“ผมว่าพี่ดรีมดูเพลียๆ แล้วก็ใจลอยน่ะครับ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ บอกผมได้มั้ย”
“เอ่อ...พี่...ความจริงก็มีเรื่องหนึ่งจ้ะที่พี่ต้องบอกโดม”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“ช่วงนี้คุณซันเค้าประชุมจนถึงค่ำบ่อยๆ แล้วพี่ก็ต้องคอยจดสรุปการประชุมให้ด้วย เค้าก็เลยเช่าคอนโดใกล้บริษัทเอาไว้ให้พี่จะได้ไม่ต้องกลับดึก เพราะฉะนั้นพี่คงไม่ได้กลับบ้านทุกวันนะจ๊ะ โดมอยู่คนเดียวได้ใช่รึเปล่า”
“ได้สิครับ ไม่ต้องห่วงเลย พี่ดรีมต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาใช้หนี้คุณซันเค้าใช่มั้ยล่ะ ได้นอนใกล้บริษัทก็ดีเลยพี่จะได้ไม่เหนื่อย แต่คุณซันเค้าใจดีจริงๆ นะครับ ถึงขนาดเช่าคอนโดให้พี่ด้วย นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นเลขาฯ กับเจ้านาย ผมต้องนึกว่าพี่ดรีมเป็นเด็กคุณซันแน่เลย”
“อุ๊ย!” สิ้นคำพูดน้องชายมีดปอกผลไม้ก็บาดเข้าที่ปลายนิ้วของเธอจนเห็นเลือดซิบออกมา
“พี่ดรีม! เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ เลือดออกด้วย”
“เอ่อ...มะ...ไม่เป็นไรจ้ะ แค่มีดบาดนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวพี่ไปล้างแผลในห้องน้ำก่อนนะ”
“ครับๆ รีบไปเลย”
“จ้ะ” หญิงสาวรีบลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั้น เพราะกลัวว่าน้ำตาของเธอจะไหลออกมาให้น้องชายได้เห็น
“พี่ดรีม! ทำอะไรอยู่ในห้องน้ำตั้งนานครับ เลือดออกเยอะมากเหรอ ให้พยาบาลมาดูหน่อยมั้ย”
เพราะเห็นว่าพี่สาวเข้าไปนานแล้วก็ยังไม่ออกมาเขาจึงนึกเป็นห่วงก่อนจะเห็นพี่สาวเดินออกมาจากห้องน้ำในที่สุด
“จะเรียกทำไมจ๊ะ พี่ฉี่อยู่ต่างหากเล่า เลือดไม่ไหลแล้วล่ะ ไม่เชื่อก็ดูสิ” เธอยื่นมือไปให้น้องชายได้ดูเมื่อเขาเห็นว่าไม่มีเลือดออกแล้วจริงๆ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“โธ่ ก็ผมนึกว่าเลือดพี่ไหลเยอะนี่นา ดูสิ ตาแดงๆ ด้วย เจ็บจนน้ำตาไหลเลยเหรอครับ”
“เอ่อ...มีดบาดก็ต้องเจ็บสิจ๊ะ อย่ามาแซวพี่นักเลย พี่ว่าจะถามอยู่เหมือนกันว่าผลไม้ที่พี่ปอกนั่นน่ะ ใครซื้อมาเยี่ยมไข้เหรอ ใช่แฟนรึเปล่า” เธอทรุดตัวลงนั่งข้างเขาแล้วหยิบผลไม้มาปอกอีกครั้ง
“บอกแล้วไงว่าผมยังไม่มีแฟน เป็นเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมน่ะครับ มันเอาการบ้านมาฝากเพียบเลยด้วย แต่ผมยังไม่ได้ทำเลยสักวิชา”
“อดทนหน่อยนะจ๊ะ อีกสองวันก็ได้กลับบ้านแล้ว พอหายดีเมื่อไหร่ก็จะได้ใช้ชีวิตเป็นปกติแล้วล่ะ”
“ครับ พี่ไม่ต้องห่วงผมนะ ผมจะตั้งใจเรียนแล้วเอาเกียรตินิยมมาฝากพี่ให้ได้เลย”
“จ้า อะนี่ กินผลไม้ก่อน พี่ปอกเสร็จละ” เธอบอกพร้อมกับยื่นแอปเปิลชิ้นเล็กๆ ให้เขา
“ขอบคุณครับ”
จากนั้นสองพี่น้องก็ชวนกันคุยไปเรื่อยเปื่อย พอดึกหน่อยเธอก็เข้าไปอาบน้ำแล้วนอนเฝ้าเขาหนึ่งคืนจนกระทั่งเช้าก็แต่งตัวออกไปทำงานตามปกติ
หลังจากพี่สาวของเขาออกไปได้ราวหนึ่งชั่วโมง ประตูห้องของคนป่วยก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมกับนักศึกษาสาวผมสั้นหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราคนหนึ่ง
“อ้าวคะน้า มาเยี่ยมพี่เหรอ นั่งก่อนสิครับ”
“ขอบคุณค่ะ คะน้าขับรถผ่านร้านขนมร้านนี้ดูน่ากินเลยซื้อมาฝากพี่โดมค่ะ ตั้งใจจะมาเยี่ยมหลายวันแล้วล่ะแต่ป๊าน่ะสิชอบใช้ให้เฝ้าร้านตลอดเลย ก็เลยไม่ได้มาซะที นี่จ้ะ” คณานางค์บอกพลางยื่นถุงขนมให้กับเขา
“ขอบใจนะ แต่วางไว้ตรงนั้นก่อนได้มั้ยครับ พี่ขยับตัวลำบากนิดหน่อยน่ะ”
“อ้าวเหรอคะ งั้นให้คะน้าป้อนให้ดีรึเปล่า”
“เอ่อ...”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ พนักงานเค้าบอกว่าต้องกินตอนที่ยังอุ่นๆ อยู่ เนื้อครีมข้างในถึงจะอร่อยด้วยล่ะ”
แล้วเธอก็แกะกล่องขนมที่นำมาก่อนจะหยิบมาชิ้นหนึ่งแล้วป้อนส่งให้เขา เมธาวินจึงได้อ้าปากรับอย่างเขินๆ เพราะนอกจากพี่สาวแล้วก็ยังไม่มีสาวคนไหนป้อนขนมให้เขาเลยสักคน
“แล้วยังไม่ไปเรียนอีกเหรอ สายแล้วนะ”
“ก็กำลังจะไปเรียนนี่แหละค่ะ ขับรถได้ครึ่งทางพี่กุ้งก็โทรมาบอกว่าอาจารย์ป่วยเลยไม่ได้มาสอน หนูเลยเลี้ยวรถมาหาพี่ที่โรงพยาบาลนี่แหละ ไว้ถึงคาบบ่ายค่อยออกไปเรียนอีกที แล้วพี่โดมอยู่คนเดียวเหรอคะ พี่ดรีมไปไหนล่ะ”
“พี่เค้าไปทำงานน่ะ”
“อ๋อ นั่นสิเนาะ วันนี้เป็นวันธรรมดานี่นา พี่ดรีมเค้าก็ต้องไปทำงานอยู่แล้ว หนูก็ถามอะไรไม่คิดเลย แฮ่...”
คนน่ารักยิ้มจนตาหยีพร้อมกับปัดผมหน้าม้าของตัวเองแก้เขิน ก่อนจะชวนเขาคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ จนคนป่วยไม่รู้สึกเบื่อกับการต้องอยู่คนเดียวเหมือนอย่างทุกวันที่ผ่านมา
จนกระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน เธอก็อาสาป้อนข้าวให้เขาอีกทั้งที่เขาก็กินเองได้ แต่ในเมื่อเธอกระตือรือร้นขนาดนั้นเขาก็ไม่อยากขัดใจพยาบาลพิเศษ พอเขากินอิ่มแล้วเธอจึงขอตัวไปเรียนในช่วงบ่ายและสัญญาว่าพรุ่งนี้จะแวะซื้อขนมมาให้เขาอีกเพราะเขาบอกว่ามันอร่อยมาก
ทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่ค่อยชอบกินขนมแบบนี้เลยสักนิด หรือจะเป็นเพราะคนที่ซื้อให้เป็นน้องสาวร่วมชั้นเรียนคนนี้กันแน่ เขาจึงได้นึกอยากกินมันทุกวันจนกลัวว่าถ้าหายจากโรคหัวใจ อาจจะได้กลายเป็นเบาหวานแทน