ความเกลียดมันน้อยกว่าความรัก (2)

1427 Words
เข้าใจที่แปลว่าไม่เข้าใจ...ฮึบไว้เจนนินทร์ อย่ามีน้ำตาให้เขาเห็นตอนนี้  “ในเมื่อพี่เชื่อว่าเจนกับไรวินท์มีอะไรกัน แล้วมาอยู่ตรงนี้ทำไม จากกันไปหลายเดือนจนทำใจได้อยู่แล้วมั้ง จะโผล่กลับมาทำไม จะเกลียดกันก็เกลียดให้ตลอดรอดฝั่งสิ” ก็เพราะความเกลียดมันเอาชนะความรักไม่ได้ไงล่ะ บวกกับอยากรู้ว่าเด็กในท้องมีสิทธิ์เป็นลูกของเขาหรือไม่ กันต์ดนัยยอมรับว่ายังเชื่อว่าเธอกับไรวินท์มีอะไรที่มากกว่าเพื่อนร่วมงาน สิ่งที่เขาเห็นมันรุนแรงต่อความรู้สึกมากจริงๆ แต่ถึงจะเสียใจอย่างไร กันต์ดนัยก็ไม่ตั้งใจให้การเลิกราของเขากับเจนนินทร์ออกสู่สายตาสาธารณชนด้วยเหตุผลรุนแรง แต่เพราะเรื่องเกิดขึ้นท่ามกลางกองถ่ายละครที่มีคนในมากมาย จึงไม่สามารถปกปิดได้ สังคมรุมประณามถึงความหน้าไม่อายของเจนนินทร์ ไรวินท์ก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย แต่รายนั้นอาศัยความด้านชาจนสามารถกลับมามีตัวตนในวงการมายาได้อีกครั้ง “พี่ก็อยากเชื่อใจเจนนะ แต่...” กันต์ดนัยเอ่ยหลังจากปล่อยความเงียบทำงานอยู่ครู่ใหญ่ “แต่พี่เชื่อใจคนอื่นมากกว่า” หล่อนต่อประโยคนั้นให้สมบูรณ์และพูดโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย “คนอื่นที่ว่านั่นใคร” “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” “อย่ามาเล่นลิ้นน่า” เจนนินทร์กลอกตามองบนพลางบุ้ยปากไปตรงตู้เย็น “มีปลานะ เอามาทำกับข้าวสิ เผื่อจะได้ฉลาด” ดูคำพูดคำจา มันน่าจับมาปรับทัศนคติเสียจริง กันต์ดนัยได้แต่ส่ายหน้าระอา หากต่อความยาวสาวความยืดด้วยอีกก็คงไม่จบง่ายๆ เผลอๆ มื้อเช้านี้คงกร่อยลิ้นไปอีก ฉะนั้นเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า “เจนอยู่ที่นี่กับคุณน้าแค่สองคนเองเหรอ ทั้งวันทั้งคืนไม่ออกไปไหนเลยหรือไง บรรยากาศตอนเย็นพี่ว่ามันวังเวงน่ากลัวนะ” “ก็ไม่แปลกที่คนขวัญอ่อนใจเสาะจะมองว่าน่ากลัว” จึ้ก! ปักเข้ากลางอกอีกดอก หล่อนจะจิกจะกัดเขาไปถึงไหนกัน ดูท่าแล้วคงโดนใบมีดพุ่งใส่กลางใจแบบนี้จนกว่าจะกลับกรุงเทพฯ เสียล่ะมั้ง “จ้าแม่คนขวัญแข็ง ถึงจะเก่งยังไงแต่เรากับคุณน้าก็เป็นผู้หญิง แถมเจนกำลังท้องอยู่ มีกันแค่สองคนแบบนี้ก็ออกจะน่ากลัวไปหน่อยนะ แล้วผู้ชายเมื่อวานล่ะไปไหน พี่ไม่เห็นเขาเลย” “วันนี้เป็นวันหยุดของพี่ต้องค่ะ จริงๆ เราสองแม่ลูกก็ไม่อยากจะจ้างใครแล้ว รีสอร์ตก็ปิดตัวลงโดยสมบูรณ์ แต่พี่ต้องเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ เป็นคนที่คุณพ่อคุณแม่เอ็นดูเคยมอบทุนการศึกษาให้จนจบป.ตรี แกเป็นคนที่นี่ เรียนจบก็อยู่ที่นี่ รีสอร์ตปิดตัวแกก็ยังยึดติดไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไร เมียก็เพิ่งมีลูกอ่อนอีก จริงๆ ก่อนหน้านี้เมียแกก็เป็นแม่บ้านที่รีสอร์ตนี้นะ บ้านพี่ต้องอยู่ห่างจากที่นี่แค่สามร้อยเมตรเอง คุณแม่เห็นว่าเขาไว้ใจได้ก็เลยจ้างต่อให้ดูแลเรื่องจิปาถะทั่วไป” “ฟังดูก็เป็นคนที่พอพึ่งพาได้อยู่นะ” ค่อยเบาใจขึ้นหน่อย แต่ก็ไม่ทั้งหมด กันต์ดนัยมองว่าเรไรและเจนนินทร์ควรอยู่ในสถานที่ที่ความปลอดภัยมีมากกว่านี้ โดยเฉพาะตอนนี้ที่อยู่ภายใต้สถานการณ์อ่อนแอด้วยกันทั้งคู่ กันต์ดนัยตั้งใจทำอาหารโดยมีว่าที่คุณแม่เท้าคางนั่งคอยอยู่ที่เดิม เธอไม่ใช่ฝ่ายชวนคุยแต่เป็นกันต์ดนัยเสียมากกว่า ซึ่งหลังๆ มาเขาเรียนรู้ว่าควรพูดให้น้อยคำ เพราะเจ้าหล่อนนั้นสามารถเป่าลูกดอกใส่ตนได้ทุกช่วงที่มีโอกาส ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงอาหารเช้าฝีมือกันต์ดนัยก็วางเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารหน้าระเบียงแบบเปิดโล่ง เมนูเช้านี้คือผัดกะเพราหมูสับไม่เน้นรสเผ็ด ต้มจืดไข่น้ำ และผัดวุ้นเส้นใส่กุ้ง “อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ โดยเฉพาะผัดกะเพรา น้าเพิ่งเคยทานฝีมือคุณกันต์ ดีงามจริงๆ แบบนี้ลูกสาวน้าก็รอดตายแล้วสินะ นี่ถ้าเช้านี้ไม่มีคุณกันต์น้าก็คงได้ทานไข่ต้มตามเคย” ซึ่งดูเหมือนเป็นเมนูประจำวันเสาร์อาทิตย์ไปแล้ว เจนนินทร์เบะปากน้อยใจมารดา ทว่าตรงข้ามกับความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ข้างใน นี่คงเป็นข้อดีเดียวของการมาของกันต์ดนัย เขาทำให้เรไรยิ้มกว้างขึ้น แววตาเต็มอิ่มและพูดได้ยาวเหยียดกว่าที่เคย เสน่ห์โดยธรรมชาติของกันต์ดนัยยากที่ใครจะปฏิเสธ เขาน่ารักโดยเนื้อแท้ จริงใจไม่แอบแฝง อ่อนน้อมถ่อมตน เข้าหาผู้ใหญ่เก่ง สามารถฝ่ารั้วเหล็กสูงที่บิดาผู้เคร่งครัดเรื่องผู้ชายกับลูกสาวก้าวเข้ามาได้อย่างสง่างาม กันต์ดนัยได้รับการยอมรับจากครอบครัวของเจนนินทร์ตั้งแต่วันแรกที่เธอพาเขาไปพบพ่อแม่ “แล้วนี่ช่วงนี้ว่างเหรอจ๊ะ จะอยู่ต่ออีกกี่วันล่ะ” “ผมได้วันพักผ่อนเจ็ดวันครับ ถ้าคุณน้าไม่ว่าอะไรผมขออยู่ต่อจนกว่าจะหมดโควตาวันหยุดได้ไหมครับ” “ไม่ได้ค่ะ มาที่นี่เพื่ออะไรยังไม่รู้เลย” ผู้เป็นลูกสาวแทรกขึ้นเสียงดุ “ไม่ได้มาง้อเจนหรอกเหรอ” เรไรปรายคำถามไปทางหนุ่มสาวสลับกัน เมื่อเห็นทั้งคู่วางสีหน้าอึดอัดจึงไม่รอเอาคำตอบ “เรื่องรักๆ ใคร่ๆ มันละเอียดอ่อนเนอะ ถ้าพูดยาก ตัดสินใจยาก งั้นค่อยรอเจนคลอดก่อนก็ได้ เจนห่วงลูกสาวเขามาก เขาเอาแต่พูดว่าไม่อยากคิดไม่อยากเครียดกลัวจะส่งผลต่อลูก ส่วนคุณกันต์ถ้าอยากอยู่ต่อก็ตามสบายเลยนะ น้าไม่ว่าอะไร” “ขอบคุณครับคุณน้า” กันต์ดนัยตอบแทนน้ำใจด้วยการตักอาหารใส่จานเรไร ส่วนว่าที่คุณแม่หน้าบูดก่อนกระแอมเสียงว่า “ยอมให้อยู่ต่อก็ได้ แต่คิดค่าห้องคืนละห้าพันเหมือนเดิม” “ตกลงครับ” ยอมๆ ให้หล่อนขูดเลือดขูดเนื้อดีกว่าโดนตะเพิดไล่ “เปลี่ยนใจล่ะ คิดคืนละห้าหมื่นดีกว่า” “ลูกสาวคุณน้านี่เป็นมิตรดีนะครับ...มิจฉาชีพสุดๆ” เจนนินทร์เชิดหน้าไม่สะท้านต่อคำค่อนแขวะ เพียงได้ยินเสียงหัวเราะจากเรไรก็รู้สึกดีขึ้นมาก “เดี๋ยวเจนจะเข้าเมือง คุณแม่ไปด้วยกันไหมคะ เจนจะไปซื้อของเข้าบ้านสักหน่อยและก็ไปพบคุณหมอตามนัด” “แม่อยากอยู่บ้านมากกว่า ไม่อยากออกไปข้างนอกเลย” เป็นแพทเทิร์นคำปฏิเสธที่เจนนินทร์ได้ยินทุกครั้งยามชวนเรไรออกไปข้างนอก ลูกสาวไม่ดึงดัน เคารพความรู้สึกของคนสูญเสียที่อยากจมจ่อกับหัวใจที่ลอยหายไปปรโลก แต่ใช่ว่าเธอไม่ห่วงแม่ เจนนินทร์ไม่อยากทำเก่งสอนคนแก่ ก็ได้แต่หวังว่ากาลเวลาและหลานสาวตัวน้อยที่รอลืมตาดูโลกจะทำให้เรไรกลับมาสดใสดังเดิม “ค่ะ ถ้าคุณแม่อยากได้อะไรก็โทร.บอกเจนได้เลยนะคะ” เรไรพยักหน้ากับลูกสาวและหันไปทางว่าที่ลูกเขย “คุณกันต์ถ้าไม่มีอะไรทำก็ไปกับเจนได้นะคะ ที่นี่ไม่มีกิจกรรมอะไรหรอกค่ะ” “คุณแม่อะ เปิดทางให้เขาทำไมนักหนา หนูไปเองหายใจหายคอสะดวกกว่า” “พูดอย่างกับพี่ไปแย่งอากาศเธองั้นแหละ” “ก็เห็นหน้าแล้วอึดอัดหายใจไม่ออกไง” “ดื้อให้มันน้อยๆ หน่อยเรา จะเป็นแม่คนแล้วนะ” “จริงครับคุณน้า เถียงก็เก่ง ผมกลัวลูกคลอดออกมาจะรั้นเหมือนแม่เขา” กันต์ดนัยได้ทีสำทับกับเรไร มีการหันไปยักคิ้วเยาะ คนท้องทำได้เพียงเข่นเขี้ยวครางหงิงๆ อย่างหงุดหงิด ครั้นจะอ้าปากด่าก็เกรงสายตามารดาที่ส่งความนัยปรามอยู่ในที ว่าที่คุณแม่จึงก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร พออิ่มแล้วก็กลับขึ้นห้องไปเตรียมตัวเข้าเมือง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD