เรียวลิ้นตวัดเลียและดูดดึงอย่างย่ามใจ ฝ่ามืออีกข้างกอบกุมทรวงอกข้างที่ว่างเพื่อไม่ให้เป็นการละเลย
“อ๊ะ!”
กายแกร่งถอนออกอย่างเชื่องช้าก่อนจะถูกกระแทกเข้ามาอย่างรวดเร็ว นุ่มนวลแต่หนักหน่วง จังหวะเร่งเร้าขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ของบุรุษวัยกำหนัด โดยที่ริมฝีปากยังไม่ถอดถอนจากยอดปทุมถันอีกทั้งยังเม้มริมฝีปากราวกับจะกลืนกินมันลงไป
ขับเคลื่อนแก่นกายถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายปรากฏกล้ามเนื้อเด่นชัดจากการออกแรง กดกายลึกเข้าไปในตัวของอิสตรี บดจูบที่ทรวงอกและซอกคอจนเกิดร่องรอยสีเข้ม มือและเท้าของนางจิกเกร็งอย่างเสียวซ่าน ท้ายสุดแก่นกายก็ถูกปลดปล่อยเข้าสู่ตัวนาง
ทว่ามันยังไม่จบแค่นั้น ร่างของนางถูกจับโอบเอวขึ้นนั่งตัก แล้วจับขยับเคลื่อนย้ายสะโพกอย่างเร่าร้อน จางลี่ซือแทบขาดใจ นางไม่มีเวลาได้พักเลยสักนิด แล้วก็ไม่สามารถปฏิเสธอันตงหยางได้ด้วย อีกทั้งยังนึกโทษตัวเองที่ยอมโอนอ่อนเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนั้น
จางลี่ซือถูกจับเปลี่ยนท่าไปเรื่อย ๆ แทบไม่ได้หยุดพัก แม้นางจะเอ่ยปากขอร้องให้อันตงหยางพักเสียหน่อยแน่บุรุษยังคงมีเรี่ยวแรงแล้วโหมกระหน่ำร่างกายใส่นางไม่ยั้ง จนฝ่ามือเล็กเผลอลงเล็บฝากรอยสวาทบนแผ่นหลังของบุรุษอย่างไม่รู้ต้ว
จนถึงฟ้าสางนางจึงได้ถูกปล่อยเป็นอิสระ อันตงหยางโอบตัวนางเข้ามากกกอดแนบอก ตวัดผ้าผืนบางปกคลุมตัวนางพลางูคิดนึกในใจ…
…ตัวนางช่างเล็กเสียจริง ข้าควรเพิ่มสำรับให้นางเห็นจะดี นางจะได้มีแรงสานสัมพันธ์ธ์กับข้าทุกคืน…
วันต่อมานางถูกปลุกแต่แต่เช้ามืด แม้จะอ่อนเพลียเพียงใดแต่ดวงตากลมก็ค่อย ๆ เปิดออกอย่างเชื่องช้า เมื่อเห็นว่าเป็นอันตงหยางนางก็เผยรอยยิ้มกว้างจนตาหยี แล้วไม่รู้อะไรดลใจนางให้ยื่นแขนโอบรอบลำคอแกร่งออกแรงดึงเบา ๆ บุรุษก็โน้มหน้ามาตามแรงดึงของนาง ก่อนที่ริมฝีปากอวบอิ่มและแดงจากการจูบอย่างดูดดื่มเมื่อคืนนี้จะจรดลงบนแก้มสากพร้อมกับเสียงพึมพำเบา ๆ
“หม่อมฉันอยากให้หยางอ๋องเอ็นดูหม่อมฉันสักนิดเพคะ”
เอ่ยปากเช่นนั้นก่อนจะหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า อันตงหยางนิ่งค้างก่อนจะผละออกจากนาง แม้ใบหน้าจะยังคงเรียบเฉยแต่ใบหูขึ้นสีแดงระเรื่อ แถมดวงตายังฉายแววความสับสน ยกมือขึ้นปิดหน้าซีกล่างพลางขมวดคิ้วก่อนจะเหลือบสายตามองร่างบางที่นอนหลับสนิทไปอีกครั้ง
…ข้าก็คิดว่าเจ้าน่าเอ็นดูอยู่แล้ว…
“เจียวลู่”
“พะยะค่ะ”
“ถ้านางตื่นขึ้นให้บอกนางว่าข้าอนุญาตให้นางไปลาดตระเวนด้วยพรุ่งนี้ ช่วยนางเตรียมตัวก่อนรุ่งสาง”เจียวลู่ตอบรับคำสั่ง ทว่าเจียวจิ้นกลับเกริ่นขึ้นมาเล็กน้อย
“เอ่อ...”
“มีอะไร?”
“นางจะไม่เป็นภาระขณะเดินทางหรือพะยะค่ะ”
อันตงหยางเหลือบมองจางลี่ซือที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายอกสบายใจก่อนจะว่า...
“นางคือหวางเฟย มีสิ่งใดให้เป็นภาระด้วยหรือ?”สายตาขณะพูดถึงประโยคนั้นทำเอาเจียวจิ้นเสียวสันหลังวาบ ก่อนจะผระสานมือขึ้นอย่างนอบน้อม
“ขอประทานอภัยพะยะค่ะ กระหม่อมคิดน้อยไป”
“อย่าทำกิริยาเช่นนี้ต่อหน้านาง”
“พะยะค่ะ”เมื่อรับคำสั่งก็รีบเดินออกไปเพื่อเตรียมตัวไปลาดตระเวน ช่วงนี้ปีศาจโจมตีชาวบ้านที่หาของป่าบ่อยขึ้นจึงจำเป็นต้องตรวจตราทุกวัน
สองแฝดเจียวจิ้นและเจียวลู่มองหน้ากันเมื่อเล็งเห็นว่าอันตงหยางให้ความสำคัญกับจางลี่ซืออย่างที่พวกเขาคาดไว้
ช่วงสายของวันนั้นเองจางลี่ซือตื่นมาด้วยอาการเหนื่อยล้า ร่างกายปวดร้าวไปหมด แต่เมื่อนึกถึงการสานสัมพันธ์อันเร่าร้อนและรุนแรงเมื่อคืนนางก็ไม่นึกแปลกใจเลย แม้ในช่วงแรกจะอ่อนหวาน ละเลียดละไม แต่หลังจากรอบที่สามขึ้นไปนั้นก็เต็มไปด้วยแรงปรารถนาอันรุนแรงยากจะต้านทาน นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ตื่นแล้วหรือพะยะค่ะ ซือหวางเฟย”
“อืม...”ตอบสั้น ๆ เพียงแค่นั้น เจียวลู่ยิ้มก่อนจะนำอ่างสำหรับล้างหน้ามาให้นางได้จัดการตัวเอง ก่อนจะนำสำรับมาให้นางหลังกินเสร็จก็ยื่นยามาตรงหน้า
“นี่อะไร?”
“ยาบำรุงพะยะค่ะ มันดีต่อร่างกายที่เหนื่อยล้า”
นางพยักหน้าก่อนจะยื่นมือออกไปรับเพราะตอนนี้นางรู้สึกเหนื่อยล้ามากจริง ๆ หากได้เอนกายอีกสักหน่อยก็คงดีแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว อีกทั้งหากนางนอนอีกครั้งเวลานี้ กลางคืนนางก็อาจจะกลายเป็นนกฮูกไปก็ได้
หลังจากรับสำรับนางก็ตรงกลับเรือนโม่ลี่ฮวาทันที ซึ่งระหว่างทางนั้นเจียวลู่ก็ได้พูดขึ้นมา
“ซือหวางเฟยพะยะค่ะ”
“อืม”
“หยางอ๋องอนุญาตให้ซือหวางเฟยติดตามไปลาดตระเวนวันพรุ่งนี้พะยะค่ะ”
“จริงหรือ?”
หันไปถามเจียวลู่ด้วยสีหน้า ท่าทางดีใจ ดวงหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างราวกับดวงอาทิตย์เจิดจ้าในยามนี้ เจียวลู่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเอ่ยปากอีกว่า...
“แต่ท่านต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนรุ่งสางนะพะยะค่ะ”
“อื้อ”
จางลี่ซือเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีมาตลอดทั้งทาง เมื่อมาถึงเรือนโม่ลี่ฮวานางก็จัดการหยิบอุปกรณ์สำหรับวาดภาพแล้วต่อเติมภาพเสือน้อยแสนน่าเอ็นดูจนเสร็จ
วันรุ่งขึ้นก่อนรุ่งสางนางรีบเตรียมตัวและไปรออันตงหยางหน้าเรือนไท่หยางอย่างกระตือรือร้น เมื่อบุรุษเดินออกมาพร้อกับองครักษ์ก็รีบปรี่วิ่งเข้าไปหาทันที ทว่าด้วยความซุ่มซ่ามหรืออย่างไรทำให้นางสะดุดล้มหน้าคว่ำก่อนจะถึงตัวเขา
“ว้าย!”
หมับ
จางลี่ซือหลับตาแน่นพร้อมกับโอบกอดภาพวาดแนบอก แต่ร่างนางกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด กลับกันความอบอุ่นโอบรอบตัว เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าร่างของนางถูกอันตงหยางรับเอาไว้ได้ทัน
“ระวังหน่อยสิ”
“ขอบพระทัยเพคะหยางอ๋อง”
ผละออกแล้วประสานมือขึ้นคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนจะยื่นภาพวาดบนกระดาษแผ่นหนึ่งไปตรงหน้าของบุรุษด้วยรอยยิ้มกว้าง
อันตงหยางรับมันไว้ก่อนจะเปิดดูด้วยความใคร่รู้ เมื่อเปิดออกดูกก็พบกับภาพวาดเสือขาวน่าเอ็นดู บุรุษกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะสั่งให้เจียวจิ้นนำไปเก็บไว้ในเรือนไท่หยาง
“ขอบใจเจ้ามาก”
“หามิได้เพคะ เพียงแค่หยางอ๋องพอพระทัยหม่อมฉันก็สุขล้นเพคะ”
“มิใช่ว่าวาดภาพนี้มาประจบประแจงข้าหรอกหรือ?”
ถึงจะโดนจับได้ทว่านางก็ยังคงยิ้มกว้าง ไม่ว่าอันตงหยางจะว่าเช่นไรแต่ก็ยังอนุญาตให้นางติดตามไปด้วยอยู่ดี เป็นสัญญาณที่ดีว่าบุรุษเริ่มเปิดใจให้นางบ้างแล้ว
“กะ ก็…แหะ ๆ”
“หึ รีบไป”
“เพคะ!”
ทั้งสองเดินไปยังคอกม้า จางลี่ซือได้แต่คิดในใจว่าแย่แล้ว เพราะนางขี่ม้าไม้เป็น อันตงหยางเหมือนจะรู้อยู่แล้วจับเอวนางแล้วยกตัวนางขึ้นนั่งบนอานม้าก่อนที่ตนจะกระโดดขึ้นนั่งซ้อนหลังนาง
อิสตรีตกใจกับความแข็งแกร่งของบุรุษ แม้จะรู้ว่าอันตงหยางแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่นี่ยกตัวนางลอยขึ้นเชียวนะ จะไม่ให้ตกใจได้เช่นไร?
เมื่อเหล่าองครักษ์เตรียมพร้อม อันตงหยางก็ควบม้านำหน้าไป ระหว่างทางนางได้สังเกตรอบบริเวณ เต็มไปด้วยสีเขียวขจีของต้นไม้น้อยใหญ่ บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ และรู้สึก…
…สงบดีจัง…
ทหารบางส่วนแยกย้ายไปลาดตระเวนในส่วนที่อันตราย ตรงจุดนี้จึงมีเพียงอันตงหยางและจางลี่ซือกับองครักษ์ผู้ติดตามเท่านั้น บุรุษสอดส่องสายตามองรอบด้านก่อนจะโน้มกายเข้าใกล้สตรีตัวน้อย นางสะดุ้งกับไออุ่นที่เข้ามากะทันหันแล้วแหงนหน้าขึ้นมองยุรุษที่นั่งซ้อนหลังเพื่อจะเอ่่ยถาม
ปลายจมูกสัมผัสกันแผ่วเบาทำเอาอิสตรีแก้มแดงระเรื่อก่อนที่นางจะถอยหลังหนี อ้อมแขนแกร่งแตะแผ่นหลังนางประคองเอาไว้ก่อนจะเอ่ยปากว่า…
“ระวัง”ดวงตาเรียวคมมองนางราวกับกำลังดุในความไม่ระวังของนาง”เจ้าอยากตกหลังม้าหรือ?”
“ขะ ขอประทานอภัยเพคะ”
“ตรงโน้น เจ้าลูกปีศาจเสือของเจ้าอยู่ตรงโน้น”ว่าพลางยกแขนขึ้นชี้ไปด้านหน้าของนาง เมื่อมองไปตามสายตานางก็เห็นเจ้าลูกปีศาจเสือกำลังวิ่งเล่นกับลูกปีศาจเสือด้วยกันจึงเผยรอยยิ้มกว้าง
ลูกปีศาจเสือยังสุขสบายดี อีกทั้งยังปรับตัวเข้ากับธรรมชาติได้ดีอีกด้วย ได้เห็นแค่นี้นางก็ดีใจแล้ว
“เจ้ายังอยู่ดีสินะ”
“สิ่งมีชีวิตย่อมปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ น้อยสิ่งนักที่ปรับตัวไม่ได้ก็จะตายไป…ดูเหมือนลูกเสือน้อยชองเจ้าทำได้”
“น่าทึ่งนะเพคะ หม่อมฉันเป็นห่วงแทบแย่”
“คราวนี้จงเลิกกังวลเสีย”
“เพคะ ขอบพระทันนะเพคะฝ่าบาท”
จางลี่ซือบอกด้วยความบริสุทธิ์ใจหาได้หวังประจบประแจง อีกทั้งยังแหงนหน้าขึ้นสบตากับอันตงหยางที่ดึงสายตากลับมามองนางพอดิบพอดี รอยยิ้มเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์สะกดสายตาของบุรุษให้เผลอมองเนิ่นนาน
…หยางอ๋องตกหลุมรักนางแน่ ๆ เลยแบบนี้…
เหล่าองครักษ์ที่ติดตามมาต่างคิดในใจด้วยความหมายเดียวกัน มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่ยังไม่รู้ตัวว่าได้ตกหลุมพลางของสตรีตัวน้อยเข้าให้แล้ว