ตอนที่ 3 ที่ระบาย
หลังจากมีคนยกอาหารเช้ามาให้ผมกับน้องที่ห้อง ลูก้าตื่นเต้นกับขนมปังปิ้งและไส้กรอกมาก เจ้าตัวเล็กกินไปพูดพร่ำเอ่ยคำชมคนที่เอาอาหารมาให้ไม่มีหยุด ขนาดกินจนอิ่มพุงโตแล้วยังขอเก็บไส้กรอกส่วนที่เหลือใส่แก้วน้ำเอาไว้ตรงหัวเตียง คงอยากเก็บเอาไว้กินอีกนั่นแหละ
การเข้ามาอยู่ที่นี่ผมไม่มั่นใจในสถานะของตัวเองและน้องชายเท่าไหร่นัก เพราะการใช้ชีวิตไม่ต่างจากนักโทษ เราถูกจำกัดให้อยู่แต่ภายในห้องพักสี่เหลี่ยมชั้นใต้ดิน เมื่อถึงเวลากินจะมีคนมาเคาะห้องเพื่อเอาอาหารมาให้ ตอนบ่ายผู้ชายที่ผลักผมตกน้ำเดินมาบอกว่าอนุญาตให้ผมพาน้องออกไปเดินเล่นข้างนอกได้ แม้คำว่าข้างนอกนั้นมันจะเป็นแค่การที่เราสองคนได้ออกมานั่งเกาะขอบหน้าต่างนั่งมองท้องฟ้าจากภายในบ้านก็ตามที
“รุซ...สีเหลือง” ลูก้าจิ้มนิ้วลงไปตรงขอบเก้าอี้หลุยส์ขอบทองหรูหราแล้วหันมายิ้มให้ผม
“ใช่ นี่สีเหลือง ลูก้าเก่งมากเลย”
“สี....สีแดง” คนที่ถูกชมว่าเก่งก้มลงไปใช้นิ้วจิ้มลงบนพรมปูพื้นทางเดิน จากนั้นเราสองคนพี่น้องก็นอนกองกันอยู่บนพื้นห้องโถงใหญ่แล้วใช้สิ่งต่างๆ รอบตัวในการสอนให้น้องชายได้เรียนรู้
“พวกนายทำอะไรกัน” เจ้าของรองเท้าคู่ใหญ่ซึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงปลายจมูกเราเอ่ยถาม
“รุซ กลัว” ลูก้ากระโดดขึ้นมาขี่คอผมเมื่อเห็นเจ้าสิงโตขาวที่ชื่อเอราเดินตามมาติดๆ
“คนนั้นบอกให้เราออกมาจากห้องได้”
“วิคเตอร์” เสียงแข็งเรียกชื่อลูกน้องที่ยืนเยื้องอยู่ถัดไป
“ครับคุณคาลวิน”
“นายไม่ได้บอกเขาเหรอว่าอย่ามาเกะกะขวางทางเดินของฉัน”
“เอ่อ...”
“เอาล่ะ ตามฉันมา” เจ้าของนัยน์ตาคู่สีน้ำตาลทองหันหลังเดินหายไปทางหนึ่ง ก่อนจะเอี้ยวหน้าหันมาดีดนิ้วเสียงดังเป๊าะ เรียกให้เจ้าเอราเดินตามไป
ผมเดินจูงมือน้องชายเข้ามาภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ ดูไปดูมาคล้ายห้องทำงานของอธิการบดีมหาวิทยาลัย ครึ่งห้องฝั่งซ้ายเป็นชั้นหนังสือมีกรอบรูปสลักประดับตกแต่งอย่างหรูหรา ส่วนครึ่งห้องฝั่งขวาเป็นตู้โชว์ปืนพก ปืนยาว จัดวางไว้ในตู้กระจก ส่วนข้างหลังโต๊ะทำงานให้อารมณ์เหมือนสวนป่าซาฟารีเพราะเต็มไปด้วยต้นไม้ เถาวัลย์พันกันยุ่งไปหมด
“จะบอกได้หรือยัง ว่าใครส่งนายมา”
“ผมบอกคุณไปแล้วว่า ไม่มีทั้งนั้น ผมกับน้องเราก็แค่...แค่คนจรจัดธรรมดา”
“นายคิดว่าคำพูดเพียงเท่านี้จะทำให้ฉันเชื่ออย่างนั้นเหรอ”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ คุณคงไม่คิดว่าผมเป็นพวกสายลับ อะไรทำนองนั้นหรอกนะ คุณก็เห็นว่าผมมากับน้อง”
“รู้อะไรมั้ยรุซลัน ฉันน่ะ....ผ่านมันมาทุกรูปแบบแล้ว”
“ไม่ว่าคุณจะเคยผ่านอะไรมาก็ตาม ผม...ไม่เหมือนคนพวกนั้น”
ขณะที่ผมยืนถอนหายใจให้กับความอึดอัดเพราะถูกพ่อมาเฟียหน้านิ่งสงสัย แม่บ้านสองคนเดินเข้ามาพร้อมตะกร้ากับกล่องลังใบใหญ่ นำมันมาวางไว้บนโต๊ะทำงานด้านหน้าผม
“เสื้อผ้าพวกนั้นเป็นของพวกสายลับที่พยายามแฝงตัวเข้ามาในบ้านฉัน แต่มันตายหมดแล้วนายเอาไปใส่ได้ ส่วนเสื้อผ้าเด็กในลังนั่นบางส่วนเป็นเสื้อผ้าเก่าๆ ของน้องชายฉัน มันอยู่ในห้องเก็บของนานแล้ว” ท่อนขายาวกับรองเท้าคู่ใหญ่ถูกตวัดขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะ ปลายรองเท้าบู้ทดีดมาเตะลงบนกล่องลังเสียงดังปุๆ ลูก้าที่ยืนอยู่ด้านล่างพยายามกระโดดยืดคอเหมือนอยากเห็นสิ่งที่อยู่ด้านบน
“คุณให้ผมเหรอ”
“ฉันทุเรศตา มันน่ารำคาญเห็นแล้วฉันหงุดหงิด”
“รุซอะไรน่ะ” เท้าเปลือยเล็กๆ พยายามกระโดดเขย่งยื่นมือขึ้นมา ผมจึงก้มลงไปอุ้มน้องแล้วดึงกล่องนั้นมาค่อยๆ เปิดออก เห็นว่าด้านในเป็นเสื้อผ้าเด็กซึ่งห่อซีลเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี
“เสื้อลูก้าเหรอ”
“ขอบคุณครับ ลูก้าขอบคุณคุณคาลวินสิ”
“ขอบคุณคุณคาลวิน”
ผมกับลูก้าช่วยกันขนเสื้อผ้าคนตายกลับลงมายังห้องใต้ดิน แล้วรีบอาบน้ำเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าใหม่ นอกจากนั้นผมยังได้รับข้าวของเครื่องใช้จำเป็นอีกหลายอย่างทั้งขวดน้ำ ขวดนม รองเท้าทั้งของเด็ก ของผู้ใหญ่ ซึ่งดูยังไงมันก็เป็นของที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ต่อให้มันเคยเป็นของคนตายแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมสักนิด
ผู้ช่วยคนสนิทของคุณคาลวินเดินมาบอกกับผมหลังจากเจ้าตัวเล็กกินนมอิ่มแล้วผล็อยหลับไปแล้ว ผมเดินกลับเข้ามาภายในห้องทำงานนั้นอีกครั้ง พยายามข่มความกลัว ทำตัวให้ชินกับสัตว์เลี้ยงข้างกายมาเฟียเจ้าของบ้าน เอราแทบไม่เคยออกห่างจากคุณคาลวินไปไกลเลย มาเฟียรัสเซียนั่งอยู่บนเก้าอี้นวม โดยสวมไว้เพียงเสื้อคลุมนอนสีดำสนิทตัวเดียวเท่านั้น
“คุณมีอะไรอย่างนั้นเหรอครับ”
“รินเหล้าให้หน่อย”
คุณคาลวินเอนหลังลงไปนอนแผ่พิงพนักเก้าอี้ จากนั้นค่อยๆ หมุนมันหันกลับไปยังวิวสวนสัตว์ซาฟารีด้านหลัง ที่เห็นเป็นเพียงเงากิ่งไม้ใบไม้รางๆ ในความมืด ผมเดินไปหยิบขวดวิสกี้ยี่ห้อดังซึ่งถือเป็นเหล้าชั้นหนึ่งขึ้นชื่อของรัสเซียจากนั้นรินมันใส่แก้วนำไปส่งให้เจ้าของคิ้วย่น
“ตกลงว่าคุณจะให้เราสองพี่น้อง อยู่ที่นี่ต่อไปใช่มั้ยครับ ผมหมายถึง...คุณจะไม่ยิงเราทิ้ง” ผมก้มลงมองเสื้อยืดตัวหลวมที่สวมอยู่แม้ในใจจะยังหวั่นๆ เพราะกิตติศัพท์ความเลือดเย็นของคาลวิน เมมเบย์นั้นกระฉ่อนไปทั่วรัสเซีย
“จนกว่าฉันจะพิสูจน์ได้ว่า นายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร กับ พวกมาซัค”
“อะไรนะ” เหมือนมีน้ำเย็นมาราดลงบนหัวของผม กระดูกสันหลังเหมือนถูกนำไปแช่ช่องฟรีช
“พวกมาซัคอย่างนั้นเหรอ ทำไมล่ะ” ผมลอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่ออีกฝ่ายพูดชื่ออดีตของกลุ่มมาเฟียที่ครอบครัวของผมเคยภักดี
“นายรู้จักชื่อนี้มั้ย”
“เอ่อ...ครับ รู้...เคยได้ยิน” ผมพยักหน้าแล้วยื่นแก้วเหล้าไปใส่มือใหญ่
“ฉันเกลียดพวกมัน หงุดหงิด รำคาญใจทุกทีที่ได้ยินชื่อ”
“ทำไมเหรอ พวกเขา...ทำอะไรให้คุณรำคาญ”
“ฉันไม่ชอบพวกกินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา เกลียดพวกที่ไม่ยอมรับตัวเองว่ากระจอก มันน่ารำคาญ และมันทำให้ฉันอารมณ์เสีย”
“แสดงว่าวันนี้ คุณเจอพวกมันมาอย่างนั้นเหรอ” ผมแอบชำเลืองมองสันกรามข้างหนึ่งซึ่งถูกขบจนกล้ามเนื้อส่วนใบหน้าหล่อนั้นแข็งเกร็ง
“ถอดเสื้อผ้าของนายออก”
“ฮะ! อะไรนะครับ” ผมก้าวเท้าถอยหลังห่างจากคนขี้หงุดหงิดออกมาสามสี่ก้าวทันที
“ฉันอยากรู้ว่านายซ่อนมันไว้ไหน” เก้าอี้ตัวใหญ่หันกลับมาทางผม สายตาคมเหมือนสิงโตจ้าวป่าพุ่งมองมายังผม อากาศในห้องนี้เหมือนมันลดลงอีกหลายองศาเพราะแขนขาของผมสั่นเกร็งไปหมด
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ถ้านายเป็นสายลับ ฉันขอแนะนำว่าให้รีบเปิดเผยตัวเองซะ”
“ผมเปล่านะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ถอดสิ...” คิ้วยกยักขึ้นสูง วิสกี้สีน้ำตาลอ่อนถูกยกขึ้นจิบอย่างช้าๆ
“คือ...”
“ฉันบอกให้ถอด” เสียงเฉียบดังขึ้นพร้อมปืนกระบอกหนึ่งถูกเอามาวางลงบนโต๊ะ เจ้าสิงโตขนสีขาวคำรามดังโฮกจนผมสะดุ้ง ก่อนจะรีบดึงชายเสื้อยืดถลกถอดออกจากตัว
“กางเกง กางเกงในถอดให้หมด”
“.............” ผมชำเลืองหางตามองปืนสั้นบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปสบตากับเจ้าเอราที่ค่อยๆ ลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ รู้โดยสัญชาตญาณว่าคุณคาลวินไม่ได้พูดเล่น
เสื้อผ้าทุกชิ้นถูกผมถอดออกแล้วนำมันลงไปวางลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ๆ ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งเลื่อนมาปกปิดอวัยวะน่าอาย สายตาเสหันมองมันไปทางอื่น มาเฟียนัยน์ตาดุขยับลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมาผมช้าๆ ฝ่ามือร้อนวางลงมาบนบ่าของผม
“อ๊าก...คุณจะทำอะไร” มือหยาบบีบหัวไหล่จับผมกดลงไปจนใบหน้าชิดติดกับโต๊ะเรียบ
“ถ่างขาออก”
“อะไรนะ”
“เร็ว! อย่าให้ฉันต้องโมโห”
ปัก! เท้าใหญ่เตะอัดลงไปบนปรี่น่อง ท้ายทอยถูกมือใหญ่จับกดจนกระดูกขากรรไกรผมเบียดเสียดสีไปบนไม้เนื้อแข็งแสบร้อน เจ็บแสบแต่ไม่กล้าอ้าปากร้องออกมา เพราะผมเดาไม่ถูกจริงๆ ว่าคุณคาลวินต้องการอะไรแน่
“อ๊า...คุณคาลวินอย่านะ”
อะไรบางอย่างแข็งๆ แทงทะลุร่องเนื้อด้านหลังฝังเข้าไปภายใน มันทั้งสาก ทั้งแสบ ทั้งแข็ง แล้วทำให้ผมอึดอัด แผ่นหลังพยายามฝืนยืดตัวกลับขึ้นไปยืนอย่างเดิมหากแต่ทำไม่ได้เพราะถูกคนใจร้ายใช้ท่อนแขนใหญ่ทาบข้อศอกลงไปกดให้ผมนอนจมกลับลงไปบนโต๊ะอย่างเดิม เจ้าเอรากระโจนพรวดขึ้นมาตะปบอุ้งเท้าข้างหนึ่งเฉียดหูผมไปนิดเดียวเท่านั้น
“คุณทำอะไร ปล่อยผมนะ” มือสองข้างกำหมัดแน่นทั้งเจ็บ ทั้งแสบและทั้งอาย
“เพื่อความแน่ใจไงว่านายไม่ได้แอบซ่อนอะไรเอาไว้ในนี้...” นิ้วยาวหยาบใหญ่สอดเข้าไปภายในร่างกาย ปลายนิ้วแข็งควักคว้านล้วงลึกเข้าไปเหมือนเขากำลังพยายามหาอะไรบางอย่าง
“เจ็บ”
“ฮึ นิ้วเดียวยังบ่นว่าเจ็บ ถ้าเจอของใหญ่กว่านี้ นายคงดิ้นตายคาหว่างขาฉัน”
“ถ้า....ถ้าค้นตัวแล้วไม่เจออะไร คุณก็ปล่อยผมสิ”
“โทษฐานที่ทำให้ฉันหงุดหงิด”
“อ๊ากกกกก” ผมถูกพลิกให้หมุนกลับมาอยู่ในท่านอนหงาย ขาซ้ายกับขาขวาถูกผลักจับให้มันแยกห่างออกจากกัน ส่วนช่องว่างตรงกลางนั้นคนที่เจ้าของร่างหนาขยับมายืนถ่างขาแล้วสะบัดเสื้อคลุมดำทิ้งไปอีกทาง
“คุณคาลวิน คุณจะทำอะไรครับ”
“เวลาที่ฉันอารมณ์เสีย ฉันต้อง...หาที่ระบาย”
“แต่ว่าผม...”
“ถ้านายกับลูก้า อยากอยู่ที่นี่ ...ฉันว่าหน้าที่นี้เหมาะกับนายนะ”
“หมายความว่าไง”
“นายไม่มีที่ให้ไป แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังอยากหาที่ระบาย...” มือหนึ่งจับขาของผมยกขึ้นสูง
“คุณคาลวิน”
“ไม่ต้องห่วง ฉันเป็นคนขี้เบื่อน่ะ อย่างนาย...ไม่ใช่สเปคฉัน”