บทที่ 2 "บันเทิง"

1638 Words
หลายนาทีต่อมา... ฟุบ! "ไง ไปคุยกับโซดามาเหรอวะ กูเห็นมึงลงจากรถเสร็จก็พุ่งตัวไปที่ตึกเด็กปีสองชอบอยู่ทันที" หลังจากที่ผมกลับมาจากไปหาโซดามา ผมก็เดินกลับมาที่ห้องสโมสรและทันทีที่ผมหย่อนกายนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางที่หงุดหงิดไม่ถึงสองนาที ไอ้นักรบที่อยู่ในห้องทำงานประจำตำแหน่งของมันก็เดินออกมายืนล้วงมือในกระเป๋ากางเกงพิงขอบประตูพร้อมใช้น้ำเสียงยั่วตีนทักผม ผมก็เลยตวัดสายตาเข้มๆ จ้องหน้ามันแวบหนึ่งก่อนจะเรียกสายตากลับมาทางเดิมด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก เพราะมันผมถึงต้องไปที่ดอยอะไรไม่รู้กับโซดา ถอนตัวก็ถอนไม่ได้ ให้โซดาถอนตัวก็ไม่ยอมถอนอีกแล้วชีวิตผมแม่งเลือกอะไรได้บ้างว่ะ เหอะ เห็นว่าผมอกหักเหรอวะก็เลยส่งผมขึ้นไปบนดอย โคตรปัญญาอ่อนเลยแม่ง ผมไม่ได้อกหักขนาดนั้นเว้ย ผมแค่รู้สึกเซ็ง เซ็งที่ผมแม่งสลัดผู้หญิงที่เก็บไว้ในสต๊อกตัวเองทิ้งไปหมดเพื่อคุยกับใบเฟิร์นคนเดียว แต่ดูยัยนั่นทำกับผมดิว่ะ ทิ้งกูไปเอาผัวใหม่เฉยเลย แล้วประเด็นคือ จะให้ผมกลับไปรวบรวมสาวๆ กลับมาวางในสต๊อกใหม่อีกครั้ง ผมก็รู้สึกว่าไม่อยากทำแล้วว่ะ มันหมดแพชชั่นอะ ครับผมหมดแพชชั่นที่จะเป็นไอ้หล่อคาสโนว่าแล้วว่ะ อยากมีใครสักคนที่แม่งเข้ากับผมได้อยู่ด้วยกันได้แบบที่ไอ้พวกนักรบมาร์ตินไคโรมันมีกันอะ แต่ดูสภาพผมตอนนี้ดิว่ะ โดนสั่งให้ขึ้นไปฟื้นฟูโรงเรียนห่าเหวอะไรไม่รู้บนดอย แล้วแม่งไม่ได้ไปแค่วันสองวันนะ ไปเป็นอาทิตย์ กูอยากจะบ้าตาย "ทำหน้าแบบนี้ กูรู้เลยว่ามึงไปคุยกับโซดาให้ถอนตัวออกแต่น้องมันไม่ถอน ใช่ไหมวะ" ไอ้สัสรู้ดีไปอีก แม่งมีตาทิพย์หรือไงวะ "เออ กูไปคุยกับยัยนั่นมาแล้วยัยนั่นก็ปฏิเสธคำขอของกูด้วย ดื้อจะไปให้ได้เลยแม่ง" ผมตอบไอ้นักรบด้วยน้ำด้วยเสียงหงุดหงิดไม่พอ ผมยังหงุดหงิดจนใช้เท้าเตะขาโต๊ะเตี้ยตรงหน้าเพื่อระบายอารมณ์ตัวเองไปด้วย ก็ผมแม่งหงุดหงิดสัสๆ อะ ยัยเด็กบ้านั่นแม่งดื้อฉิบหาย "หึ เอาน่า มึงก็ไปด้วยกันกับโซดานั่นแหละ น้องรหัสมึงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีอะไร มึงอะคิดมาก" ดูไอ้เหี้ยนักรบพูดดิ มันไม่ใช่ผมแต่มันเสือกพูดจาง่ายๆ ชิวๆ มันจะไปรู้อะไรวะ คนอย่างโซดาแม่งน่ากลัวขนาดไหนพวกมันเคยเห็นโมเม้นท์นั้นหรือยังเถอะ อะ ไหนๆ ก็พูดมาถึงตรงนี้แล้ว... ผมเล่าให้ฟังเลยแล้วกัน สาเหตุที่ทำให้ผมไม่อยากไปเข้าค่ายฟื้นฟูอะไรนั่นกับโซดาก็เพราะตอนรับน้องปีหนึ่ง ผมได้เห็นมุมที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักๆ ง้างมือตบหัวเด็กผู้ชายปีหนึ่งเพราะมัวแต่เล่นไม่ยอมรีบกินข้าวก่อนที่พี่ว้ากปีสามอย่างพวกผมจะเรียกรวมกลุ่มอีกครั้งมาแล้วอะดิ วันนั้นผมผ่านไปแถวนั้นพอดีได้เห็นฉากนั้นแล้ว ก็ทำเอาผมอึ้งไปเลยรวมไปถึงเด็กปีหนึ่งกลุ่มนั้นด้วย แถมหลังจากโดนตบหัวเรียงตัวไปแล้วยังโดนโซดาบ่นจนสำนึกแทบไม่ทันอีก ผมได้ยินประโยคที่หลุดออกมาจากปากยัยเด็กนั่นแล้วก็ถึงกับแอบลอบกลืนน้ำลายเลยล่ะ ด่าเจ็บฉิบหาย! หลังจากโซดาบ่นเสร็จก็หันมาทางผมที่ยืนดูตรงนั้นพอดี แต่รู้ไหมว่าตอนที่ยัยนั่นหันมาผมเผลอสบตาดุๆ ที่ตวัดจ้องหน้าผมพอดี ผมถึงกับต้องรีบหลบสายตาแล้วทำเป็นมองอย่างอื่นแทนก่อนที่จะตีเนียนเดินหนีไปในที่สุด เหอะ ทีนี้ก็เข้าใจผมแล้วใช่ไหมว่าทำไมผมไม่อยากไปเข้าค่ายร่วมกับยัยนั่น ก็ถ้ายัยเด็กนั่นเกิดพลาดท่าผีเข้าขึ้นมาผมจะไม่โดนตบหัวจนเสียหมาไปเลยเหรอวะ "มึงก็พูดได้สิวะไอ้รบ มึงไม่ได้ไปนี่ กูนี่ที่ไป ไอ้สัสเอ้ยมีคนตั้งเยอะตั้งแยะในกลุ่มพี่วินัยแต่เสือกเลือกกู" หลังจากที่ผมสลัดภาพจำก่อนหน้านี้ของโซดาทิ้งไปแล้ว ผมก็ตวัดสายตาตอบไอ้นักรบที่เดินมานั่งตรงข้ามผมด้วยน้ำเสียงที่ยังคงไม่สบอารมณ์เหมือนเดิม "ไอ้ไคมันเลือกมึงอะ กูจะค้านก็ขี้เกียจจะเถียงกับมัน อีกอย่างมันเป็นห่วงมึงอยากให้มึงไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง" โห่ ไอ้พวกเวรเอ้ย เป็นห่วงกูจังเลยครับ กูเชื่อก็โง่ละ "ขอบใจ แต่คราวหลังไม่ต้องแล้วนะ" ผมตอบไอ้นักรบแค่นั้นก็กลอกตาใส่มันไปหนึ่งที มันที่เห็นผมทำหน้าแบบนั้นใส่ตัวเองก็เลยยกยิ้มมุมปากขำใส่ผมกลับมา "หึ เออกูรู้แล้ว" หลังจากที่ผมคุยกับไอ้นักรบเสร็จ ผมก็นั่งนิ่งทำใจเรื่องที่ต้องไปเข้าค่ายอยู่สักพัก ก่อนที่สุดท้ายผมจะลุกขึ้นเตรียมตัวขึ้นไปเรียนกับไอ้นักรบด้วยความรู้สึกที่ยังเซ็งไม่หายแต่ก็ต้องเดินออกมาจากห้องพักตรงไปยืนรอลิฟต์เพื่อขึ้นไปเรียนชั้นหกด้วยกัน ภาคเช้าวันนี้ผมกับไอ้นักรบเรียนเซตเดียวกันเป็นวิชาอิสระตัวเลือกเหมือนกันส่วนไอ้ไคกับไอ้มาร์ตินพวกมันสองคนไม่มีเรียนเช้า สองคนนั้นก็เลยค่อยมาทีเดียวตอนภาคบ่าย ส่วนผมกับไอ้นักรบเรียนเสร็จตอนเช้าตอนบ่ายฟรีไม่มีเรียน ผมที่ต้องไปค่ายของคณะพรุ่งนี้ก็เลยได้กลับไปเก็บของก่อน ติ๊ง! "ป่ะ ลิฟต์มาแล้ว" ผมเก็บโทรศัพท์ที่เอาออกมาเล่นระหว่างยืนรอลิฟต์หลังจากที่ไอ้นักรบมันบอกว่าลิฟต์มาแล้วพร้อมยกแขนโอบไหล่ผมขยับเท้าเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน ผมเป็นคนกดปุ่มลิฟต์ชั้นหกเสร็จก็รอประตูลิฟต์ปิด แต่... "รอก่อนค่า!! ขอไปด้วยค่ะ!" ผมเห็นแวบๆ ว่าผู้หญิงที่ตะโกนว่าให้รอก่อนเป็นยัยโซดาที่กำลังวิ่งหน้าตื่นมาพอดีก็เลยรีบกดปุ่มปิดประตูลิฟต์รัวๆ ให้ประตูลิฟต์ปิดไวขึ้นก่อนที่จะยกยิ้มร้ายๆ ตรงมุมปากพร้อมยักคิ้วให้โซดาเห็นระหว่างช่องแคบของประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิดสนิท ปึก! อ่า~ ทำไมแม่งรู้สึกมีความสุขแบบนี้วะเนี่ย แค่นึกถึงสีหน้าของโซดาที่ทำหน้ามุ่ยพร้อมยื่นมือสุดแขนหวังจะเปิดประตูลิฟต์เมื่อกี้แต่ไม่ทัน ผมแม่งก็อดฉีกยิ้มมีความสุขขึ้นมาไม่ได้เลยว่ะ ไอ้เชี้ยเอ้ยสนุกว่ะ "เลือดเย็นสัสๆ" เสียงไอ้นักรบที่ยืนล้วงมือในกระเป๋ากางเกงอยู่ข้างๆ ผมว่าขึ้นเสียงเรียบ ผมก็เลยหันไปมองมันแวบหนึ่งก่อนจะยักไหล่ใส่มันเบาๆ อย่างไม่แยแสกลับไป จากนั้นก็หันหน้ากลับมาทางเดิมต่อ ใช้เวลาในลิฟต์ไม่นานลิฟต์ก็จอดชั้นหกพอดี ผมกับไอ้นักรบก็เลยเดินออกมาจากลิฟต์มุ่งตรงไปที่ห้องเรียนที่เห็นอยู่ด้านหน้า เข้ามาในห้องเรียนเรียบร้อยแล้วผมกับไอ้นักรบก็เลือกนั่งตรงกลางห้องเพราะจะได้เห็นจอโปรเจคเตอร์ได้ชัดและได้เห็นหน้าอาจารย์ชัดด้วย หึ งงละสิที่เห็นว่าผมดูเป็นพวกใส่ใจการเรียนแบบนี้ ผิดกับบุคลิกที่ดูทะเล้นไม่เอาไหนทำตัวเจ้าชู้ไปวันๆ ผมจะบอกให้นะ ถึงผมจะดูไม่เอาไหนแต่ผลการเรียนของผมเอทุกตัวตั้งแต่ปีหนึ่งเลยนะครับ ขนาดไอ้นักรบที่มีตำแหน่งเฮดว้ากยังไม่ได้เอทุกตัวแบบผมเลย ผมบอกเลยว่าถ้าใครผู้หญิงคนไหนได้ผมไปเป็นพ่อพันธุ์นะครับ คุณจะได้ลูกที่มีคุณภาพแน่นอน ผมการันตีเลย เชื้อดีทุกตัว ตุบ! เฮือก! ไอ้เชี้ยเอ้ย ตกใจหมด "เลือดเย็นมากนะที่เมื่อกี้รีบปิดประตูลิฟต์ไม่ยอมให้ขึ้นด้วยอะ" ผมก็นึกว่าใครที่กล้าดีฟาดกระเป๋าลงมาบนโต๊ะของผมจนสะดุ้งวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างขนาดนี้ ก็จะใครอีกละครับ ถ้าไม่ใช่ยัยโซดาหน้าดุเหมือนยักษ์ขาดสารอาหารอะ "ก็ไม่อยากยืนหายใจร่วมกันในลิฟต์อะ เธอมีปัญหาอะไรไหม" ผมถามเสียงเข้มกลับไป "เหอะ แล้วลิฟต์พ่อพี่ทำให้ใช้คนเดียวหรือไง" ซี้ด~ ยัยโซดาแม่งเล่นพ่อเลยเหรอวะ แต่ด้วยจังหวะที่ผมกำลังจะหันไปเถียงโซดา อาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามาเตรียมสอนพอดี ผมก็เลยเลือกที่จะสงบสติอารมณ์แล้วไล่ให้เธอออกไปแทน เพราะอาจารย์จะสอนหนังสือแล้ว "อาจารย์จะสอนแล้ว เธอออกไปได้แล้ว" "ขอโทษนะ ฉันก็เรียนวิชานี้ค่ะ และฉันก็จะนั่งแย่งอากาศหายใจกับพี่ตรงนี้ด้วย" ฟุบ! "..."
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD