บทที่ 11 จังหวะตกหลุมรัก

1733 Words
เรียวลิ้นตวัดเลียและดูดดึงอย่างย่ามใจ ฝ่ามืออีกข้างกอบกุมทรวงอกข้างที่ว่างเพื่อไม่ให้เป็นการละเลย “อ๊ะ!” กายแกร่งถอนออกอย่างเชื่องช้าก่อนจะถูกกระแทกเข้ามาอย่างรวดเร็ว นุ่มนวลแต่หนักหน่วง จังหวะเร่งเร้าขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ของบุรุษวัยกำหนัด โดยที่ริมฝีปากยังไม่ถอดถอนจากยอดปทุมถันอีกทั้งยังเม้มริมฝีปากราวกับจะกลืนกินมันลงไป ขับเคลื่อนแก่นกายถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายปรากฏกล้ามเนื้อเด่นชัดจากการออกแรง กดกายลึกเข้าไปในตัวของอิสตรี บดจูบที่ทรวงอกและซอกคอจนเกิดร่องรอยสีเข้ม มือและเท้าของนางจิกเกร็งอย่างเสียวซ่าน ท้ายสุดแก่นกายก็ถูกปลดปล่อยเข้าสู่ตัวนาง ทว่ามันยังไม่จบแค่นั้น ร่างของนางถูกจับโอบเอวขึ้นนั่งตัก แล้วจับขยับเคลื่อนย้ายสะโพกอย่างเร่าร้อน จางลี่ซือแทบขาดใจ นางไม่มีเวลาได้พักเลยสักนิด แล้วก็ไม่สามารถปฏิเสธอันตงหยางได้ด้วย อีกทั้งยังนึกโทษตัวเองที่ยอมโอนอ่อนเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนั้น จางลี่ซือถูกจับเปลี่ยนท่าไปเรื่อย ๆ แทบไม่ได้หยุดพัก แม้นางจะเอ่ยปากขอร้องให้อันตงหยางพักเสียหน่อยแน่บุรุษยังคงมีเรี่ยวแรงแล้วโหมกระหน่ำร่างกายใส่นางไม่ยั้ง จนฝ่ามือเล็กเผลอลงเล็บฝากรอยสวาทบนแผ่นหลังของบุรุษอย่างไม่รู้ต้ว จนถึงฟ้าสางนางจึงได้ถูกปล่อยเป็นอิสระ อันตงหยางโอบตัวนางเข้ามากกกอดแนบอก ตวัดผ้าผืนบางปกคลุมตัวนางพลางูคิดนึกในใจ… …ตัวนางช่างเล็กเสียจริง ข้าควรเพิ่มสำรับให้นางเห็นจะดี นางจะได้มีแรงสานสัมพันธ์ธ์กับข้าทุกคืน… วันต่อมานางถูกปลุกแต่แต่เช้ามืด แม้จะอ่อนเพลียเพียงใดแต่ดวงตากลมก็ค่อย ๆ เปิดออกอย่างเชื่องช้า เมื่อเห็นว่าเป็นอันตงหยางนางก็เผยรอยยิ้มกว้างจนตาหยี แล้วไม่รู้อะไรดลใจนางให้ยื่นแขนโอบรอบลำคอแกร่งออกแรงดึงเบา ๆ บุรุษก็โน้มหน้ามาตามแรงดึงของนาง ก่อนที่ริมฝีปากอวบอิ่มและแดงจากการจูบอย่างดูดดื่มเมื่อคืนนี้จะจรดลงบนแก้มสากพร้อมกับเสียงพึมพำเบา ๆ “หม่อมฉันอยากให้หยางอ๋องเอ็นดูหม่อมฉันสักนิดเพคะ” เอ่ยปากเช่นนั้นก่อนจะหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า อันตงหยางนิ่งค้างก่อนจะผละออกจากนาง แม้ใบหน้าจะยังคงเรียบเฉยแต่ใบหูขึ้นสีแดงระเรื่อ แถมดวงตายังฉายแววความสับสน ยกมือขึ้นปิดหน้าซีกล่างพลางขมวดคิ้วก่อนจะเหลือบสายตามองร่างบางที่นอนหลับสนิทไปอีกครั้ง …ข้าก็คิดว่าเจ้าน่าเอ็นดูอยู่แล้ว… “เจียวลู่” “พะยะค่ะ” “ถ้านางตื่นขึ้นให้บอกนางว่าข้าอนุญาตให้นางไปลาดตระเวนด้วยพรุ่งนี้ ช่วยนางเตรียมตัวก่อนรุ่งสาง”เจียวลู่ตอบรับคำสั่ง ทว่าเจียวจิ้นกลับเกริ่นขึ้นมาเล็กน้อย “เอ่อ...” “มีอะไร?” “นางจะไม่เป็นภาระขณะเดินทางหรือพะยะค่ะ” อันตงหยางเหลือบมองจางลี่ซือที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายอกสบายใจก่อนจะว่า... “นางคือหวางเฟย มีสิ่งใดให้เป็นภาระด้วยหรือ?”สายตาขณะพูดถึงประโยคนั้นทำเอาเจียวจิ้นเสียวสันหลังวาบ ก่อนจะผระสานมือขึ้นอย่างนอบน้อม “ขอประทานอภัยพะยะค่ะ กระหม่อมคิดน้อยไป” “อย่าทำกิริยาเช่นนี้ต่อหน้านาง” “พะยะค่ะ”เมื่อรับคำสั่งก็รีบเดินออกไปเพื่อเตรียมตัวไปลาดตระเวน ช่วงนี้ปีศาจโจมตีชาวบ้านที่หาของป่าบ่อยขึ้นจึงจำเป็นต้องตรวจตราทุกวัน สองแฝดเจียวจิ้นและเจียวลู่มองหน้ากันเมื่อเล็งเห็นว่าอันตงหยางให้ความสำคัญกับจางลี่ซืออย่างที่พวกเขาคาดไว้ ช่วงสายของวันนั้นเองจางลี่ซือตื่นมาด้วยอาการเหนื่อยล้า ร่างกายปวดร้าวไปหมด แต่เมื่อนึกถึงการสานสัมพันธ์อันเร่าร้อนและรุนแรงเมื่อคืนนางก็ไม่นึกแปลกใจเลย แม้ในช่วงแรกจะอ่อนหวาน ละเลียดละไม แต่หลังจากรอบที่สามขึ้นไปนั้นก็เต็มไปด้วยแรงปรารถนาอันรุนแรงยากจะต้านทาน นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ “ตื่นแล้วหรือพะยะค่ะ ซือหวางเฟย” “อืม...”ตอบสั้น ๆ เพียงแค่นั้น เจียวลู่ยิ้มก่อนจะนำอ่างสำหรับล้างหน้ามาให้นางได้จัดการตัวเอง ก่อนจะนำสำรับมาให้นางหลังกินเสร็จก็ยื่นยามาตรงหน้า “นี่อะไร?” “ยาบำรุงพะยะค่ะ มันดีต่อร่างกายที่เหนื่อยล้า” นางพยักหน้าก่อนจะยื่นมือออกไปรับเพราะตอนนี้นางรู้สึกเหนื่อยล้ามากจริง ๆ หากได้เอนกายอีกสักหน่อยก็คงดีแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว อีกทั้งหากนางนอนอีกครั้งเวลานี้ กลางคืนนางก็อาจจะกลายเป็นนกฮูกไปก็ได้ หลังจากรับสำรับนางก็ตรงกลับเรือนโม่ลี่ฮวาทันที ซึ่งระหว่างทางนั้นเจียวลู่ก็ได้พูดขึ้นมา “ซือหวางเฟยพะยะค่ะ” “อืม” “หยางอ๋องอนุญาตให้ซือหวางเฟยติดตามไปลาดตระเวนวันพรุ่งนี้พะยะค่ะ” “จริงหรือ?” หันไปถามเจียวลู่ด้วยสีหน้า ท่าทางดีใจ ดวงหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างราวกับดวงอาทิตย์เจิดจ้าในยามนี้ เจียวลู่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเอ่ยปากอีกว่า... “แต่ท่านต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนรุ่งสางนะพะยะค่ะ” “อื้อ” จางลี่ซือเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีมาตลอดทั้งทาง เมื่อมาถึงเรือนโม่ลี่ฮวานางก็จัดการหยิบอุปกรณ์สำหรับวาดภาพแล้วต่อเติมภาพเสือน้อยแสนน่าเอ็นดูจนเสร็จ วันรุ่งขึ้นก่อนรุ่งสางนางรีบเตรียมตัวและไปรออันตงหยางหน้าเรือนไท่หยางอย่างกระตือรือร้น เมื่อบุรุษเดินออกมาพร้อกับองครักษ์ก็รีบปรี่วิ่งเข้าไปหาทันที ทว่าด้วยความซุ่มซ่ามหรืออย่างไรทำให้นางสะดุดล้มหน้าคว่ำก่อนจะถึงตัวเขา “ว้าย!” หมับ จางลี่ซือหลับตาแน่นพร้อมกับโอบกอดภาพวาดแนบอก แต่ร่างนางกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด กลับกันความอบอุ่นโอบรอบตัว เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าร่างของนางถูกอันตงหยางรับเอาไว้ได้ทัน “ระวังหน่อยสิ” “ขอบพระทัยเพคะหยางอ๋อง” ผละออกแล้วประสานมือขึ้นคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนจะยื่นภาพวาดบนกระดาษแผ่นหนึ่งไปตรงหน้าของบุรุษด้วยรอยยิ้มกว้าง อันตงหยางรับมันไว้ก่อนจะเปิดดูด้วยความใคร่รู้ เมื่อเปิดออกดูกก็พบกับภาพวาดเสือขาวน่าเอ็นดู บุรุษกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะสั่งให้เจียวจิ้นนำไปเก็บไว้ในเรือนไท่หยาง “ขอบใจเจ้ามาก” “หามิได้เพคะ เพียงแค่หยางอ๋องพอพระทัยหม่อมฉันก็สุขล้นเพคะ” “มิใช่ว่าวาดภาพนี้มาประจบประแจงข้าหรอกหรือ?” ถึงจะโดนจับได้ทว่านางก็ยังคงยิ้มกว้าง ไม่ว่าอันตงหยางจะว่าเช่นไรแต่ก็ยังอนุญาตให้นางติดตามไปด้วยอยู่ดี เป็นสัญญาณที่ดีว่าบุรุษเริ่มเปิดใจให้นางบ้างแล้ว “กะ ก็…แหะ ๆ” “หึ รีบไป” “เพคะ!” ทั้งสองเดินไปยังคอกม้า จางลี่ซือได้แต่คิดในใจว่าแย่แล้ว เพราะนางขี่ม้าไม้เป็น อันตงหยางเหมือนจะรู้อยู่แล้วจับเอวนางแล้วยกตัวนางขึ้นนั่งบนอานม้าก่อนที่ตนจะกระโดดขึ้นนั่งซ้อนหลังนาง อิสตรีตกใจกับความแข็งแกร่งของบุรุษ แม้จะรู้ว่าอันตงหยางแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่นี่ยกตัวนางลอยขึ้นเชียวนะ จะไม่ให้ตกใจได้เช่นไร? เมื่อเหล่าองครักษ์เตรียมพร้อม อันตงหยางก็ควบม้านำหน้าไป ระหว่างทางนางได้สังเกตรอบบริเวณ เต็มไปด้วยสีเขียวขจีของต้นไม้น้อยใหญ่ บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ และรู้สึก… …สงบดีจัง… ทหารบางส่วนแยกย้ายไปลาดตระเวนในส่วนที่อันตราย ตรงจุดนี้จึงมีเพียงอันตงหยางและจางลี่ซือกับองครักษ์ผู้ติดตามเท่านั้น บุรุษสอดส่องสายตามองรอบด้านก่อนจะโน้มกายเข้าใกล้สตรีตัวน้อย นางสะดุ้งกับไออุ่นที่เข้ามากะทันหันแล้วแหงนหน้าขึ้นมองยุรุษที่นั่งซ้อนหลังเพื่อจะเอ่่ยถาม ปลายจมูกสัมผัสกันแผ่วเบาทำเอาอิสตรีแก้มแดงระเรื่อก่อนที่นางจะถอยหลังหนี อ้อมแขนแกร่งแตะแผ่นหลังนางประคองเอาไว้ก่อนจะเอ่ยปากว่า… “ระวัง”ดวงตาเรียวคมมองนางราวกับกำลังดุในความไม่ระวังของนาง”เจ้าอยากตกหลังม้าหรือ?” “ขะ ขอประทานอภัยเพคะ” “ตรงโน้น เจ้าลูกปีศาจเสือของเจ้าอยู่ตรงโน้น”ว่าพลางยกแขนขึ้นชี้ไปด้านหน้าของนาง เมื่อมองไปตามสายตานางก็เห็นเจ้าลูกปีศาจเสือกำลังวิ่งเล่นกับลูกปีศาจเสือด้วยกันจึงเผยรอยยิ้มกว้าง ลูกปีศาจเสือยังสุขสบายดี อีกทั้งยังปรับตัวเข้ากับธรรมชาติได้ดีอีกด้วย ได้เห็นแค่นี้นางก็ดีใจแล้ว “เจ้ายังอยู่ดีสินะ” “สิ่งมีชีวิตย่อมปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ น้อยสิ่งนักที่ปรับตัวไม่ได้ก็จะตายไป…ดูเหมือนลูกเสือน้อยชองเจ้าทำได้” “น่าทึ่งนะเพคะ หม่อมฉันเป็นห่วงแทบแย่” “คราวนี้จงเลิกกังวลเสีย” “เพคะ ขอบพระทันนะเพคะฝ่าบาท” จางลี่ซือบอกด้วยความบริสุทธิ์ใจหาได้หวังประจบประแจง อีกทั้งยังแหงนหน้าขึ้นสบตากับอันตงหยางที่ดึงสายตากลับมามองนางพอดิบพอดี รอยยิ้มเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์สะกดสายตาของบุรุษให้เผลอมองเนิ่นนาน …หยางอ๋องตกหลุมรักนางแน่ ๆ เลยแบบนี้… เหล่าองครักษ์ที่ติดตามมาต่างคิดในใจด้วยความหมายเดียวกัน มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่ยังไม่รู้ตัวว่าได้ตกหลุมพลางของสตรีตัวน้อยเข้าให้แล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD