“เจ้าขุ่นเคืองใจหรือไม่”?”
“หามิได้เพคะ เพียงแต่หม่อมฉันแค่รู้สึกคิดถึงเจ้าลูกปีศาจเสือ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง”
“คลายกังวลเสียเถอะ มันเป็นสัตว์ป่าต้องปรับตัวเข้ากับธรรมชาติได้อยู่แล้ว เหมือนกับที่เจ้าปรับตัวเจ้ากับตำหนักเหนือนี้ได้”
จางลี่ซือไม่พูดอะไร นางตั้งอกนั้งใจในการนวดให้กับอันตงหยาง มืแของนางสัมผัสผิวกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ด้วยใจที่เต้นระรัว แม้จะสานสัมพันธ์ทางกายกันมากกว่าหนึ่งครั้งแต่ก็ไม่เคยสัมผัสร่างกายลูบไล้เช่นนี้มาก่อนเลย
หมับ
“อ๊ะ! ยะ หยางอ๋องเพคะ”
ร่างบอบบางถูกอันตงหยางรวบมานั่งบนตัก แขนโอบกอดรอบเอวบาง ส่วนตรีตัวน้อยก็ยกมือขึ้นดันแผงอกกว้างเบา ๆ
“ช่วงนี้เจ้าคิดถึงลูกปีศาจเสือเกินไปหรือเปล่า ขาดการปรนนิบัติข้าแล้วจะขอให้ข้าเอ็นดูได้เช่นไร หืม?”
ไม่ว่าเปล่าอันตงหยางยังยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกแตะกัน จางลี่ซือรีบก้มหน้าหลบด้วยความตกใจกับการจู่โจมกะทันหัน ทว่าอันตงหยางกลับยกยิ้มมุมปาก
“ไหนเจ้าบอกว่าข้าไม่น่ากลัว เหตุใดท่าทางของเจ้าจึงไม่เป็นดังเช่นปากว่า?”
ดวงตาเรียวคมจ้องมองสตรีตัวน้อยอย่างนึกเอ็นดู อยากจะแกล้งให้ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อมากกว่านี้ จึงยื่นใบหน้าเข้าไปแล้วประทับริมฝีปากบางเบาก่อนจะถอนออกมาอย่างเชื่องช้า
“เหตุใดเจ้าจึงหวาดกลัวข้านัก?”
“หะ หามิได้”
“อย่าโป้ปดข้า เห็นว่าอ๋องอย่างข้าโง่เขลานักหรือ?”น้ำเสียงดุดันทำเอานางสะดุ้งเฮือก แล้วรีบปฏิเสธเสียงสั่น
...แบบนี้นี่แหละที่ทำให้ท่านน่าหวาดกลัวยิ่งนัก...
“หะ หามิได้ คือว่า ในบางครั้งหยางอ๋องก็น่ากลัวสำหรับหม่อมฉันเพคะ”
“ตรงไหนที่ว่าน่ากลัว? หรือเพราะเจ้ากลัวข้าจะสานสัมพันธ์บนเตียงกับเจ้ารุนแรง?”
จางลี่ซือนิ่งเงียบ นางไม่สามารถอธิบายได้ว่าอันตงหยางน่ากลัวตรงไหนเพราะมันมากมายเหลือเกิน คำพูดแสนเย็นชา สายตาเย็นยะเยือก ท่าทางไม่แยแส อีกทั้งยังบรรยากาศรอบตัวที่ดูราวกับแผ่ไอสังหารออกมาตลอดเวลา
หากให้นางพูดออกไปทั้งหมดมีหวังเป้าหมายที่ต้องการเป็นให้บุรุษเอ็นดูสักนิดได้หลุดลอยไปไกลเป็นแน่ ถ้าเช่นนั้น...
“สายตาของท่านค่อนข้างน่ากลัวสำหรับหม่อมฉันเพคะ”
“สายตาข้า?”
“เพคะ เพราะหยางอ๋องเป็นแม่ทัพผู้มากฝีมือ จึงมีสายตาเฉียบคมและดุดัน หม่อมฉันเข้าใจดีเพคะ เพียงแต่ว่าสำหรับสตรีเช่นข้า อื้อ!!”
เสียงของนางเงียบไปเมื่ออันตงหยางที่คลอเคลียปลายจมูกอยู่ใกล้ไม่ห่าง โน้มหน้าลงไปประกบริมฝีปากดูดกลืนเสียงของนาง
ริมฝีปากหยักบดเคล้าอย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ พร้อมทั้งสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปอย่างคนเอาแต่ใจอีกด้วย ทว่าสัมผัสกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนราวกับปลอบประโลมให้นางเลิกหวาดกลัวตนเอง
ความหอมหวานทำให้ร่างกายของนางที่เกร็งจากการหวาดกลัวเมื่อครู่นี้คลายลงและโอนอ่อนไปกับสัมผัสของบุรุษ แม้ว่าร่างกายของนางจะสั่นเทาด้วยความประหม่าเล็กน้อยก็ตาม อันตงหยางกลับมองว่ามัน...
...ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง....
ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิง เมื่อเห็นสตรีตัวน้อยในอ้อมกอดหลับตาพริ้มอย่างเคลิบเคลิ้มก็ผุดรอยยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะยกตัวนางขึ้นแล้วกระโดดลงน้ำไปพร้อมกัน จางลี่ซือตกใจทำให้สูดน้ำเข้าปอดเต็ม ๆ ก่อนที่บุรุษจะโอบกอดร่างของนางดำขึ้นสู่ผิวน้ำ สตรีตัวน้อยสำลักน้ำ สองแขนโอบกอดรอบลำคอแกร่งด้วยความหวาดกลัว
“อ๊ะ!”
จางลี่ซือร้องเสียงหวานเมื่อริมฝีปากหยักจรดลงที่ซอกคอขาว อ้าปากดูดเนื้อของนางเข้าปาก ใช้ลิ้นสากเลียไปจนถึงใบหูทำเอานางถึงกับกลั้นหายใจ ความเจ็บเล็กน้อยจากปากที่ดูดดึงเนื้อนวลทำให้เกิดรอยแดงมาพร้อมกับความวาบหวามเกินห้ามใจ
ดวงตาคู่งามปรือหวาน แก้มใสแดงระเรื่อยิ่งทำให้นางดูน่าเอ็นดูสำหรับอันตงหยางมากขึ้นไปอีก เมื่อเผลอสบตากับบุรุษ ดวงหน้าหวานก็ขึ้นสีเข้มมากขึ้นเรื่อย ๆ นางเหลือบสายตามองไปทางอื่นด้วยความเขินอาย ทว่าเวลาต่อมาอันตงหยางกลับเรียกความสนใจจากนางด้วยการ
ยกตัวนางขึ้นนั่งบนฝั่ง ขาของนางถูกจับตั้งชันแล้วแยกออกจากกัน ไม่มีโอกาสให้นางได้ร้องประท้วงด้วยความอับอาย ถึงแม้เวลานี้ท้องนภาจะมืดลงแล้วแต่กระนั้นที่นี่ก็ยังเป็นกลางแจ้งอยู่ดี อย่างไรนางก็เป็นสตรีมียางอาย ทว่าทันทีที่ขาของนางถูกจับแยกออกจากกันนั้นใบหน้าคมคายก็ซุกลงกลางกายนางทันที
ปลายลิ้นสากลากเลียกลีบกายสตรีราวกับกำลังเชยชิมของหวาน ร่างนางกระตุกเฮือกแล้วพยายามถดถอยหนีห่างด้วยความไม่คุ้นชิน
“ยะ หยางอ๋องท่านจะทำสิ่งใด อ๊ะ?”
สะโพกลมกลึงถูกรั้งไว้แน่นก่อนที่เรียวลิ้นจะแตะที่กลางรอยแยกของกลีบกายแล้วดันเข้าไปด้านในทันที จางลี่ซือไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นเสียงครางหวานน่าอายแทน นางทำได้เพียงกลั้นหายใจและเม้มปากแน่นเท่านั้นในขณะที่อันตงหยางละเลียดละไมช่องรักของนางอย่างคนหื่นกาม
ปลายเท้าและปลายนิ้วจิกเกร็งกับความเสียวกระสันที่ถูกปรนเปรอ อ่อนโยน นุ่มนวลเสียจนนางแทบลืมหายใจ อดไม่ได้ที่จะครางเสียงกระเส่าออกมาอย่างน่าอาย ฝ่ามือเล็กทั้งสองข้างขยุ้มเรือนผมสวยเพื่อระบายความเสียวซ่านภายใน ลืมสิ้นถึงยศฐาบรรดาศักดิ์จนเผลอกระทำเสียมารยาทเล็กน้อย
ทว่าอันตงหยางหาได้สนใจไม่ กลับยิ่งส่งลิ้นเข้าไปในกายสาวแล้วเร่งเร้าให้นางเสร็จโดยไว นี่ถือเป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่บุรุษยอมปรนเปรอให้สตรีเช่นนี้ เหลือบสายตาขึ้นมองจางลี่ซือก็เห็นว่าดวงหน้าหวานงดงามนั้นแดงระเรื่อ แสดงสีหน้าถึงความสุขล้นแถมยังเล็ดลอดเสียงครางหวานออกมาปลุกเร้ากายบุรุษให้ตื่นตัว
จนในที่สุดร่างนางก็กระตุกสองสามทีพร้อมกับร้องครางเสียงหวาน ดวงหน้างามแดงก่ำด้วยความอับอาย เกิดมาไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวชายใด กับพี่ชายอย่างมากก็แค่จับมือ อันตงหยางจึงถือเป็นคนแรกสำหรับนางในทุกอย่าง ยิ่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องพูดถึงเลยนางไม่รู้จักด้วยซ้ำ และคิดว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ ตำราที่นางอ่านมีแต่ข้อปฏิบัติในการปรนนิบัติสวามีทั้งนั้น
...มะ เมื่อกี้มันคืออะไรกัน...
“อ๊ะ?”
ตัวนางถูกผ้าคลุมตวัดโอบรอบกายแล้วถูกโอบอุ้มขึ้นมาในวงแขนแกร่ง
“ยะ หยางอ๋อง?”
“หากข้ากินเจ้าตรงนี้ เดี๋ยววันรุ่งขึ้นเจ้าจับไข้อีกแล้วข้าจะกินสิ่งใดกันเล่า”
จบประโยคนี้ดวงหน้าหวานก็ขึ้นสีแดงจัดราวกับคนจับไข้ แอบมองเสี้ยวหน้าของผู้เอ่ยประโยคนั้นออกมาอย่างไม่นึกอายแล้ว ก็ได้แต่ก้มหน้าหลบซ่อนความเขินอายของตนเอง
อันตงหยางพานางเข้ามาต่อในห้อง โดยปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางออกอย่างรวดเร็วคล้ายคนเร่งรีบ นางเห็นว่ากายแกร่งแข็งตึงดันอาภรณ์ออกมาก็ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตา หรือนางควรใช้วิธีในตำราเพื่อเอาอกเอาใจบุรุษกันนะ
ในขณะที่นางกำลังลังเลใจอยู่นั้นร่างบางก็ถูกกดลงบนเตียงโดยมีร่างของอันตงหยางตามมาทาบทับ สองแขนยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอแล้วหลับตาลงเพื่อรับสัมผัสจากบุรุษ คราวนี้เต็มไปด้วยความต้องการของบุรุษเพศ หนักหน่วง เร่าร้อนจนแทบหายใจไม่ทัน
บดเคล้าริมฝีปากรุนแรงจนกลีบปากอวบบวมตุ่ย เมื่ออีกฝ่ายออก นาวบืมตาขึ้นมาก็พบกับแก่นกายขนาดใหญ่จนน่าตกใจอยู่ตรงหน้า
“อ้าปาก”
หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว แต่ก็ยอมอ้าปากตามที่บุรุษสั่ง ทันทีที่ปากของนางเปิดออกก็ถูกแก่นกายดุนดันเข้าไปด้านในทันที แก่นกายนั้นอุ่นจนเกือบร้อนอีกทั้งยังมีขนาดคับปากจนนางนึกแปลกใจว่าสิ่งนี้สามารถเข้าใปในตัวนางได้อย่างไร
และไม่นึกแปลกใจเลยว่าเหตุใดจึงคืนแรกร่างกายนางจึงเจ็บปวดถึงเพียงนั้น แม้จะสานสัมพันธ์มาหลายรอบแล้วแต่นางก็ยังนึกหวาดกลัวกับบทรักในครั้งนี้อยู่ดี
สองแขนของนางถูกจับตรึงขึ้นเหนือหัว กดลงบนเตียงด้วยฝ่ามือจ้างเดียวก่อนที่อันตงหยางจะกระแทกแก่นกายเข้าปากของนางอย่างรุนแรง จาวลี่ซือถึงกับร่ำไห้กับความรุนแรงนี้ กายแกร่งเข้าไปในปากของนางลึกสุดคอจนนางแทบอาเจียนแต่ก็ยังไม่สามารถครอบครองมันได้ทั้งหมด
ท้ายสุดมันก็ถูกปลดปล่อยเข้าไปในปากของนาง สตรีตัวน้อยสำลักน้ำเชื้อสีขาวขุ่น เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระนางก็ยกมือขึ้นเช็ด ทว่านางคิดผิด อันตงหยางไม่มีทางปล่อยนางให้เป็นอิสระแน่นอนในเมื่อยังไม่ได้เข้าไปในตัวนางเลย
แม้จะสุขสมเพียงใดแต่การเข้าไปในตัวนางนั้นเป็นการเสพสุขที่สุดแล้ว
ขาของนางถูกบุรุษจับแยกออกจากกันแล้วแมรกกายเข้ามาอยู่ระหว่างขา ดวงตาจ้องมองจางลี่ซือไม่วางตาราวกับกำลังค้นหาบางอย่างที่อาจจะแอบซ่่อนอยู่ในนั้น
ทาบทับร่างกายลงไปแล้วขยับกระโพกแกร่งดุนดันตัวตนเข้าไปในคราเดียว
“อึก!”
ในที่สุดก็สามารถสอดแก่นกายเข้ามาได้ อันตงหยางก้มหน้าลงดูดดื่กับยอดปทุมถันสีสวยอย่างละเลียดละไม สองแขนโอบกอดรอบลำคอแกร่งแล้วลูบไล้มาที่กลุ่มผมนุ่มสลวย เผลอแอ่นอกเล็กน้อยให้คนตรงหน้าได้ตักตวงอย่างเต็มที่ เผยอปากออกเล็กน้อยเพื่อปลดปล่อยเสียงครางหวาน