บทที่4
เช้าวันถัดมา…
@มหาวิทยาลัย
ปึก/ปึก
หลังจากที่รถยนต์คันหรูขับเข้าไปจอดตรงลานจอดรถเสร็จ ประตูทั้งสองฝั่งก็เปิดออกพร้อมคนในรถอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่ร่างสูงฝั่งคนขับจะเดินเข้าไปในตึกคณะโดยที่ไม่ได้หันไปร่ำลาคนที่นั่งรถมาด้วยกันแม้แต่นิดเดียว
ร่างบางที่เห็นอีกฝ่ายเดินผ่านหน้าโดยไม่ร่ำลาสักคำถึงกับแยกเขี้ยวใส่ตามหลังด้วยความหมั่นไส้ทันที
หมั่นไส้กับความเฉยชาที่เริ่มทวีคูณจากที่ผ่านมาขึ้นอีกเท่าตัว เพียงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ใช่ หลังจากเหตุการณ์ที่เธอโดนคนตัวสูงทิ้งลงพื้นเมื่อคืนแล้ว เขาก็เดินผ่านตัวเธอเข้าไปในห้องนอนทันที ส่วนเธอที่เป็นผู้อาศัยชั่วคราวเลยโดนระเห็จนอนโซฟาแทน
จากที่เขาใจดีจะให้เธอนอนบนเตียง สุดท้ายเธอได้นอนโซฟาสมใจ พอเช้าวันนี้ก็อย่างที่เห็น เขาไม่ทัก ไม่คุย นิ่ง เงียบแถมยังเฉยชาใส่เธอยิ่งกว่าที่ผ่านมาซะอีก
เหอะ เห็นแล้วก็ขวางหูขวางตาชะมัด คอยดูเถอะถ้าเธอทำให้หวั่นไหวมาชอบเธอได้เมื่อไหร่ละก็ เธอจะคิดบัญชีย้อนหลังให้เข็ด!
จึก ๆ
ขวับ!
เฮือก!
“ยัยพิ้งค์! อะไรของมึงเนี่ย มาไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียงตกใจหมด” น้ำพิ้งค์ที่โดนเพื่อนสนิทตำหนิเนื่องจากทำให้เพื่อนตกใจไม่ได้สนใจสีหน้าขมวดคิ้วของเพื่อนนัก แต่เลือกที่จะยกคิ้วล้อไปทางร่างสูงที่เพิ่งเดินผ่านไปก่อนหน้านี้แทน
“ยังไงสิ ลงจากรถมาด้วยกัน มีความอัปเดตเหรอ”
“ก็…”
“พิ้งค์ พี่เข้าคณะก่อนนะ เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่โทรหา”
“ค่ะ…ว่าไง ตกลงมึงกับพี่โยธามาด้วยกันได้ไง” น้ำพิ้งค์หันไปตอบทามไทที่เพิ่งลงจากรถมาด้วยกันเสร็จเธอก็คาดขั้นเอาคำตอบจากพริกไทยต่อทันที จนคนถูกถามถึงกับอึกอักที่จะตอบ เพราะไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอกับเพื่อนแบบนี้
ซึ่งเธอยังไม่พร้อมจะเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง เนื่องจากต้นเหตุของเรื่องมันน่าอายเกินกว่าจะเล่าได้
ก็คิดดูเอาเถอะโดนหมาไล่จนเป็นลม น้ำพิ้งค์รู้คงได้หัวเราะเยาะเธอแน่ แต่พอมานึกถึงเรื่องที่เธอได้ไปอยู่ห้องของโยธามา เธอก็อดรู้สึกเขินไม่ได้
“ก็…ไม่มีอะไรหรอก กูแค่ไปนอนห้องพี่โยธามาอะ” พริกไทยตอบเสียงแผ่วในประโยคหลังพร้อมท่าทางเหนียมอายอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะใช้ปลายนิ้วทัดผมไว้หลังหูแล้วม้วนตัวไปมากลบเกลื่อนอย่างเขินอาย
“ใจเย็นนะ คือมึงกำลังจะบอกกูว่ามึงกับพี่เขา…” น้ำพิ้งค์เว้นจังหวะไว้แค่นั้นก่อนจะเริ่มจินตนาการกับสิ่งที่คิดเอาไว้
แต่...
“ไม่ได้มีอะไรกัน”
“ฮะ? อะ…อะไรนะ? ไม่ได้มีอะไรกันแต่ไปนอนห้องเขา” ใบหน้าสวยถึงกับช็อตฟิลกับคำตอบของเพื่อนอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก คือก่อนหน้านี้พริกไทยเพิ่งบอกเธอหยก ๆ ว่าไปนอนคอนโดโยธามาแล้ว แล้วทำไม…
“คือกูโดนหมาไล่จนสลบแล้วพี่เขาก็พากลับคอนโด กูอยากได้เขาเหมือนที่มึงคิดนั่นแหละ แต่ทำไงได้วะเขาเมินเฉยต่อกูเหมือนกูเป็นขยะเปียก กูถามมึงหน่อยเถอะผัวมึงไม่ใช่เกย์จริงๆ ใช่มั้ยวะ กูเริ่มไม่แน่ใจแล้วเนี่ย” พริกไทยถามย้ำถึงเรื่องที่น้ำพิ้งค์เคยโกหกเธอไว้
ถ้ายังจำกันได้น้ำพิ้งค์เคยโกหกว่าทามไทเป็นเกย์ และเหตุการณ์นั่นแหละที่ทำให้เธอพรวดพราดทักไปถามโยธา เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน กลัวจะเป็นเหมือนกันแต่เธอก็ได้รับคำตอบว่าไม่ได้เป็น
พอลองมาคิดดู…ถ้าไม่เป็นแล้วจะเมินเฉยต่อเธอทำไมกันนักหนา เธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวอะไร กลับกันถ้ามองผ่านๆ นึกว่านางฟ้านางสวรรค์ลงมาเดินเล่นบนพื้นโลกเสียอีก
“ผัวกูอะไม่ใช่ แต่ว่าที่ผัวมึงอะไม่แน่” เห็นเพื่อนยืนขมวดคิ้วเป็นปมหน้าเครียดน้ำพิ้งค์ก็อดกลั้นขำไม่ได้กับสีหน้าของเพื่อนตอนนี้ เลยหยอกให้เพื่อนเสียขวัญเล่นไปอย่างนึกสนุก แต่ก็ตามคาดเพราะทันทีที่คนถูกหยอกได้ยิน ก็ตะบะแตกปรี๊ดขึ้นมาทันที
“ยัยบ้า! อย่านะยะ เดี๋ยวตบปากคว่ำเลยนี่”
“หึหึ ไม่ใช่หรอกน่า มึงอย่าคิดมาก ไปกันเถอะยัยสวยมันรอนานแล้ว”
หลังจากที่ยืนปลอบกันสักพัก ทั้งคู่ก็เดินไปทางคณะของตัวเอง ซึ่งมีเพื่อนสนิทอีกคนอย่างสวยนั่งรอเข้าไปเรียนคาบเช้าพร้อมกันอยู่ก่อนแล้ว
.
.
.
12.15น.
ไลน์
ทามไท: กินข้าวที่ไหน ให้พี่ช่วยสั่งมั้ย
“พวกมึง พี่ทามถามกินข้าวที่ไหน”
“กูจะไปกินที่โรงอาหารที่มีผู้ชายชื่อโยธาค่ะ” พริกไทยตอบทันทีที่น้ำพิ้งค์หันไปถาม ไม่ต้องเสียเวลาคิดคำตอบให้เปลืองสมองเพราะสำหรับเธอแล้วโยธาอยู่ที่ไหนพริกไทยก็อยู่ที่นั่น
คิดจะจีบเขาก็ต้องไปให้สุดแล้วหยุดที่เป็นผัวเมียกันเท่านั้น ความย่อท้อคืออะไรเธอไม่รู้จักหรอก เธอรู้จักคำเดียวเท่านั้นคือ ‘รุก’ รุกเท่านั้นที่จะทำให้เธอพิชิตหัวใจเย็นชาของเขาได้
หึ เปิดก่อนมักจะได้เปรียบเสมอ
“แล้วนั้นมึงจะไปไหน” สวยที่เห็นพริกไทยลุกขึ้นออกจากเก้าอี้พร้อมสะพายกระเป๋าอย่างเรียบร้อยก็อดถามด้วยความสงสัยไม่ได้
“ไปกินข้าวไง กูไปก่อนนะไปช้าเดี๋ยวข้าวหมด” ว่าจบร่างบางสมส่วนอย่างดีของพริกไทยก็ก้าวขาออกจากโต๊ะเดินตรงไปที่โรงอาหารทันที โดยไม่รอเพื่อนทั้งสองคนที่ยังนั่งทำหน้างงอยู่ที่เดิม
“กูว่าพริกไทยมันถอยไม่ได้ละ ดูมันสู้เอาเรื่องอะ เฮ้อ~” น้ำพิ้งค์ว่าพร้อมถอนหายใจออกมากับความมุมานะในการจีบคนที่ชอบของเพื่อนมาก จนเพื่อนอีกคนอย่างสวยต้องปลงตกตาม
“ปล่อยมันไปเถอะ ถ้าคนมันไม่ใช่เนื้อคู่กันต่อให้จีบยังไงมันก็ไม่ใช่ แต่ถ้าเป็นเนื้อคู่กันต่อให้พี่โยธาเย็นชา เมินเฉยยังไงก็หนีไม่พ้นพริกไทยมันหรอก” สวยว่าไปอย่างที่คิด เพราะดูคู่เธอกับเธียรเพื่อนสนิทโยธาจากที่เคยเลิกกันไปแล้วยังกลับมารักกันเลย
แถมตอนนี้ก็ถูกจับหมั้นกันไปเรียบร้อยเมื่อเดือนที่ผ่านมาแล้วด้วย ถ้าถามว่าคราวนี้มีแววจะได้เลิกกันอีกไหม ก็คงต้องตอบว่าไม่มีแววว่าอีกฝ่ายจะอยู่ห่างจากเธอเลยมากกว่า
คู่เธอห่างกันได้เฉพาะตอนที่มาเรียนเท่านั้น แต่ถ้ากลับไปที่ห้องเมื่อไหร่แทบสิงร่างกันทุกวัน
@โรงอาหารวิศวะ
“อะฮึ่ม ไอ้โยครับ ว่าที่เมียมานู้นแล้ว เดินไปรับหน่อยไหม” ตฤณที่นั่งอยู่ข้างๆ โยธาแอบกระซิบสีหน้ายิ้มกริ่มให้ได้ยินกันสองคนเมื่อเห็นสาวสวยที่ตามจีบเพื่อนเดินมาแต่ไกล และทันทีที่โยธาได้ยิน สายตาราบเรียบก็ช้อนตามองไปยังตรงทางเข้าของโรงอาหารทันที ทำให้เขาและเธอได้ประสานสายตากันพอดิยพอดี พริกไทยที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองอยู่ก็ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะรีบย้ำเท้าเดินไปหาที่โต๊ะ
“ที่รักค่ะ…”
“พากลับคอนโดแค่คืนเดียวเองถึงกับเรียกที่รักเลยเหรอวะ มึงนี่มันไม่เบาเลยนะไอ้โย”
“จึ๊ ผีเจาะปากมึงมาพูดเหรอวะไอ้ตฤณ” โยธาตวัดสายตามองตาขวางใส่เพื่อนข้างๆ อย่างนึกรำคาญที่ขยันพูดไม่หยุด
ตั้งแต่ที่เจอกันช่วงเช้าจนถึงตอนนี้ไอ้เพื่อนตัวดีของเขาก็ยังไม่หยุดแซวเรื่องที่เขาพาคนที่ยืนยิ้มให้เขาตอนนี้กลับคอนโดสักที จนบางครั้งเขาก็เริ่มจะรำคาญแล้วเหมือนกัน
“พี่สั่งข้าวอะไรมากินอะ พริกขอสั่งตามด้วยสิ”
“ไอ้โยมันสั่งข้าวพริกแกงผะ…อื้อ~ ไอ้เชี้ยโยมือเค็มฉิบหาย ถุย! มึงเอามือมาปิดปากกูทำเชี้ยไรเนี่ย”
“แล้วมึงเป็นเชี้ยไร พูดไม่หยุดสักที”
“อะไรของมึง ก็น้องเขาถามกูก็จะตอบให้ไง”
“มึงอย่าเสือกได้ไหมว่ะ อีกอย่างมึงช่วยเดินไปสั่งข้าวพร้อมกับพวกไอ้ทามสักทีเถอะ กูปวดหัว”
“มึงไม่อยากให้น้องเขาสั่งข้าวตามมึงเพราะน้องเขากินเผ็ดไม่ได้ก็พูดมาเถอะ โธ่ไอ้สัส เป็นห่วงเขาก็พูดมาเหอะ เก๊กอะไรนักหนาวะ” ทำตาขวางใส่เพื่อนจบ ตฤณก็ช้อนตาขึ้นขยิบตายิ้มกริ่มกับพริกไทยอย่างรู้กัน จนคนที่ถูกมองขวางจากเพื่อนก่อนหน้านี้อย่างโยธาเห็นเข้าพอดีเลยรีบผลักไสไล่ส่งเพื่อนไปให้พ้นๆ อย่างนึกรำคาญ
“มึงช่วยไปสักทีเถอะก่อนที่กูจะใช้เท้ายันมึงออกไป”
“แหม่ดุจังนะครับไอ้สัส เออ! ไปก็ได้ว่ะ”
ฟุบ!
“เป็นห่วงพริกเหรอ” เมื่อตฤณโดนไล่ออกไปแล้ว พริกไทยก็ถือวิสาสะขยับลงไปนั่งข้างๆ โยธาแทน ก่อนจะถามเสียงหวานออกไป เมื่อรู้ความจริงว่าที่ไม่อยากให้เธอสั่งข้าวตามเพราะเป็นห่วงเป็นใยเธอ
“เปล่า”
“แหม่ เป็นห่วงก็พูดมาเถอะ พริกอนุญาตให้พี่ห่วงใยพริกเสมอแหละ” พริกไทยเท้าคางพูดพร้อมกะพริบตาปริบๆ มองคนหน้าหล่อตรงหน้าอย่างหลงใหล
ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ ตอนเช้าก็หล่อ ตอนเที่ยงก็หล่อ ความหล่อไม่เคยลดละจริงๆ
“ถ้ายังไม่เดินไปสั่งข้าว เธอจะไม่ได้กินข้าวนะ” เมื่อถูกคนข้างๆ จ้องหน้าไม่วางตา เขาเลยจำเป็นต้องไล่เธอให้ไปสั่งข้าวมาแทน ไม่งั้นคงไม่ได้กินข้าวกันพอดี
“โอเค พี่กินช้าๆนะ เดี๋ยวพริกมากินด้วย”