้สองแขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง ก่อนจะถูกภูผากดลงบนเตียงแล้วขึ้นคร่อม “ภูผา เดี๋ยว…!”
ไม่ทันที่ต้นหอมจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ เหมือนกับภูผารู้สึกโดนดูถูกเหยียดหยาม เพราะถูกเพื่อนรักขโมยจูบของเธอไปเมื่อครู่ เขาจึงอยากจะจูบเธอบ้างจนแทบจะลงแดงตายอยู่แล้ว!!
เป็นอีกครั้งที่ต้นหอมไม่ทันระวังตัว ริมฝีปากเปิดออกเพื่อที่จะร้องทักท้วงภูผา แต่ก็ถูกชายหนุ่มสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธออย่างย่ามใจ สัมผัสอ่อนหวานและอ่อนโยนกว่าของอชิมากนัก ราวกับกำลังปลอบโยนเธอที่เมื่อครู่นี้อชิได้ตะโบมจูบอย่างคนหื่นกระหาย
ถึงแม้ว่าสัมผัสของภูผาจะอ่อนโยนกว่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเขาเองก็มีความต้องการในตัณหาราคะไม่น้อยไปกว่ากันเลย มือเล็กดันไหล่กว้างออก ลืมไปเสียสนิทเลยว่าชุดคลุมอาบน้ำของเธอถูกคลายเชือกออก ตอนนี้ไม่มีอะไรคอยยึดเอาไว้ ทำให้ภูผาปลดมันออกอย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกันนั้นอชิก็กระโดดขึ้นมาบนเตียงเตรียมพร้อมที่จะร่วมวงด้วย ต้นหอมเห็นแบบนั้นก็ขัดขืนสุดกำลัง ภูผาที่ใจอ่อนกับต้นหอมเสมอยอมปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็นอิสระ เป็นโอกาสให้ต้นหอมได้เอ่ยถามสิ่งที่เธอกำลังสงสัย
“พะ พวกเราจะทำกันทั้งหมดเลยเหรอ!?” นั่นคือสิ่งแรกที่ต้นหอมเอ่ยถาม เธอถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อมเพราะกลัวว่าภูผาหรืออชิ ไม่คนใดก็คนหนึ่งจะขโมยจูบเธอไปอีก
ภูผาและอชิมองหน้ากันก่อนจะร้องเสียงทุ้มต่ำในลำคอพร้อมๆ กัน
“อ่า ผมไม่ได้บอกเหรอว่าเราจะทำกันแบบนั้น”
“บะ แบบนั้น แบบ…” ต้นหอมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก แล้วพูดต่อว่า… “สามคน?”
“ใช่ครับ แบบสามคน”
“…!!” ดวงตากลมเบิกกว้าง ตอนนี้เธอช็อกไปแล้ว!
เธอทำใจไว้แล้วที่จะต้องมีอะไรกับภูผาและอชิ แต่เธอไม่ได้ทำใจว่าจะต้องมีอะไรกับพวกเขาทีเดียวสองคน!!
“อ่า… ฉะ ฉัน…”
“พี่คงไม่ปฏิเสธใช่มั้ยครับ เราตกลงกันแล้ว” อชิพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ริมฝีปากของเขาแห้งผาก ลำคอก็เหือดแห้งจนแทบเป็นผุยผง เพราะตัณหาราคะที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากจะ ‘กิน’ ต้นหอมใจจะขาดแล้ว!
“ไอ้อชิ!!” ภูผาเรียกเพื่อนรักเสียงดุเป็นการเตือน ถึงแม้ว่าสิ่งที่อชิพูดมาจะเป็นความจริงก็ตาม แต่เขาไม่อยากอ้างเรื่องนั้นขึ้นมาเพื่อให้เธอยอมจำนน
ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นจะเริ่มด้วยความต้องการทางกาย แต่นานวันเข้ามันจะซึมซาบเข้าไปทางความรู้สึก จนอาจก่อเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าน้อยกว่ารัก มากกว่าชอบก็เป็นได้ ภูผาคาดหวังแบบนั้น คาดหวังที่จะครอบครองต้นหอมและพัฒนาความสัมพันธ์
เมื่อต้นหอมได้ยินประโยคนั้นเธอก็นิ่งไป ดวงตาซึ่งฉายแววตื่นตระหนกเมื่อคู่ถูกแทนที่ด้วยแววตาเศร้าสร้อย มันเป็นความจริงที่ทำให้เธอเจ็บปวดเหลือเกิน
…นั่นสิ อย่างไรก็ตกลงกันไปแล้ว ดีเสียอีกที่เป็นแบบนี้ จะได้จบๆ กันไปในครั้งเดียว…
“นั่นสิ มันเป็นข้อตกลงของเรานี่นะ” แม้ต้นหอมจะยิ้มอยู่ แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่เศร้าเหลือเกิน
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนจะมองภูผาและอชิ
“ทำต่อสิ”
ภูผาถอนหายใจก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปจนเกือบชิด… ปลายจมูกชนกันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ
“ผมจะอ่อนโยนกับพี่นะ”