ขอแก้ตัว

1895 Words
‘เพราะผู้หญิงที่ฉันชอบต้องทำให้ฉันใจเต้นได้และไม่ใช่เด็กอนุบาลอย่างเธอ’ คำพูดนั้นยังดังกึกก้องในหู ไม่เพียงแค่น้ำเสียงเท่านั้นทั้งสีหน้าและแววตาทำราวกับว่าฉันเป็นแค่ของชิมฟรีข้างทางที่ชิมเสร็จก็รู้สึกไม่ถูกปากและไม่อยากซื้อต่อ ฉันรู้สึกแย่มากเลยนะแต่กลับทำได้แค่เงียบ ไม่คิดเลยว่าการสารภาพรักใครแล้วเขาไม่ตอบรับความรู้สึกมันจะแย่ขนาดนี้ “มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียวน้ำ” ฉันรีบใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมาอย่างลวกๆ ไม่ให้พี่เขื่อนสังเกตเห็น แต่ก็ช้าไป.. “ร้องไห้ทำไมใครทำให้น้ำร้องไห้เนี่ย” “...” “ไม่เป็นไรนะ บอกพี่มาว่าใครทำเดี๋ยวพี่ไปจัดการให้” พี่เขื่อนสีหน้าตื่นพร้อมกับรีบทรุดตัวนั่งปลอบฉัน “ไม่เป็นไรค่ะน้ำแค่เมานิดหน่อยก็เลยเผลอร้องไห้ออกมา” ได้ฟังคำตอบพี่เขื่อนก็ยกยิ้มอ่อนก่อนจะใช้หลังมือช่วยปาดคราบน้ำตา “เข้าไปในบ้านกัน” “พี่เขื่อนเข้าไปก่อนได้ไหม น้ำขอฮึบแป๊บหนึ่ง” “เพิ่งรู้นะว่าเวลาน้ำเมาแล้วชอบงอแง” มือหนายกขึ้นมาทาบหัวฉันก่อนจะลูบลงช้าๆ คล้ายกำลังปลอบใจ “งั้นฮึบเสร็จก็รีบตามเข้ามานะ พี่ให้เวลาไม่เกินสิบนาที” ฉันพยักหน้าลงช้าๆ ซึ่งพี่เขื่อนก็ยอมเดินเข้าไปก่อน พอเริ่มรู้สึกดีขึ้นฉันจึงเดินตามเข้าไป ก้าวเท้าเข้ามาได้เพียงสามก้าวก็หยุดเท้าอัตโนมัติเมื่อแหงนหน้ามองไปมองยังชั้นสองและพบว่ามีอีกคนกำลังยืนล้วงกระเป๋ามองลงมา ฉันมองหน้าเขากลับ แต่เพียงครู่เดียวก็หลบสายตาหนีไม่อยากเห็นหน้าเขา ก้าวเท้าไวเดินกลับเข้าไปสบทบกับพวกพี่ชาย “หายไปไหนมาน้ำ” ขนมปังเดินเข้ามาถาม “ไปเดินเล่นมา” “อ้อจริงด้วย พี่พนาบอกฉันแล้วว่าแกอยู่หน้าบ้าน” “พี่พนา?” “อื้ม ก็เมื่อกี้ตอนพี่พนาเข้ามาก็ให้ฉันไปตามแกเข้ามาด้วย แต่ตอนนั้นฉันปวดอึก็เลยรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำก่อน แฮะๆ” ฉันเริ่มสับสนแล้วว่าอีกคนคิดยังไงกับฉันกันแน่ ทั้งที่พูดทำร้ายจิตใจกันขนาดนั้นแต่ลับหลังกลับทำเหมือนเป็นห่วง น่าโมโหชะมัด.. ฉันนั่งดื่มอยู่คนเดียวจนเริ่มหนักหัวรู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเหมือนเสียงพี่โยธาพูดอะไรสักอย่าง มันเบลอๆ จนฟังไม่รู้เรื่องเลย... สายน้ำนั่งผงกหัวกึ่งหลับกึ่งตื่น ข้างกายมีขนมปังคอยนั่งโอบเพื่อนไว้ไม่ให้ล้มพับ “น้ำทิ้งตัวขนาดนี้ให้นอนบ้านปังก็ได้นะคะพี่โยธา” ขนมปังเสนอขึ้น ซึ่งตอนแรกโยธาก็เหมือนจะไม่เห็นด้วย ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจขนมปังนะแต่เขาแค่เป็นห่วงน้องสาวและอยากดูแลเองมากกว่า “ทำไมดื่มไปเยอะขนาดนี้เนี่ยน้ำ อุตส่าห์ห้ามแล้วเชียว” โยธาประคองร่างน้องสาวใช้ผ้าเย็นลูบหน้าเบาๆ “ผิงว่าให้น้องนอนนี่แหละพี่ กว่าจะถึงคอนโดได้อ้วกใส่รถแน่ๆ” “พรุ่งนี้เป็นวันหยุด เราค่อยมารับน้องก็ได้” นะโมช่วยพูดอีกคนจนโยธายอม “งั้นพี่รบกวนด้วยนะ ห้องน้องปังอยู่ไหนเดี๋ยวพี่อุ้มน้ำขึ้นไปเอง” ขนมปังที่มีอาการเมาค้างก็ฮึบขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากเห็นสภาพเพื่อนที่เมากว่า ประคองสติเดินนำโยธาขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง ผู้เป็นพี่ชายค่อยๆ ประคองร่างน้องสาวไว้บนเตียงนุ่มก่อนจะลูบหัวเบาๆ และเดินออกมา “งั้นปังไม่ลงไปส่งละนะ บ้ายบายค่ะพี่ๆ” เจ้าของห้องออกมายืนที่ประตูโบกมือลาเหล่าบรรดาพี่ชายพี่สาวก่อนจะปิดประตูห้องและเดินกลับมาทิ้งร่างลงนอนบนเตียงข้างสายน้ำ เวลาผ่านไปราวสิบนาที คนที่นอนเมาไม่ได้สติเมื่อครู่ก็ชันตัวขึ้นด้วยอาการคลื่นไส้ ใช้สัญชาตญาณความคุ้นชินรีบวิ่งเข้าไปอ้วกในห้องน้ำ นำของเหลวและอาหารที่กินดื่มเข้าไปออกมาจนหมดไส้หมดพุงก็รู้สึกดีขึ้น เปิดก๊อกกวักน้ำตวัดเข้าหน้าตัวเองเพื่อดึงสติ แต่ก็เรียกมันกลับมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ร่างบางเดินโซซัดโซเซออกมายืนหน้าห้องนอนของขนมปัง ใจตอนนี้กำลังเรียกหาน้ำดื่มจึงใช้สัญชาตญาณและสติอันน้อยนิดที่มีค่อยๆ เยื้องย่างลงบันไดอย่างระมัดระวัง เดินไปยังห้องครัว เดินเหวี่ยงแขนโซซัดโซเซจนเกือบล้มหน้าคะมำอยู่หลายครั้งในที่สุดก็มาถึงห้องครัว คนขาอ่อนทรุดตัวลงนั่งหน้าตู้เย็น ใช้แรงอันน้อยนิดเปิดประตูตู้เย็นหยิบน้ำดื่มขึ้นมากระดกดื่ม “อ้า! สดชื่น” ได้ดื่มน้ำแล้วก็ยิ้มแป้นอารมณ์ดีโดยไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่าตั้งแต่เธอโซซัดโซเซลงบันไดมายังมีอีกคนคอยเดินตามมาตลอดทาง “ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนี้เนี่ย” “หนูไม่ได้มาวว!” ร่างบางที่ได้ยินอีกคนพูดก็หันมาตวาดชักสีหน้าใส่เขา “แน่ใจว่าไม่ได้เมา” “แน่!” พูดจบก็พยายามดันร่างตัวให้ลุกขึ้นยืนแต่ทว่าสติที่เลือนรางจนแทบจะไม่เหลือทำให้เธอล้มลงไปนั่งจุ่มก้นอยู่กับพื้นอีกครั้ง “หึ! นี่เหรอคนไม่ได้เมา” พนาลงไปนั่งยองๆ จับปลายผมเปียแกล้งกระตุกเล่น “ปล่อยยย!!” มือเล็กตวัดตีแขนพนาดังเปรี๊ยะ “เจ็บนะยัยเด็กขี้เมา” “เจ็บเหมือนกันเว้ยไอ้คนปากเสีย!” นิ้วชี้เรียวยาวตวัดชี้หน้าด่าพนา ใบหน้ายุ่งเหยิงอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกโกรธ ซึ่งหลังจากพูดประโยคนั้นออกไปจู่ๆ น้ำตาใสก็ไหลหยดลงบนพื้น “ฮือ ฮือ เสียใจนะรู้ไหม ฮืออออ” สายน้ำพรั่งพรูความรู้สึกในใจออกมาต่อหน้าพนาด้วยความไม่รู้สึกตัว มือเล็กตีแขนเขาไม่หยุดซึ่งอีกคนก็ปล่อยให้เธอตีจนพอใจ “ฮืออ เป็นใครถึงกล้ามาว่าจูบแรกของคนอื่นว่าจืดชืด ฮึก ฮึก” เธอสะอื้นและพยายามจะฮึบ จนในที่สุดก็หยุดร้องไห้ “กลับขึ้นห้องได้แล้ว” พนาเอ่ยขึ้นพร้อมกับช่วยพยุงร่างคนน้องให้ลุกขึ้นยืนแต่สายน้ำกลับทิ้งตัวใส่ร่างเขา โน้มใบหน้าลงซบไหล่กว้างซึ่งก็โชคดีที่อีกคนแข็งแรงและตั้งตัวรับน้ำหนักสายน้ำทันจึงไม่ได้ทำให้ล้มไปทั้งคู่ มือแกร่งสะกิดเรียกสายน้ำ เธอสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาอีกครั้งแต่รอบนี้กลับทำให้อีกคนใจสั่นไม่รู้ตัว เมื่อจู่ๆ ใบหน้าขาวเนียนไร้ร่องลึกราวกับผิวเด็กเคลื่อนตัวเข้ามาอยู่ใกล้กับใบหน้าเขาจนปลายจมูกชิดติดกัน แว่นกรอบหนาที่เคยสวมปิดบังนัยตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประจำบัดนี้กลับหายไป เหลือเพียงดวงตาใสเปล่งประกาย เธอดูสวยสะพรั่งต่างจากทุกครั้งที่ได้มอง แต่อาจเป็นเพราะครั้งนี้เขาได้มองหน้าเธอนานที่สุดตั้งแต่รู้จักกัน พนาสตั้นไปเล็กน้อยก่อนจะดึงร่างตัวเองให้ขยับถอยออกมาหนึ่งก้าวเว้นระยะห่างจากสายน้ำ “จูบของหนูมันแย่จริงๆ เหรอ” เสียงอ้อแอ้เปล่งออกมาอย่างนึกน้อยใจ ดวงตาปรือฉ่ำจ้องมองอีกคนที่แม้จะไม่ค่อยมีสติแต่ตอนนี้ก็เห็นชัดว่าเขาคือคนใจร้ายที่เพิ่งด่าเธอไป “เธอเมามากแล้วเดี๋ยวพี่จะอุ้มเธอขึ้นไปบนห้องโอเคไหม” สายน้ำส่ายหน้าประคองมือเล็กทาบข้างแก้มของพนาทั้งสองข้าง ก่อนจะเอ่ยบางอย่างที่หากเธอมีสติครบถ้วนจะไม่เอ่ยมันออกมา “เราจูบกันอีกครั้งได้ไหม” ไม่ใช่แค่ใช้น้ำเสียงออดอ้อนเท่านั้น แต่แววตาของเธอกลับมองพนาด้วยสายตาเว้าวอนคล้ายลูกแมว อยากขอแก้ตัวไม่เงอะงะและลบคำสบประมาทของเขาที่ว่าจูบของเธอจืดชืด “เธอเมาแล้ว เชื่อเลยว่าถ้ามีสติขึ้นมาเธอจะเสียใจที่พูดประโยคนี้” “ไม่เสียใจ” ร่างบางเอ่ยตอบทันทีโดยไม่คิด “เชื่อพี่ว่าอย่าทำแบบนี้เลย” พอพนาพูดจบดวงตาของสายน้ำก็เริ่มมีน้ำใสๆ เอ่อคลอขอบตาตื้น “พี่ไม่ชอบน้ำขนาดนั้นเลยเหรอหรือรังเกียจ” ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งล็อกเอวร่างบางไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ล็อกท้ายทอยคนน้องไม่ให้ขยับหนี “เธอแน่ใจแล้วนะว่าจะทำแบบนี้” สายน้ำพยักหน้าลงด้วยแววตาแน่วแน่มั่นใจ พนาจึงตอบรับคำขอของเธอโน้มหน้าเข้ามาประกบจูบเธออีกครั้ง รอบนี้เขาสัมผัสได้ถึงรสชาติขมของแอลกอฮอล์ในปากคนน้อง กลิ่นจางๆ ของเบียร์ที่ลอยคลุ้งออกมาจากจมูก ปากเล็กขยับตอบรับจูบเขา เดิมทีจูบแรกของเธอก็ไม่ได้แย่อะไรออกจะทำให้คนพี่ชอบเสียด้วยซ้ำ เพราะมันดูเขินอายเงอะงะไม่ชำนาญจนน่าหยอกเย้าเล่น แต่ทว่าเวลานี้เขากลับยังไม่พร้อมที่จะมีใคร ทั้งสายน้ำยังเป็นคนที่เขาไม่อยากจะทำร้ายด้วยจึงปฏิเสธเธอไป แต่ก็ยอมรับว่าใช้คำพูดไม่เหมาะสมทำให้เธอเสียใจ นั่นก็เพราช่วงบ่ายเขาไปเจอเรื่องบางอย่างมาจนพาลโมโหใส่เธอ มือเล็กโอบคอคนพี่พร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากสู้เขา ลิ้นร้อนสอดพันเกี่ยวเข้าไปในโพลงปาก สัมผัสทุกซอกมุมอย่างไม่ยอมแพ้ พนาเองก็ยอมรับว่าเขาไม่ใช่คนดีนัก มีเด็กน้อยน่ารักมาป้อนจูบถึงที่แบบนี้ใครจะทนไหว แขนแกร่งรั้งเอวบางให้ขยับขึ้นไปนั่งบนเคาท์เตอร์ครัว ยันแขนสองข้างค้ำร่างตัวเองไว้ขยับกายแทรกเข้าไปอยู่ระหว่างขาของเด็กสาว จากเดิมที่เป็นแค่จูบก็เผลออารมณ์พาไปจนเริ่มซุกไซ้ต้นคอขาว ดูดดึงเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยวจนรู้ตัวอีกทีก็เผลอทำรอยไปเสียแล้ว “อ้ะ!” พรึบ! เสียงอุทานเล็กๆ ของคนน้องช่วยดึงสติของพนาให้กลับมา เขารีบถอนริมฝีปากออกจากต้นคอระหง “ทำเชี้ยอะไรของมึงวะเนี่ยไอ้พนา” สบถด่าตัวเองด้วยความรู้สึกผิดที่เผลอทิ้งร่องรอยไว้บนกายคนน้อง ฟึ้บ! สายน้ำที่ประคองสติไม่ได้อีกต่อไปก็ทิ้งตัวเอนไปด้านหลัง โชคดีที่พนามือไวรีบคว้าร่างเธอไว้ได้ทัน “พรุ่งนี้เธอตื่นมาเห็นรอยนี่ก็อย่าโทษละกันนะน้ำ” ว่าจบก็ประคองอุ้มร่างคนน้องในท่าเจ้าหญิงขึ้นมายังชั้นสอง เปิดประตูห้องน้องสาวคนเล็กเข้าไปด้านในพร้อมกับค่อยๆ วางร่างบางในอ้อมกอดไว้บนเตียงอย่างแผ่วเบา ห่มผ้าให้เธอและน้องสาวของตัวเองเรียบร้อยก็เดินออกมาโดยไม่ลืมปิดประตูให้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD