พี่ร้ายนักนะ ทำหนูใจเต้นหลายครั้งเลย

2120 Words
ตอนคาดหวังและทำใจไว้เขากลับไม่ตอบ แต่ตอนไม่ได้เตรียมใจกลับมีคำตอบให้ฉัน ผู้ชายคนนี้ไม่เคยพูดอะไรที่ฉันอยากฟังในจังหวะดีๆ ได้เลย ชอบเล่นทีเผลอตลอด อย่างตอนนี้ถ้าเขาปฏิเสธฉันอีกครั้งฉันจะสามารถเดินเลือกซื้อของขวัญกับเขาได้ต่อไหมเนี่ย “เป็นอะไรลังเลไม่อยากฟังแล้วเหรอ” “เปล่าค่ะ แค่...รู้สึกกลัวคำตอบนิดหน่อย” “ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเธอก็ดูไม่น่าจะกลัวเรื่องพวกนี้เลยนะ ทั้งเป็นฝ่ายมาหาฉันถึงบ้านก่อน สารภาพรักก่อน ยังมีอะไรให้กลัวอีกล่ะ” “กลัวถูกปฏิเสธไง” ฉันว่าพลางก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา แต่สัมผัสได้นะว่าเขากำลังมองหน้าฉันอยู่ “แล้วถ้าพี่ปฏิเสธเธอจะรู้สึกแย่มากเหรอ” “พี่เคยชอบใครสักคนมากๆ แต่พี่ไม่มั่นใจว่าเขาจะชอบพี่ไหม ทั้งเขายังเคยปฏิเสธพี่มาก่อนด้วย แบบนี้พี่จะกลัวคำตอบของเขาไหมล่ะ” “ไม่กลัวหรอก” เขาเอ่ยขึ้นทันทีอย่างไม่ลังเล “โดนปฏิเสธรอบนี้ รอบหน้าเขาอาจจะตอบตกลงก็ได้” พี่พนายิ้มอ่อน แต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ปลอมและโศกเศร้าที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย นี่เรากำลังพูดถึงเรื่องเดียวกันอยู่ใช่ไหมนะ “พี่พูดขนาดนี้หนูจะลองเตรียมใจอกหักอีกสักรอบก็ได้” เอาเถอะถูกปฏิเสธก็เหมือนการสอบตก พอเคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วครั้งต่อไปก็จะเสียใจน้อยลง ตราบใดที่เขายังไม่มีแฟนฉันก็จะไม่ละความพยายามหรอก ให้มันรู้กันไปว่าความน่ารักของฉันจะทำให้เขาหลงรักไม่ได้ “คำตอบของพี่คือ...” ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก คืออะไรรีบพูดสิคะ ฉันตื่นเต้นจนฉี่แทบราดอยู่แล้ว ละแอร์รถคันนี้ก็หนาวเสียจริงฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัวเลย “ถ้าเธอคิดว่าทำได้ก็ลองดู พี่จะไม่ปิดกั้นเธอแต่ไม่รับปากว่าจะตกลงคบกับเธอ ถ้าเธอทำให้พี่รู้สึกชอบเธอได้พี่จะเป็นฝ่ายขอเธอเป็นแฟนเอง” “ได้ค่ะ! แค่พี่ให้โอกาสหนูจีบพี่ก็ดีมากแล้ว แต่พี่พูดจริงๆ นะ” “อืม พี่ไม่เคยล้อเล่นกับความรู้สึก” “เย้!!” ฉันยกมือขึ้นดีใจอย่างลืมตัวหันไปเห็นอีกครั้งพี่พนาก็นั่งหัวเราะฉันอยู่ หึ เริ่มเอ็นดูฉันแล้วล่ะสิ “พี่ให้โอกาสหนูแบบนี้ แปลว่าเริ่มชอบหนูขึ้นมานิดนึงแล้วใช่ไหม” “ใครบอกเธอ” “เอ้าก็ตอนแรกพี่ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ตอนนี้พี่กลับยอม...หรือว่าติดใจจูบเงอะงะของหนู” เอาสิ! นาทีนี้ด้านได้อายอด รู้จักสายน้ำน้อยไปแล้วพี่พนา จากนี้พี่หนีน้ำไม่พ้นแล้ว “ชมว่าไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้แปลเธอจูบดีนะ ฝีมือแบบนี้ต้องฝึกอีกเยอะ” เขาเอ่ยขึ้นโดยที่ไม่ได้คิดอะไร ต่างจากฉันที่เริ่มคิดไปไกลละ “พี่พูดถูกค่ะ นักเรียนยังมีครูสอน งั้นเรื่องนี้พี่สอนหนูได้ไหม” อยากจะกรี๊ดดดด ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย นึกไม่ออกเลยว่าถ้าพี่โยธาได้รู้ว่าน้องสาวตัวเองเริ่มมีนองอกขึ้นมากลางจมูกแบบนี้จะช็อกไหมนะ เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่กับพี่โยธาฉันก็มักจะเป็นเด็กเรียบร้อยพูดน้อยน่ารัก ไม่ได้ใจกล้าบ้าบิ่นและหน้าด้านท้าชนจีบผู้ชายก่อนแบบนี้ แต่เอาเถอะถือคติด้านได้อายอด ถ้าฉันไม่จีบก็ไม่มีทางได้เขามาหรอก และยิ่งไม่มีทางอยู่ในสายตาเขาด้วย ณ ห้างสรรพสินค้า หลังจากจอดรถเสร็จสรรพพี่พนาก็เดินนำฉันเข้ามาในห้าง แต่ไอ้คนที่ปกติมักจะใส่แต่รองเท้าผ้าใบไม่ได้ใส่ส้นสูงเสียดฟ้าแบบนี้ก็เดินลำบากหน่อย เฮ้อ...พวกพี่สาวสวยๆ เขาเดินบนส้นสูงแบบนี้เป็นวันๆได้ยังไงนะ แค่แป๊บเดียวฉันก็สัมผัสได้ถึงความลำบากแล้ว “เป็นอะไร เจ็บเท้าเหรอ” “เปล่าค่ะ” ปากพูดอย่างแต่ในใจกลับคิดอีกอย่าง ถ้าส้นเท้าฉันมันพูดได้คงตะโกนออกมาแล้วว่า ‘เออเจ็บเว้ย! เห็นไหมว่าส้นสูงมันกัดเท้า’ ฉันก็จะตอบกลับไปทันทีว่า ‘เออ! ฉันเห็นและก็เจ็บด้วยแต่คนมันจำเป็นต้องสวยอดทนหน่อยไม่ได้หรือไง’ “ตามพี่มานี่” หมับ! “อ้ะ!” ฉันเผลอร้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ฝ่ามืออุ่นก็เอื้อมมาจับมือเย็นของฉันไว้แล้วดึงให้เดินตามเขาไป ฉันไม่ได้ออกแรงต้านปล่อยให้เขาจับมือลากเดินไป ส่วนตัวเองก็เดินตามหลังเขาเงียบๆ และแอบกรี๊ดอยู่ในใจ ใครจะคิดล่ะว่าวันหนึ่งฉันจะได้มีโอกาสเดินตามหลังเขาพร้อมกับจับมือแบบนี้ ดีจัง... “ถึงแล้ว” เอาแต่เหม่อดีใจจนไม่ทันได้สังเกตเลยว่าพี่พนาพาฉันเดินเข้ามาในร้านรองเท้า “เข้าไปเลือกมาสักคู่สิเดี๋ยวพี่ซื้อให้ ถือว่าเป็นของขวัญตอบแทนที่ทำให้เธอเสียเวลามาช่วยพี่เลือกของขวัญวันเกิดให้ผิง” “จะดีเหรอคะหนูเกรงใจอ่ะ” “รองเท้าคู่เดียวไม่ทำให้ขนหน้าเข้งพี่ร่วงหรอก เธอจะเลือกคู่ที่แพงที่สุดพี่ก็ไม่ว่า” สายเปย์สุดๆ แต่เอาเถอะเพราะที่พี่พนาพูดมาก็ไม่ผิดเลยสักนิด ได้ใช้เงินของพี่เขานิดหน่อยก็ถือว่าชดเชยที่พี่เขาเคยทำให้ฉันเสียใจก็แล้วกัน ฉันเดินฉีกยิ้มอารมณ์ดีเข้ามาในร้านรองเท้า กวาดสายตามองหาคู่ที่ถูกใจส่วนพี่พนาก็คอยเดินตาม เหมือนแฟนกันสุดๆ ไปเลย นี่ถ้าฉันใส่ชุดนักศึกษามาด้วยจะเหมือนเด็กเสี่ยไหมนะ ฮิฮิ “เสี่ยขาหนูลองคู่นี้ได้ไหม” ฉันแกล้งแซวอีกคนเล่นซึ่งตอนแรกที่ได้ยินสีหน้าพี่พนาก็ดูเหวอไปเล็กน้อย ฮ่าๆๆ แต่ตอนตกใจพี่เขาทำหน้าเหวอได้น่ารักมากเลยนะ “เล่นอะไรของเธอเนี่ยยัยบ๊อง” ว่าจบก็เขกหัวฉันเบาๆอีกหนึ่งครั้ง “หนูจำได้นะว่าเคยพูดแล้วว่าถ้าพี่เขกหัวหนูอีกจะต้องเลี้ยงดูหนูไปตลอดชีวิต” ฉันว่าพลางมุ้ยหน้าใส่เขา “เธอพูดไม่ครบ เธอบอกว่าถ้าพี่เขกหัวและเธอความจำเสื่อมไม่ก็พิการต่างหาก” “อุ๊ย คุณคือใครคะจำไม่ได้เลย ละ แล้วที่นี่ที่ไหน” การแสดงของฉันทำให้อีกคนหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง ดูสิ เขาหัวเราะเพราะฉันอีกแล้ว ดีใจจัง “เลิกเล่นแล้วเลือกได้แล้ว ไม่หิวหรือไง” “พูดปุ๊บก็หิวเลย งั้นหนูขอเวลาแป๊บหนึ่งนะคะ” “เดี๋ยวพี่นั่งรอตรงนี้” เอ่ยจบพี่พนาก็เดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ตัวยาว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น ฉันเดินเลือกราวสองนาทีก็เจอคู่ที่ถูกใจ เป็นรองเท้าผ้าใบสีแดงขาวเสริมส้นทรงสวย เห็นแค่แว๊บเดียวก็เรียกสายตาให้ฉันหยุดมอง ฉันหยิบรองเท้าคู่ดังกล่าวเดินมาหย่นก้นนั่งลงข้างพี่พนา ก้มลงไปถอดรองเท้าส้นสูงเพื่อลองผ้าใบคู่ใหม่ที่หยิบมา แต่ด้วยชุดที่สั้นและเป็นสายเดี่ยวทำให้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเวลาก้ม ท่าทางของฉันจึงดูเงอะงะลำบากไปสักหน่อย ยอมใจพี่สาวคนสวยที่เขาสามารถแต่งตัวสวยได้ทุกวี่วันเลย ฉันใส่แค่วันเดียวก็รู้สึกใช้ชีวิตลำบากแล้ว ฟึ้บ! “ทะ ทำอะไรคะพี่พนา” จู่ๆ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ลุกขึ้นย้ายลงมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าฉัน จากนั้นก็ช่วยถอดรองเท้าส้นสูงพร้อมกับเปลี่ยนเป็นผ้าใบคู่ใหม่ให้ ไม่ได้คาดหวังเลยสักนิดว่าพี่พนาจะช่วย ยอมรับเลยว่าทั้งตกใจและก็ดีใจ ตอนนี้หัวใจดวงน้อยๆ ของฉันมันเต้นไม่หยุดเลย “ครั้งหน้าถ้าไม่ถนัดก็ไม่ต้องใส่มาหรอก” “คะ?” “ทั้งรองเท้าแล้วก็ชุด มันสวยก็จริงแต่พี่รู้สึกว่าตอนเธอเป็นตัวเองแบบไม่ต้องพยายามมันมีเสน่ห์มากกว่า” ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก เดิมทีใจเต้นแรงอยู่แล้ว พอได้ยินพี่พนาพูดแบบนี้ฉันยิ่งห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ นี่เขากะจะฆ่าฉันทางอ้อมหรือไงรู้ไหมว่าทำแบบนี้มันทำให้ฉันใจสั่น “เอาล่ะเสร็จละ ชอบไหม” คำพูดนั้นดึงสติฉันที่กำลังจะหลุดรอยกลับเข้าร่างอีกครั้ง ฉันเดินมาดูที่หน้ากระจกเห็นรองเท้าคู่ใหม่ก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่า นี่แหละสิ่งที่ฉันคู่ควรไม่ใช่ส้นสูงเสียดฟ้าที่เพิ่งถอดออกไป “ชอบค่ะ หนูเอาคู่นี้แหละ” “ไม่เปลี่ยนใจเหรอ ยังไม่ได้ลองคู่อื่นเลยนะ” “ไม่ค่ะ ถ้าหนูปักใจว่าชอบอะไรแล้วหนูไม่เปลี่ยนใจหรอก” ก็เหมือนกับเขาที่ฉันตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน และจะไม่เปลี่ยนใจไปจากเขาง่ายๆ เด็ดขาด “งั้นไปจ่ายเงินกันเถอะ” “อื้ม!” ฉันยกยิ้มกว้างจนตาปิด สัญญาเลยว่าจะเก็บรักษารองเท้าคู่นี้เป็นอย่างดี พี่พนายื่นรองเท้าส้นสูงของฉันให้พนักงานช่วยหากล่องใส่ให้ จากนั้นก็จ่ายเงินโดยไม่บ่นสักคำว่ารองเท้าที่ฉันเลือกแพง ตอนแรกฉันหยิบโดยไม่ได้ดูราคาแต่ตอนกำลังจะเดินไปจ่ายเงินเมื่อกี้เพิ่งหันไปเห็นว่ารองเท้าคู่นี้ราคาหลักหมื่นเลย มือฉันก็ช่างดีเสียเหลือเกิน คู่หลักพันก็ว่าแพงแล้วดันไปหยิบคู่หลักหมื่น “เดี๋ยวหนูโอนเงินค่ารองเท้าคืนให้พี่ครึ่งหนึ่งนะ พี่จ่ายหมดหนูเกรงใจ” “ไม่ต้องคิดมากหรอกพี่ไม่ได้ขาดเงิน เธอถลุงได้เต็มที่เลย” “ป๋าเกิ๊น พี่เคยพูดแบบนี้กับใครอีกไหมเนี่ย” “ก็เคยนะ” จบกันคำตอบที่วาดฝันไว้ในจินตนาการว่าฉันเป็นคนพิเศษคนแรกของเขา แต่ก็อย่างว่าพี่พนาดีซะขนาดนี้ที่ผ่านมาก็ต้องดูแลคนอื่นดีเป็นธรรมดา “ยิ้มอะไร” “ยิ้มให้พี่ไง พี่ดีจังเลยค่ะ” “แค่ซื้อรองเท้าให้คู่เดียวก็ดีแล้วเหรอ” “ดีสิคะ ดีมากด้วย” ตั้งแต่ไหนแต่ไรในสายตาฉันผู้ชายก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้พิเศษอะไรจนดึงดูดให้ฉันสนใจ กระทั่งได้มาเจอพี่พนาผู้ชายคนแรกที่ทำให้ฉันอยากมองหน้าเขาไปทุกวัน “รอตรงนี้แป๊บหนึ่งนะ” พี่พนายื่นถุงกระดาษที่ใส่รองเท้าส้นสูงคืนให้ฉันส่วนตัวเองก็เดินเข้าไปในร้านยา หายไปแค่ครู่เดียวก็เดินกลับมา “ซื้ออะไรมาเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามเพราะมองไม่ชัดว่าพี่พนาถืออะไรไว้ในมือ มันเล็กเกินไป “มานั่งนี่สิ” เอ่ยจบก็ดึงแขนฉันให้นั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวตรงทางเดินในห้าง จากนั้นก็นั่งคุกเข่าต่อหน้าฉันอีกครั้ง “จะ จะทำอะไรคะ” ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักตกใจ “อยู่นิ่งๆ” พูดจบก็ถอดรองเท้าผ้าใบของฉันทั้งสองข้างจากนั้นก็หยิบของที่เพิ่งซื้อมา ซึ่งก็คือแผ่นปลาสเตอร์จิ๋วลายการ์ตูนติดหลังส้นเท้าฉันที่เป็นรอยจ้ำแดงจากการโดนรองเท้าส้นสูงกัด “ถ้าฝืนเดินต่อรองเท้าผ้าใบอาจจะกัดซ้ำ” เขาว่าพลางช้อนตาขึ้นมามองฉัน.. “ขอบคุณค่ะ” ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก เขาร้ายชะมัดทำตัวน่ารักขนาดนี้ฉันจะไปไหนรอดล่ะ เดิมทีก็ชอบมากอยู่แล้วมาทำแบบนี้อีก เอาเปรียบกันชัดๆ “ไปเถอะเรายังมีเรื่องสำคัญให้ต้องไปทำอีกสองเรื่อง” มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าฉันพอฉันเอื้อมจับพี่เขาก็ช่วยออกแรงพยุงร่างดึงฉันให้ลุกขึ้นยืน ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะปล่อยเลยไม่คิดว่าจะเดินจับมือฉันต่อ วันนี้คุ้มแล้วสายน้ำเอ้ย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD