ออกจากบริษัทของอดีตสามีหมาดๆ มธุมาสก็ขับรถตรงมาที่โรงพยาบาลสยามรักษ์ต่อ ยังมีอีกเรื่องที่น่าหนักใจไม่แพ้กัน
หญิงสาวยืนอยู่หน้าห้องพักฟื้นผู้ป่วย VVIP อยู่สักพัก ทอดถอนใจตั้งสติเตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินน้ำเสียงตวาดกร้าวของบิดาดังขึ้น
“ออกไป! แกไม่ต้องมาดูดำดูดีฉัน ปล่อยให้ฉันตายๆ ไปซะ จะได้สมใจลูกเนรคุณอย่างแก”
มธุมาสมองบิดาที่นอนหายใจเหนื่อยหอบเพราะอารมณ์รุนแรง ดวงตาของเธอแดงก่ำ รู้สึกผิดต่อท่านขึ้นมาจับใจ
“พ่อฟังมาร์อธิบายก่อนได้มั้ยคะ”
“ยังต้องอธิบายอะไรอีก บริษัทของเรากำลังจะล้มละลาย เพราะความใจร้อนวู่วามไม่เข้าเรื่องของแกแท้ๆ”
“มาร์รู้ว่าทำไปโดยพลการและอาจส่งผลเสียต่อบริษัทของเรา แต่การที่มาร์ตัดสินใจหย่ากับพี่กัญจน์ มาร์คิดดีแล้วค่ะ”
“ดียังไง?” มนตรีขึงตามองลูกสาว “แกมันบ้า! กะอีแค่ผัวไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน ทำไมจะต้องทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ด้วย คุณหญิงจรรยาก็พูดแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่มีวันรับนางเด้กนั่นเข้าบ้านเด็ดขาด แกจะมองไปบ้างไม่ได้เลยรึไง อย่าลืมสิว่าบริษัทของเรายังต้องพิงพาครอบครัวของผัวแกอีกมาก”
“พ่อห่วงแต่บริษัท แต่ไม่ห่วงความรู้สึกของลูกสาวคนนี้เลยเหรอคะ” เธอกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจไม่อยู่
มนตรีเห็นลูกสาวน้ำตาร่วงเผาะก็ใจอ่อน น้ำเสียงก็อ่อนลง
“ไม่ใช่อย่างนั้น พ่อแค่อยากให้แกคิดถึงส่วนรวมมากกว่านี้เท่านั้น”
“แต่นี่คือความสุขทั้งชีวิตของมาร์นะคะ พ่ออยากให้มาร์เป็นคนโง่ไม่มีปากมีเสียง ทนอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี ต้องฝืนยิ้มอย่างหน้าชื่นอกตรมทั้งที่ในใจมันเจ็บปวดจนทนไม่ไหว พ่ออยากเห็นมาร์ตกอยู่ในสภาพแบบนั้นตลอดชีวิตเหรอคะ”
“แกรักตากัญจน์ไม่ใช่เหรอ” มนตรีพยายามหว่านล้อมลูกสาว
มธุมาสยิ้มหม่นๆ ย้อนถามท่านเสียงขื่น
“แล้วเขาล่ะคะรักลูกสาวของพ่อมั้ย เกือบสี่ปีมานี้พ่อไม่เห็นสิ่งที่เขาทำกับมาร์รึไง”
“เมื่อก่อนแกกับตากัญจน์รักกันมากแท้ๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ”
“พ่อไม่รู้จริงๆ เหรอคะว่าเพราะอะไร”
มธุมาสรู้ดีว่าบิดากลัดกลุ้ม เธอเองใช่ว่าอยากจะพูดรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ทำให้ท่านไม่สบายใจเสียเมื่อไร แต่บางครั้งเราก็จำเป็นต้องพูดให้ท่านตัดใจเสียบ้าง
เรื่องบางอย่าง... เราก็ฝืนไม่ได้จริงๆ !
ย้อนไปเมื่อสิบห้าปีก่อนเป็นดังที่บิดาเธอพูดไม่ผิด เธอกับกัญจน์รักใคร่กลมเกลียวเหมือนพี่น้อง ด้วยสองบ้านทำธุรกิจร่วมกัน ไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง ไม่เพียงรู้จักและสนิทสนม แต่ยังไว้เนื้อเชื่อใจกันอย่างมาก ถึงขั้นคุณหญิงจรรยาเอ่ยปากทาบทามให้เธอเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับหลานชายวัยสิบห้า ตั้งแต่เธออายุเพียงแค่สิบขวบ
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนเป็นจุดพลิกผัน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้ายยากจะคืนดี...
กัญจน์ในวัยเบญจเพสต้องเผชิญกับวิกฤตในชีวิตรอบด้าน เขาถูกผลักดันให้ขึ้นดำรงตำแหน่งแทนผู้เป็นย่าทั้งที่ไม่พร้อม ประสบการณ์และเขี้ยวเล็บยังอ่อนด้อย หากเทียบกับบรรดาผู้บริหารเขี้ยวลากดินภายในบริษัท หลายครั้งที่เขาถูกไล่ต้อนถูกกดดันจนทนไม่ไหว สองบ่าแบกรับภาระที่หนักอึ้งเกินกว่าคนในวัยเดียวกันจะรับมือได้ คนเหล่านั้นขยันสรรหาเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมาเล่นงานกันโดยที่เขาไม่อาจตอบโต้ได้เลย เขายิ่งท้อแท้รู้สึกย่ำแย่ไปหมด เหมือนตัวเองเป็นเพียงแค่มดปลวกที่วิ่งเต้นอยู่บนฝ่ามือคนชั่ว
จะบีบเมื่อไร ก็ตายเมื่อนั้น...