เต็มใจ

1070 Words
บริษัทนธีร์ยานยนต์ “พิมพ์ ท่านรองยังไม่มาเหรอ” ครีมถามหาเจ้านายของเพื่อน “ยังเลยครีม ไม่รู้จะมาหรือเปล่า หากมีอะไรท่านประธานคงให้เราโทรศัพท์หาเองแหละ ว่าแต่เธอมีอะไรไหม” พิมพ์มาลากำลังตรวจงานบนโต๊ะทำงาน “ไม่มีหรอกแค่เป็นห่วง เจ้านายเธออารมณ์เหมือนเมนส์ไม่มา หงุดหงิดได้ทุกวันทุกเวลา นึกยังไงถึงย้ายมาเป็นเลขานุการของเขา” เพื่อนสนิทร่ายยาว “พูดมากน่าครีม นินทาเจ้านายไม่ดีนะ” หญิงสาวกลัวคนอื่นมาได้ยิน แล้วเอาไปฟ้องชายหนุ่มและจะเดือดร้อนเอาได้ “อื้อ เดี๋ยวใกล้เที่ยงโทรศัพท์หานะ” ก่อนจะปลีกตัวกลับไปยังที่ทำงาน ช่วงเช้า พิมพ์มาลาแค่ตรวจเอกสารไม่มีอะไร เธอมองต้นทางก็ไม่เห็นเจ้านาย จากนั้นก็นั่งก้มหน้าตรวจงานจนกระทั่งใกล้ถึงเที่ยง เสียงมือถือดังขึ้น เธอรีบยกขึ้นมาดูเห็นเบอร์แปลก ๆ หญิงสาวช่างใจจะรับหรือไม่รับดี สุดท้ายก็กดรับ (“สวัสดีค่ะ พิมพ์มาลาพูดค่ะ”) เอ่ยขึ้นอีกรอบ เมื่อต้นทางเงียบกริบไม่ยอมพูด (“ดิฉันขอวางนะคะ”) เสียเวลาตรวจงาน ก่อนจะถือมือถือไว้สักพักเผื่อคนทางนั้นจะพูด แต่กลับเงียบ เธอจึงกดวางสายทันที เธอคิดว่าเป็นพวกโรคจิต ช่วงพักกลางวัน สองสาวเพื่อนซี้พากันลงมากินข้าวที่ร้านอาหารในบริษัท เหล่าพนักงานจำนวนมากมาออกันตามร้านอาหาร ทำให้สองสาวเลือกเดินออกมานอกบริษัทมานั่งกินข้าวร้านตามสั่ง ความหิวทำให้สองสาวรีบตักข้าวใส่ปาก โดยไม่มีการพูดคุย จนกระทั่งข้าวหมดจานถึงได้คุยกัน “พิมพ์คืนนี้ไปงานวันเกิดพี่นุชกันไหม” ครีมที่อ่านไลน์กลุ่ม “ไปกันที่ไหนเหรอครีม” หญิงสาวถามเพื่อน “แป๊บนะ” ครีมส่งไลน์หาพี่นุช “สถานบันเทิงตอนหนึ่งทุ่ม” พวกเธอมักจะไปเที่ยวกลางคืนกันเป็นกลุ่มและตามวันสำคัญของเพื่อน ๆ หรือตามวันหยุดที่หยุดติดต่อกันหลายวัน ส่วนใหญ่พิมพ์มาลาไม่ค่อยได้ไปบ่อย เธอไม่อยากใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ต้องเก็บเงินไว้ใช้หนี้บางส่วน ไหนจะส่งให้ยายทุกเดือนอีก หลายครั้งจึงปฏิเสธเพื่อน ๆ ไป “ดูก่อนนะครีม เดี๋ยวเราบอก” เธอไม่แน่ใจกลัวมีงานด่วน ยิ่งเจ้านายเธอไม่เหมือนชาวบ้านอยู่ด้วย “นาน ๆ ทีอยากให้ไปเปิดหูเปิดตา อุดอู้แต่ในห้องน่าเบื่อ” เพราะความเป็นห่วงอยากให้ได้ออกไปดูชีวิตข้างนอกบ้าง ทั้งสองแยกย้ายกันหลังจากกินข้าวอิ่ม พิมพ์มาลาเดินไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะออกมานั่งที่โต๊ะทำงานเช่นเดิม หญิงสาวรู้สึกแปลกใจตงิด ๆ จึงเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านาย เธอโล่งใจที่เจ้านายไม่ได้เข้ามาทำงาน เธอทำงานจนถึงเวลาเลิกงาน เมื่อตรวจความเรียบร้อยในห้องทำงานของชายหนุ่มเสร็จ เธอล็อกประตู และคว้ากระเป๋าสะพายพาดบ่าเดินออกจากที่ทำงาน ทว่าถูกเรียกให้ไปพบท่านประธานสุเมธที่ห้องทำงาน เธอจึงเดินเลี้ยวกลับ “สวัสดีค่ะคุณท่าน” เธอถูกให้เรียกเช่นนี้แทนที่ท่านประธาน “หนูพิมพ์ วันนี้เจ้าธีร์มันมาทำงานไหม” ปกติถ้าไม่เรียกมาพบก็จะโทรศัพท์มาถามไถ่หาลูกชาย “วันนี้คุณธีร์ไม่ได้เข้าบริษัทค่ะ คุณท่านมีอะไรจะใช้หนูไหมคะ” เธอไม่อยากให้พ่อของชายหนุ่มคิดมาก พักนี้สุขภาพท่านไม่ค่อยจะดี “เฮ้อ ไอ้ลูกคนนี้เมื่อไหร่มันจะมีความรับผิดชอบเสียทีนะ” เสียงถอนหายใจหนัก ๆ “คุณท่านอย่าคิดมากเลยค่ะ เดี๋ยวไม่สบายนะคะ” หญิงสาวทำได้เพียงให้กำลังใจแก่คนสูงอายุเท่านั้น เธอคือคนนอกจะก้าวก่ายมากก็ดูไม่ดี “ยายหนูโชคดีนะที่มีหลานแบบหนู ถึงไม่ร่ำรวยแต่ก็มีความสุข มากกว่าพวกฉัน” ยามที่นึกถึงครอบครัวหญิงสาวที่มีกันสองคนยายหลาน แต่กลับมีความสุขเสียยิ่งกระไร ความเป็นมาก่อนที่หญิงสาวจะได้เปลี่ยนหน้าที่ คุณสุเมธเป็นคนช่วยจ่ายค่ารักษาโรงพยาบาลให้แก่ครอบครัวหญิงสาว หลังจากที่ทราบข่าวจากพนักงานที่นี่ พูดถึงเด็กสาวฝึกงานในช่วงสามปีที่ผ่านมา ยายเข้าโรงพยาบาลไม่มีค่ารักษา ท่านสุเมธจึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลและเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด “อะไรนะคะ” พิมพ์มาลาพนักงานฝ่ายเอกสาร “อื้อ ตามที่บอกหนูนั่นแหละ” คุณสุเมธนั่งประสานมือบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ “คุณท่านจะให้หนูไปเป็นเลขานุการของคุณนธีร์เหรอคะ” เหมือนหญิงสาวจะหนักใจกับคำพูดของท่านประธาน เธอได้ยินหลายคนพูดถึงชายหนุ่มในแง่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “อื้อ ถ้าหนูไม่อยากรับหน้าที่นี้ ฉันก็ไม่บังคับ เพราะคงไม่มีใครทนพฤติกรรมของเจ้าธีร์มันได้หรอก” ทุกครั้งที่มีเลขานุการคนใหม่ก็ต้องถูกไล่จนอยู่ที่นั่นไม่ได้ ด้วยความที่คุณสุเมธช่วยเหลือด้านการเงินให้กับทางครอบครัว แม้จะลำบากใจแต่เธอก็อยากตอบแทนบุญคุณที่ท่านช่วยเหลือ หญิงสาวสูดหายใจจนไหล่กระเพื่อมขึ้น ก่อนตัดสินใจตกลง “ค่ะคุณท่าน หนูตกลงค่ะ” อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณ ท่านประธานสุเมธเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวรุ่นคราวลูก ท่านรู้สึกถูกชะตากับพิมพ์มาลาอย่างบอกไม่ถูก ท่านเชื่อว่าหญิงสาวต้องรับมือกับลูกชายที่ไม่เอาถ่านได้ดี “หากฉันทำให้หนูลำบากใจ หนูเปลี่ยนใจได้นะ” ท่านรู้กิตติศัพท์ลูกชายดี “อื้อ หนูเต็มใจค่ะ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแม้จะหวั่นไหวบ้าง แต่ก็ไม่ปฏิเสธ “ขอบใจนะหนูพิมพ์ ฉันเชื่อใจเธอว่าต้องเปลี่ยนนิสัยของเจ้าธีร์มันได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ขอบใจหนูอีกครั้งนะ” รอยยิ้มอย่างมีความหวังที่จะให้ลูกชายเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้บ้าง ไม่ใช่มัวแต่ขลุกอยู่ที่อู่ซ่อมรถ จนไม่ยอมสนใจงานบริษัทเช่นนี้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หญิงสาวก็ย้ายมาทำงานเป็นเลขานุการของลูกชายท่านบริษัท
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD