สริตาสะบัดมือใส่ใบหน้าหล่อเหลาที่เข้ามาใกล้นั้นทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดด้วยซ้ำ แต่หลังจากนั้นแม้แต่เธอเองก็ยังตกใจที่เผลอทำร้ายร่างกายหนึ่งในเจ้าชายของแอดดิสัน ทว่าก่อนที่จะได้ขอโทษอีกฝ่าย แอชตันก็ตวัดแขนเกี่ยวเอวของเธอแล้วกระชากเธอเข้าหาตัวเขาจนร่างกายของเธอเบียดแนบชิดกับอกแกร่งของเขา ความรู้สึกร้อนวูบวาบจากสัมผัสใกล้ชิดนั้นทำให้เธอไม่ทันตั้งตัวใดๆ ทั้งสิ้น จากนั้นชายหนุ่มก็ทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิดด้วยการจูบเธอ!
เขาบดขยี้ริมฝีปากเธออย่างดุดันเป็นการลงโทษ ไม่มีความอ่อนโยนอยู่ในสัมผัสกระด้างนั้นแม้แต่น้อย ทว่าถึงอย่างนั้นเขาก็ทำให้ร่างกายเธออ่อนเปลี้ยขึ้นมาอย่างฉับพลัน หัวใจเต้นกระหน่ำจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา ช่องท้องของเธอวาบโหวงและรู้สึกร้อนวาบไปทั่วร่างกายเสียจนน่าละอาย ก่อนที่เธอจะเริ่มรู้ตัวเพราะเขาทำให้เธอเจ็บด้วยการกัดริมฝีปากเธอแรงๆ!
“อื้อ!”
หญิงสาวได้สติ เธอดิ้นรนแล้วพยายามจะให้เขาปล่อยเธอก่อนที่เธอจะตายคาอ้อมกอดและจูบของเขา กระทั่งอีกฝ่ายหนำใจแล้วผู้ชายที่เคยได้ชื่อว่าเป็นคนเจ้าเสน่ห์และเป็นสุภาพบุรุษก็ผลักเธอออกไปแรงๆ จนเธอกระเด็นติดกับผนัง เขาใช้นิ้วโป้งปาดเช็ดริมฝีปากตนเองเพื่อเช็ดลิปสติกของเธอที่ติดอยู่บนริมฝีปากของเขาออก ขณะที่ดวงตาสีมรกตคู่นั้นจ้องมองเธออย่างเยือกเย็น ก่อนจะเอ่ยตักเตือนเธอด้วยน้ำเสียงกระด้าง เย็นชา และไม่สำนึกผิดในสิ่งที่ทำกับเธอลงไปเลยแม้แต่น้อย!
“ฉันไม่ใช่คริสเตียนที่จะยอมตามใจเธอเหมือนเธอเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยๆ อีกต่อไปสริตา”
“ฉันเกลียดคุณ!”
เขามันคนบ้า! เขา...เขาจูบเธอแบบนี้ได้ยังไง!
แล้วไม่สมควรอย่างยิ่งที่เขาจะจูบเธอ เธอเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทของเขา เป็นเด็กในปกครองของเขา แอชตันจะไปจูบผู้หญิงที่ไหนของเขาก็ไปเลย แต่ไม่ควรทำกับเธออย่างนี้!
ไอ้คนชั่วช้า! ไอ้คนนิสัยเลวทราม! ไอ้คนหลอกลวง!
“ฉันไม่สนใจความเกลียดของเธอหรอกนะ”
มหาเศรษฐีหนุ่มเหยียดยิ้มหยันใส่เธอจนหญิงสาวหน้าร้อนวาบอีกครั้งด้วยความเจ็บใจและก่อนที่เธอจะได้ตอบโต้เขาก็ก้าวเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เธอค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นห้องอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง ขณะที่ใช้มือถูริมฝีปากตนเองด้วยความรู้สึกรังเกียจและชิงชัง
และที่ชิงชังก็คือตัวเองที่แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ได้จูบเธอเพราะความชอบหรืออะไรที่ใกล้เคียงกันแม้แต่น้อยเธอก็ยังเผลอหลงใหลไปกับจูบเอาแต่ใจของเขาจนได้!
ยายซีหน้าโง่!
เธอเคยโง่มาแล้วและตาสว่างแล้ว ยังจะทำให้ตัวเองกลับไปโง่อีกครั้งอย่างนั้นหรือ!
-----------------------
ฉิบหายแล้วไง!
แอชตันพึมพำกับตนเองในตอนที่จ้ำอ้าวออกจากห้องของสริตาราวกับไม่สามารถทนอยู่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เขาไม่ควรจูบเธอ! แต่เขาห้ามตัวเองไม่ได้ พอรู้ตัวอีกทีเขาก็จูบเธอไปแล้ว!
ความรู้สึกและรสชาติของเธอยังอบอวลอยู่ในปากของเขา ความรู้สึกในตอนที่ร่างเล็กแต่หอมกรุ่นที่แนบชิดกับเรือนร่างของเขาปลุกเร้าให้เขาเตลิดเสียจนเกือบจะกู่ไม่กลับถ้าไม่ใช่เพราะเธอขัดขืนดิ้นรนจนทำให้เขาได้สติกลับมาในที่สุด และนั่นทำให้เขาต้องดึงหน้ากากของความยะโสอวดดีใส่ตัวเองก่อนจะเผ่นออกมาก่อนจะทนไม่ไหว
บัดซบเอ๊ย! เธอเป็นเด็กในปกครองของเขา แต่เขากลับจูบเธอ! ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เสียใจในสิ่งที่ทำแต่เขาก็ยังรู้สึกละอายใจอยู่ดีเพราะรู้ดีว่าเขาทำเกินกว่าเหตุ ทว่าเธอยั่วโทสะเขาอย่างเหลือเกินและเขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้เอาเสียเลย
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสริตา มันทำให้ความยับยั้งชั่งใจของเขาหดหายเสียจนน่าหวาดหวั่น และเพราะเขารู้ดีนั่นแหละถึงได้ถอยห่างจากเธอ แต่เธอก็ทำให้เขาต้องเข้ามาก่อนเวลาอันสมควรจนได้!
กว่าจะรู้ตัวอีกทีแอชตันก็กลับเข้ามาในรถคาดิแลคสามตอนของเขาซึ่งจอดรออยู่หน้าอพาร์ทเม้นต์ และเมื่อสอดตัวเข้าไปนั่งข้างในชายหนุ่มก็ควักเอาโทรศัพท์มือถือออกมาติดต่อหาผู้ช่วยสาวคนสนิทในตอนที่รถคันหรูแล่นออกจากสถานที่แห่งนั้น
“มิสเตอร์แอดดิสัน”
แม้จะเป็นเวลากลางดึก ทว่าซัมเมอร์ โฮป ก็รับสายของเขาอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงของเธอยังคงแจ่มใสไม่เหมือนคนที่เข้านอนไปแล้วสักนิดเดียวในตอนที่รับสาย
“ซัมเมอร์” แอชตันเรียกชื่ออีกฝ่ายก่อนจะสั่งงานออกมาอย่างรวดเร็ว “ผมอยากให้คุณช่วยจับตาดูสริตาให้ด้วย อย่าให้เธอออกนอกลู่นอกทาง”
“ได้ค่ะเจ้านาย”
“อ้อ” เขาร้องขึ้นก่อนจะสำทับ “แล้วทำให้แน่ใจด้วยว่าเธอจะใช้ชีวิตอย่างลำบากหน่อย ผมอยากบีบให้เธอจนตรอก”
“…”
พูดถึงตอนนี้ดวงตาคมของเขาก็หรี่แคบลงพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากซึ่งผุดพรายขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย
“เธอจะได้รู้เสียทีว่าการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ไม่ได้สบายเหมือนเดิมอีกต่อไป เธอควรจะตระหนักได้แล้วว่าเธอจะต้องเชื่อฟังใครถ้าอยากได้ชีวิตสบายๆ กลับคืนมา”
และซัมเมอร์ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เพราะเธอตอบรับคำสั่งของเขาอย่างมีประสิทธิภาพและไม่โต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้นว่า
“ได้ค่ะเจ้านาย”