ภายในรถบัสพายุนั่งริมหน้าต่าง กำลังเลื่อนดูข้อความในมือถือ
ติ้ง!
แจ้งเตือนข้อความใหม่จาก “น้ำตาล”
“พี่คะ ไปที่เกาะ อย่าพึ่งทำเป็นรู้จักฉันนะคะ”
พายุอ่านจบในเวลาไม่ถึงสามวินาที เขานิ่งไปเล็กน้อย ดวงตาทอดมองออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่าง สายลมเช้าไหลผ่านกระจกติดฟิล์ม แล้วเขาก็ก้มหน้าลง ยิ้มบาง ๆ อย่างเข้าใจแต่ก็ปนขื่น ๆ
พายุพิมพ์ตอบกลับช้า ๆ
โอเคครับ
ไม่ถึงหนึ่งนาที ข้อความเด้งกลับทันที น้ำตาลดูเหมือนจะรีบอธิบาย
“ฉันไม่อยากให้เพื่อน ๆ มองว่าได้อภิสิทธิ์อะไรจากรุ่นพี่ค่ะ หรือรู้จักกับรุ่นพี่”
พายุมองข้อความนั้น แล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ แค่นิดเดียว จากนั้นก็พิมพ์กลับด้วยคำสั้น ๆ แต่โคตรอ่อนโยน
“ครับ :) ”
เขาวางมือถือไว้บนตัก แล้วเอนหัวพิงกระจก ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ คำว่า “ครับ” ของเขาอาจจะสั้น…แต่มันเต็มไปด้วยความอดทนแบบที่น้ำตาลอาจไม่มีวันรู้
ไม่เกินชั่วโมงก็มาถึงท่าเรือ
แดดเช้าแรงพอให้เหงื่อซึม น้องปี 1 หลายสิบคนลงจากรถบัสแล้วมารวมกันที่ท่าเรือไม้เก่า เสียงคลื่นซัดอยู่ไม่ห่าง พี่ว๊ากหนุ่มอย่าง ‘ไดม่อน’ กำลังเดินดูลาดเลาอยู่ด้านหน้า
ไดม่อนตะโกนเสียงดังฟังชัด
“เฮ้ย! น้อง ๆ ทุกคน ต่อแถวตามลำดับคณะเลยครับ! วิศวะเครื่องกล ไฟฟ้า เคมี แยกช่องกันชัด ๆ! อย่ามั่ว!”
เสียงกรุบกรอบของรองเท้าผ้าใบเหยียบพื้นไม้เก่า รุ่นน้องเริ่มตั้งแถวอย่างรีบ ๆ บางคนยังงง ๆ บางคนแอบเซลฟี่เบา ๆ ก่อนถูกเอริคเดินมาเตือน
เอริคพี่ว๊ากอีกคน
“เก็บมือถือครับน้อง! ตอนนี้ไม่ใช่เวลาถ่ายรูป เดี๋ยวเรือมาก็ค่อยโพสต์เป็นเซ็ตเลย!”
เสียงหัวเราะกรุบกริบของน้องสาวบางคนดังขึ้นเบา ๆ บางคนแอบกระซิบเพื่อน
น้องคนหนึ่งกระซิบ
“พี่ไดม่อนนี่โหดก็จริง แต่โคตรหล่อเลยว่ะแก เหมือนพระเอกซีรีส์แนวร้าย ๆ”
อีกคน
“เออ แต่พี่เอริคนี่หล่อแบบอบอุ่นอะ ฉันเลือกไม่ถูก!”
อีกคน
“แหม แล้วไม่พูดถึงคนที่หิ้วกระติกเลยเหรอ หล่อซะเปล่า แต่นึกว่าเด็กฝึกงาน…”
ซึ่งตอนนี้พายุที่ยืนหิ้วกระติกน้ำอยู่ด้านข้าง เขาหล่อเกินหน้าที่ จนบางคนแอบเหลียวมอง แต่น้ำตาลที่อยู่ไม่ไกลแสร้งทำเป็นมองวิวทะเล ไม่แม้แต่จะสบตา
พายุพูดเบา ๆ กับตัวเอง
“ถึงจะเหมือนเด็กฝึกงานก็มีหัวใจนะครับ…”
ปื้นนนน~
เสียงเครื่องยนต์ของเรือใหญ่เริ่มดังขึ้นจากไกล ๆ ทุกคนหันไปมอง เรือใหญ่ลำโตติดชื่อ ‘Wattanadet Private Island’ กำลังแล่นเข้ามาเทียบท่า
ไดม่อนสั่งการ
“โอเค! น้องทุกคน เตรียมตัวขึ้นเรือ! ใครเมาเรือง่าย พี่เตรียมถุงไว้ให้แล้ว อย่าเพิ่งเป็นลมก่อนถึงเกาะ!”
เอริคแซวเสริม
“แต่ถ้าเป็นลมแล้วมีพี่ประคองก็อย่าตกหลุมรักง่าย ๆ ล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!”
เสียงหัวเราะเล็ก ๆ ดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนทุกคนเริ่มทยอยขึ้นเรือตามแถวที่จัดไว้เรียบร้อย พร้อมเดินทางสู่เกาะส่วนตัวที่เต็มไปด้วยกิจกรรมสุดโหด และเรื่องหัวใจสุดพีคที่กำลังจะตามมา
ณ บนเรือใหญ่
ท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนตัดกับน้ำทะเลใส ทุกคนเริ่มนั่งชิลตามอัธยาศัย ลมแรงพัดปลิวเสื้อบาง ๆ ของเหล่านักศึกษาตามแรงคลื่น
กลุ่มพี่ว้ากปี 3 ไดม่อน, เอริค, ทอฝัน และพายุ นั่งอยู่โซนด้านหน้า ไม่ไกลจากบรรดาน้อง ๆ ที่นั่งกระจายเป็นกลุ่มเล็ก ๆ
เพื่อนปี 3 คนหนึ่ง ชื่อ “แม็ค” เดินมานั่งแทรกข้างพายุ ท่าทางทะเล้น มีความเป็นพวกชอบกวนใส่ไม่เลือกหน้า
แม็คยกยิ้มมุมปาก มองตามสายตาพายุ
“เห้ยไอ้พายุ มึงมองน้องน้ำตาลของกูอยู่นานแล้วนะ มึงคิดอะไรกับน้องเค้าป่ะวะ?”
พายุที่กำลังจ้องไกลออกไป ไม่ทันรู้ตัวว่ามองไปทางน้ำตาล ยิ้มน้อย ๆ ก่อนนึกถึงข้อความที่เธอส่งมาให้ก่อนขึ้นรถ
พายุเสียงเรียบ
“เปล่า กูไม่ได้คิดอะไร”
แม็คหัวเราะฮึ ๆ แล้วตบไหล่พายุเบา ๆ
“ดีแล้ว ๆ เพราะมึงมองน้องเขาไปก็เหมือนหมามองเครื่องบินอะพายุ น้องเขาน่ะอยู่ระดับเฟิร์สคลาส มึงเคยนั่งมั้ย เฟิร์สคลาสอะ?”
พายุส่ายหัวนิด ๆ แบบไม่ได้มีอารมณ์ร่วมอะไรนัก
“ไม่เคยว่ะ”
แม็คหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่า ๆ กูก็ว่างั้น! งั้นกูไปทำคะแนนกับน้องเขาก่อนนะ เดี๋ยวสาย!”
แม็คลุกเดินไปอีกฝั่ง ทิ้งเสียงหัวเราะไว้กลางลมทะเล
พายุก้มมองทะเล มือยังคงกุมกระติกน้ำที่ถูกสั่งให้หิ้วเหมือนเด็กฝึกงาน ทอฝันลอบมองเขาเล็กน้อยเหมือนจะพูดอะไร แต่เอริคกลับเดินเข้ามาก่อน
เอริคยื่นขวดน้ำให้พายุ พลางยืนเท้ากอดอก
“มึงนี่ก็ใจเย็นเนอะ ถ้าเป็นกูนะ กูจะบอกมันไปละว่า ‘กูไม่เคยนั่งเฟิร์สคลาสเพราะบ้านกูมีเครื่องบินส่วนตัว’”
พายุก้มรับน้ำ ไม่พูดอะไร เอริคยังพูดต่อในน้ำเสียงกึ่งประชดกึ่งขำ
“แหม…ไอ้พายุ มหาเศรษฐีปลอมตัวเป็นเด็กจน มึงนี่มันพระเอกนิยายชัด ๆ เลยว่ะ ฮ่า ๆ ๆ กูล่ะหมั่นไส้จริง”
พายุพูดเบา ๆ
“แล้วถ้ากูพูดแบบนั้น น้ำตาลจะมองว่ากูเล่นละครหรือเปล่าวะ?”
เอริคหยุดขำทันที หรี่ตามองพายุแล้วถอนหายใจแรง ๆ
“เออ กูก็ลืมไป ว่ามึงจริงจังกับน้องเขาขนาดนั้น…”
ทอฝันที่นั่งใกล้ ๆ เงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะหลุดพูดออกมาเบา ๆ โดยไม่หันหน้าไปหาใคร
“ถ้ามึงชอบน้องเขาจริง มึงก็อย่าให้ใครพูดกับมึงแบบนั้นอีกนะพายุ… คนที่ยอมปลอมตัวจนคนอื่นดูถูก มันไม่เท่เลยว่ะ”
พายุหันไปมองเธอ แต่เธอกลับลุกแล้วเดินไปอีกฝั่ง เอริคสบตาพายุแล้วยักคิ้วเบา ๆ
“คนนี้ก็หวง คนโน้นก็ห่วง มึงจะเลือกเป็นหมามองเครื่องบิน หรือเป็นเจ้าของสายการบินวะพายุ?”
พายุยิ้มจาง ๆ ไม่ตอบ ก่อนหันกลับไปมองทะเลอีกครั้ง ลมทะเลปะทะหน้าเขาเบา ๆ เหมือนเตือนสติว่า ชีวิตที่ปลอม…ก็เหนื่อยไม่เบา