สถานที่ต่อมาที่พี่พนาพาฉันเดินเข้ามาก็คือร้านเสื้อผ้าที่มีแต่ชุดน่ารักๆ ขายเต็มไปหมด
“พี่พาหนูมาที่นี่คือจะเลือกชุดเป็นของขวัญวันเกิดให้พี่ขนมผิงเหรอคะ”
“เปล่าเลือกให้เธอนั่นแหละ เห็นเธอใส่ชุดนี้ดูทำอะไรไม่ค่อยสะดวก”
ใส่ใจจังแฮะ
“งั้นพี่พนาช่วยเลือกให้หนูหน่อยได้ไหม แต่หนูจ่ายเงินเองนะ”
“เดี๋ยวพี่จ่ายให้”
“No No No ค่ะ แค่ค่ารองเท้าก็มากพอแล้วพ่อแม่หนูเคยสอนว่าห้ามเอาเปรียบคนอื่น แม้จะเป็นผู้หญิงก็ต้องแกร่งเลี้ยงตัวเองได้”
จบประโยคพี่พนาก็ยกยิ้มวางมือทาบบนหัวฉันก่อนจะลูบลงเบาๆ
“เด็กดีจังนะ แต่เธอเลี้ยงตัวเองได้แล้วเหรอ”
“เงินที่พ่อแม่ให้ไว้เป็นค่าขนมก็ถือว่าเป็นรายได้ของหนู เห็นหน้าแบบนี้แต่หนูก็เก็บเงินเก่งนะ”
“งั้นก็เก็บต่อไป ส่วนตอนนี้คนที่มีรายได้แล้วอย่างพี่จะจ่ายให้ก่อน”
“ให้หนูจ่ายเองเถอะ ไว้เป็นแฟนกันเมื่อไหร่พี่ค่อยเปย์หนูอีกก็ยังไม่สาย ถึงตอนนั้นหนูอาจจะปฏิเสธน้ำใจพี่น้อยลง”
ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นติดเล่นนิดหน่อย จนผ่านไปแป๊บนึงก็ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวจากอีกคน
“ก็ได้ งั้นตามใจเธอละกันแต่ถ้าเปลี่ยนใจอยากให้พี่จ่ายก็บอก”
“ไว้รอบหน้าหนูไม่เกรงใจหรอก แต่รอบนี้มันมากเกินไปแล้วจริงๆค่ะ”
“รอบนี้ยังไม่ทันกลับก็คิดถึงรอบหน้าแล้วเหรอ”
“ไม่ได้เหรอคะ หรือเราจะมาเที่ยวกันแค่รอบเดียว” พี่พนาไม่ได้เอ่ยตอบทำเพียงไหวไหล่เบาๆ และอมยิ้ม
ร่างสูงเดินดูเสื้อผ้าโดยมีฉันเดินตาม ตื่นเต้นอยู่นะไม่รู้ว่าเขาจะเลือกชุดแบบไหนให้ฉัน
“ลองตัวนี้ดู”
เดรสสีขาวสั้นแขนยาวทรงหลวม มีลักษณะเป็นผ้าพลิ้วบางเหมาะกับหน้าร้อน ซึ่งความยาวของกระโปรงก็เหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้นทำให้ไม่ต้องระวังมากจนเกินไป ด้านหน้ามีกระดุมตั้งแต่ช่วงหน้าท้องยาวขึ้นมาจนถึงต้นคอไม่ต้องกลัวเวลาก้มเงย
ใส่แล้วสามารถขยับเขยื้อนได้สะดวกมากขึ้น ทั้งยังน่ารักตามสไตล์ที่ฉันชอบใส่เป็นประจำด้วย
ดูแล้วคงมีแต่เสื้อผ้าแบบนี้สินะที่เหมาะกับฉัน
“ตาแหลมไม่เบานะคะ เชื่อไหมว่าในตู้เสื้อผ้าของหนูมีแต่ชุดคล้ายๆ แบบนี้”
“จริงเหรองั้นเปลี่ยนไหม”
“เปลี่ยนทำไมล่ะน่ารักออก” พูดจบฉันก็ดึงชุดในมือพี่พนามาถือไว้
“ไม่เบื่อเหรอใส่แต่เสื้อผ้าแบบเดิม”
“ไม่นะคะ อีกอย่างสีขาวหนูยังไม่มี” พูดจบฉันก็ยกยิ้มหวานให้เขาก่อนจะถือชุดสวยตัวใหม่เข้าไปเปลี่ยนในห้องลองเสื้อผ้า
ใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็เดินออกมาพร้อมกับชุดใหม่ที่พี่พนาเลือกให้กับมือ
“เป็นยังไงบ้างคะน่ารักไหม”
ฉันเดินออกมาหมุนตัวต่อหน้าพี่พนาซึ่งคนที่เลือกให้ก็ยกยิ้มภูมิใจในฝีมือการเลือกเสื้อผ้าของตัวเอง
“น่ารักดีนะ”
“งั้นเอาตัวนี้เลยนะคะ”
“ไม่เลือกตัวอื่นดูเหรอ มีอีกเยอะเลยนะ”
ฉันเดินห่อไหล่ทำหน้างอแงเข้ามายืนตรงหน้าพี่พนาในระยะประชิดจนปลายเท้าเราชนกัน จากนั้นก็เงยหน้ามองเขาที่ตัวสูงกว่า
“หนูหิวแล้วนี่คะ”
“อืม หิวก็ไปกินข้าวกัน”
ตอนแรกคิดว่าอ้อนแบบนี้เขาจะผลักฉันออกเสียอีก แต่ผิดคาดเพราะนอกจากจะไม่ผลักแล้วพี่พนายังหยิกแก้มฉันเบาๆ อีก
เอ็นดูฉันแล้วใช่ไหมล้าาา อิอิ
“ไอ้พนา” ขณะที่กำลังหยอกล้อกันเสียงทุ้มเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเรียกสายตาให้เราทั้งสองคนหันไปมอง
คนหนึ่งคือชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับพี่พนา ทั้งรูปร่างส่วนสูงก็คล้ายคลึงกันต่างแต่ชายคนนั้นหล่อน้อยกว่าพี่พนานิดนึง ข้างกายเขามีพี่สาวคนสวยเซ็กซี่ที่ใส่รองเท้าส้นสูงเสียดฟ้าเหมือนกับคู่ก่อนหน้านี้ที่ฉันสวม แต่เธอกลับใส่สูงกว่านั้นเล็กน้อย เสื้อผ้าเป็นเดรสเกาะอกสีแดงขับผิวขาวผ่อง ยอมรับเลยว่าเธอสวยมากจริงๆ
ซึ่งทั้งสองคนที่ฉันกำลังพูดถึงคือพี่อาทิตย์และพี่ครีมเพื่อนสนิทและแฟนเก่าของพี่พนา
ที่ฉันรู้เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่พี่ผิงเล่าอดีตฝังใจของพี่พนาให้ฉันฟัง พี่เขาก็ไม่ลืมเปิดรูปทั้งสองคนให้ฉันดู
แต่พี่ผิงบอกว่าพี่ครีมท้องนี่นา...ทำไมยังดูหุ่นดีอยู่เลยล่ะ ตามหลักความเป็นจริงตอนนี้พี่ครีมก็น่าจะท้องป่องได้แล้วสิ
“ไปจ่ายเงินก่อนเถอะเดี๋ยวพี่รอตรงนี้” พี่พนาหันมาคุยกับฉัน ฉันจึงพยักหน้ารับอย่างรู้ฟังเดินไปจ่ายเงินกับพี่พนักงาน
ระหว่างที่รอสายน้ำจ่ายเงิน อาทิตย์และครีมก็เดินเข้ามาทักทายพนา
“มาเที่ยวเหรอ”
ครีมเอ่ยถามโดยพยายามทำให้ทุกอย่างดูปกติเหมือนเดิม แม้เธอจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่เหมือนเดิมและอึดอัดมากก็ตาม
พนาทำเพียงมองหน้าพวกเขานิ่งๆ ไม่ได้เอ่ยตอบ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยจางหายไปเลยคือความโกรธและโศกเศร้าที่ฉายชัดในแววตา แม้เวลาจะผ่านไปนานพอสมควรแต่สำหรับพนาเขารู้สึกราวกับว่าเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดนี้เพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวาน
“เสร็จแล้วค่ะ”
สายน้ำจ่ายเงินเสร็จก็วิ่งเข้ามาเกาะแขนพนาพร้อมกับยกยิ้มกว้างให้เขา ซึ่งเห็นรอยยิ้มนั้นก็ทำให้เขาอดยิ้มตามไม่ได้ เหมือนเลี้ยงลูกคนหนึ่งเลย
“งั้นไปกินข้าวกัน”
“ราแมงนะคะ”
“พี่จำได้ว่าเด็กแถวนี้ยังไม่หายแฮงค์”
“แฮะๆ แล้ว...” สายน้ำหันไปมองอาทิตย์และครีมที่กำลังยืนมองเธอและพนาพูดคุยกัน
“ตอนแรกก็แปลกใจที่เห็นนายที่นี่ แต่ตอนนี้รู้แล้วล่ะ” ครีมว่าพลางยกยิ้มมองหน้าพนาสลับกับสายน้ำ
“สวัสดีค่ะ” เด็กดียกมือไหว้คนที่โตกว่าทั้งสองคนตามมารยาท
“นี่แฟนมึงเหรอ” อาทิตย์เอ่ยถามเสียงเรียบตามสไตล์
“กูไม่จำเป็นต้องตอบมึง”
“เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยเหรอวะ”
“กับมึงคุยแค่เรื่องงานก็ฝืนใจกูมากแล้ว ถ้าไม่จำเป็นกูก็ไม่อยากคุยกับมึงเลยสักนิด”
“กูรู้ว่ากูผิดนะ และรู้สึกผิดกับมึงมากด้วย แต่ความสัมพันธ์ของเรามันจะต้องจบแบบนี้จริงเหรอวะ เราจะต้องทำตัวเหมือนเป็นศัตรูกันไปแบบนี้ตลอดจริงเหรอ”
“ที่เป็นแบบนี้เพราะมึงเลือกเองไม่ใช่เหรอไง”
ครีมกำชับอ้อมแขนอาทิตย์ไม่ต้องการให้เขาต่อปากกับพนาต่อ ทางฝั่งสายน้ำเองก็ถือวิสาสะเอื้อมมือไปกุมมือพนาไว้พร้อมกับออกแรงบีบเบาๆ ให้เขารู้สึกตัว
“หนูหิวแล้ว” เด็กสาวเอ่ยเสียงแผ่ว ยกยิ้มอ่อนให้คนพี่
“อืม ไปกันเถอะ”
เอ่ยจบก็เดินกุมมือสายน้ำออกมาจากร้าน โดยขณะที่เดินผ่านก็กระแทกไหล่อาทิตย์ไปหนึ่งครั้ง คำว่ารักมากก็เจ็บมากพนาเองก็เพิ่งเข้าใจ ไม่ว่าจะเพื่อนหรืออดีตคนรักก็เจ็บหนักพอๆ กันทั้งคู่
มือหนากุมมือฉันเดินออกมา ระหว่างทางก็เงียบจนน่ากลัว
“พี่พนาคิดไว้หรือยังคะว่าจะซื้อของขวัญอะไรให้พี่ผิง” ฉันชวนคุยเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่ถามพี่เหรอว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น และสองคนนั้นเป็นใคร”
“ไม่ถามหรอกค่ะ ถ้าพี่อยากพูดก็คงพูดเอง และอีกอย่างหนูก็รู้จักพี่เขาทั้งสองคนอยู่แล้วจึงพอเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”
พี่พนาขมวดคิ้วมองหน้าฉันด้วยแววตาฉงน จะบอกไปดีไหมนะว่าไปสืบข่าวจากพี่ขนมผิงมา
“พี่จำได้ว่าไม่เคยพูดเรื่องสองคนนี้ให้เธอฟังนะ”
“เพราะชอบพี่ไง หนูเลยสนใจทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพี่”
“หึ แน่ใจเหรอว่ารู้ทุกเรื่อง”
“ก็ถ้าพี่จะเล่าเพิ่มเติมหนูก็ไม่ขัดนะคะ”
เราเดินคุยกันมาตลอดทางกระทั่งถึงร้านราแมง แค่ได้กลิ่นกระเพาะอาหารของฉันก็ร้องประท้วงแล้ว ฮืออ หิวจัง
พนักงานยื่นเมนูอาหารให้พวกเรา ฉันกับพี่พนารับมาคนละเล่มก่อนจะเลือกสั่งอาหาร
“รู้ไหมว่าเธอเป็นคนแรกเลยนะที่ปฏิเสธเงินของพี่”
“จริงเหรอคะ งั้นหนูจะจดบันทึกไว้นะว่าเรื่องปฏิเสธเงินพี่หนูคือสเปเชียล”
“เธอดูพอใจอะไรง่ายนะ”
“แล้วทำไมเราจะมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ ไม่ได้ล่ะ ชีวิตมันก็มีแค่นี้อ่ะทุกข์ไปก็เสียดายเวลา หาความสุขให้ตัวเองดีกว่า”
“นั่นสินะ”
“พี่เคยซื้อของให้ผู้หญิงมาแล้วกี่คนเหรอ” ด้วยความที่ไม่อยากให้อีกคนเครียดฉันจึงแกล้งคุยหาประเด็นมาเถียงกับเขา รับบทเป็นสาวขี้หึงเสียหน่อย
“ห้าคน”
“โห! ทำไมผู้หญิงเยอะจังแบบนี้หนูก็เสียเปรียบอ่ะดิ”
“เสียเปรียบอะไรหื้ม”
“เอ้า! ก็พี่เคยมีผู้หญิงมาแล้วตั้งห้าคนแต่หนูกลับไม่เคยมีผู้ชายผ่านเข้ามาในชีวิตเลยสักคน สงสัยต้องแวะข้างทางจิ้มมาสักคนสองคนละ”
“กวนนะ” เอ่ยจบก็ทำหน้าดุใส่ฉัน แต่ชอบจังเพราะมันเหมือนว่าพี่พนากำลังหึงฉันเลย
“หนูถามได้ไหมว่ามีใครบ้าง จะจดจำไว้ในสมองเผื่ออนาคตได้เจอกันหนูจะได้แสดงตัวว่าห้ามกลับมายุ่งกับพี่อีก เพราะหนูกำลังจีบพี่อยู่ คนที่เหลือกรุณาต่อคิว”
“เว่อร์ขนาดนั้นเชียว”
“แน่นอนสิคะเรื่องจีบพี่หนูจริงจังนะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงใจ เรื่องอื่นอาจจะมีติดเล่นบ้างแต่เรื่องนี้ฉันไม่เคยเอามาล้อเล่นเลยสักครั้ง ชอบเขามากจริงๆ นะ
“ถ้าเอาเฉพาะคนที่พี่ให้ความสำคัญด้วยก็มีแค่คุณแม่ ยัยปัง น้องผิง แล้วก็...ครีม”
ฉันยกยิ้มบางเพราะคิดอยู่แล้วว่ารายชื่อสุดท้ายต้องปรากฏ พี่ผิงเล่าให้ฟังว่าพี่ครีมเป็นคนที่พี่พนารักมากที่สุด ปกติมักจะไม่ได้จริงจังกับใคร แต่พอหาคนที่จริงจังด้วยได้ก็เจอบาดแผลใหญ่ทันที
แต่รับรองได้เลยว่าถ้าพี่พนาเลือกฉัน พี่เขาจะไม่มีวันเสียใจแบบนี้แน่นอน เพราะสำหรับฉันหัวใจของพี่พนามีค่ามากกว่าการเป็นแค่ตัวสำรองของใครบางคน
“คุณแม่ที่พี่ว่าคือคุณแม่ของขนมปังเหรอคะ”
“อืม พี่เรียกคุณแม่จนชินแล้วอ่ะ”
“อ๋อ”
พี่พนาไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของขนมปังและพี่ผิง แต่เป็นลูกของป้าที่เป็นพี่สาวแท้ๆของแม่ขนมปัง พ่อแม่แท้ๆ ของพี่พนาเสียชีวิตตั้งแต่พี่พนายังเด็ก บ้านขนมปังจึงรับเลี้ยงพี่พนาเป็นลูกบุญธรรม เห็นขนมปังเคยเล่าว่าทรัพย์สินเดิมของบ้านพี่พนามีมากกว่าบ้านเธอเสียอีก แต่ด้วยความเป็นเด็กกตัญญูอยากตอบแทนที่ช่วยเลี้ยงดูพอโตขึ้นพี่พนาจึงมอบทรัพย์สินเดิมของตัวเองให้แม่ขนมปังหมด
ซึ่งแน่นอนว่าท่านไม่รับแต่พี่พนาไม่ยอม ทั้งคู่จึงตกลงกันว่าให้เปลี่ยนจำนวนเงินบางส่วนเป็นหุ้นบริษัทแทน เดิมทีท่านก็ต้องการยกบริษัทให้พี่พนาซึ่งเปรียบเสมือนลูกชายคนหนึ่งอยู่แล้ว แต่รู้ว่าพี่พนาต้องไม่รับจึงใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง โดยการขายหุ้นของตัวเองให้พี่พนาจนเขากลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท
ทำแบบนี้พี่พนาจะได้สบายใจ แต่ขนมปังก็บอกว่าเงินที่จ่ายซื้อหุ้นนั้นคุณแม่ของเธอก็เก็บไว้ไม่ได้ใช้ทำอะไร หากท่านตายไปก็จะยกให้เป็นมรดกคืนให้เขา
ส่วนขนมปังและพี่ผิงก็มีหุ้นที่เหลือที่คุณน้าแบ่งให้อยู่แล้ว ท่านรู้ว่าลูกสาวทั้งสองคนไม่ได้สนใจบริษัทจึงวางมือให้พี่พนาดูแลและเชื่อใจว่าเขาจะไม่ทอดทิ้งน้องสาวทั้งสองคน
ฉันเลยถามขนมปังนะว่าไม่เสียใจเหรอที่คุณน้ายกบริษัทให้พี่พนา ขนมปังบอกแค่ว่าจะเสียใจทำไมล่ะ ดีจะตายแค่นั่งเฉยๆ ไม่ต้องทำงานก็ได้กินเงินปันผลแล้ว อีกอย่างเธอก็รักพี่ชายคนนี้มาก มีเขาดูแลบริษัทแทนให้เธอก็วางใจ ส่วนเธอนั้นอยากเปิดบริษัทเองมากกว่า
“น้ำ!”
“คะ?”
“นั่งเหม่ออะไรอยู่อาหารมาแล้วเนี่ย”
“คิดอะไรนิดหน่อยค่ะ”
“เมื่อกี้พี่ยังพูดไม่จบนะ”
“เรื่องอะไรคะ?”
“รายชื่อนั้นยังขาดอีกคน...”
“หืม?”
“เมื่อกี้พูดไปแค่สี่ชื่อ ส่วนคนที่ห้า...” พี่พนาลากเสียงพลันช้อนตามองฉัน “คือเธอไง”