เมื่อครบกำหนดการเข้าหอของคุณชายทั้งสอง คุณชายปั้นจึงถือโอกาสไปเยี่ยมท่านพ่อของเขาที่เรือนใหญ่ ทันทีที่เขาเห็นบิดาคุณชายน้อยก็มีอาการดีใจจนวิ่งเข้าไปสวมกอดบิดาในทันที
"ท่านพ่อ!"
"ปั้นลูกพ่อ เป็นยังไงบ้างการเข้าหอกับสามีของเจ้า... โอ๊ยย!!... กอดพ่อเบาๆ ก็ได้ลูกพ่อหายใจไม่ออกแล้ว"
"ท่านพูดอะไรของท่านล่ะ ถ้าท่านถามข้าเช่นนี้จะให้ข้าตอบท่านไหมล่ะว่าท่านพี่รังแกข้าหนักมากเพียงใด..." คุณชายน้อยเผลอหลุดปากเรื่องการเข้าหอแก่บิดาไปไม่ทันได้คิด
"อะไรนะ นี่เจ้ารังแกลูกข้าทั้งวัน ทั้งคืนเลยรึอาไวซ์" ด้วยความตกใจและเป็นห่วงลูกชายของตนทำให้พ่อตาชักดาบคู่กายชี้ปลายดาบไปยังคอหอยของลูกเขยหนุ่มอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว
"ท่านพ่อท่านจะทำอะไรครับ อย่านะ" คุณชายน้อยเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีเลยเอ่ยห้ามอย่างคนตกใจ ลูกเขยหนุ่มพูดอะไรไม่ออกทำได้เพียงอ้าปากค้างตาโตตามสถานการณ์
"พ่อก็จะจัดการไอ้ลูกเขยตัวดีสิ มีสิทธิ์อะไรมารังแกลูกข้าแบบนี้ ถ้าธรรมดาจะไม่ว่าอะไรแต่ลูกบอกพ่อว่าหนักมาก พ่อทนไม่ได้จริงๆ"
"ข้าว่าท่านเก็บดาบของท่านก่อนเถอะ ท่านพี่กลัวจนเหงื่อตกหมดแล้วนะครับ ที่ข้าบอกท่านน่ะ ข้าเพียงต้องการบอกเฉยๆ ครับ ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรท่านพี่หรอก ข้าเข้าใจท่านพี่ของข้าดีครับ" ลูกเขยหนุ่มเผยรอยยิ้มอย่างดีใจกับสิ่งที่ฮูหยินของตนกล่าวกกับบิดา
"ได้พ่อจะให้อภัยแก่สามีของเจ้า เมื่อเจ้ายืนยันกับพ่อว่าลูกชอบให้สามีรังแก 555++" ประมุขของบ้านหัวเราะลั่นด้วยความชอบใจแต่ถูกสายตาลูกชายมองค้อนอย่างเคืองๆ ก่อนจะเดินเข้าเรือนใหญ่ไป
"ตอนนี้ข้าจะพอมองออกแล้วว่าลูกข้าเริ่มมีใจให้กับเจ้าแล้วนะ อาไวซ์"
"ครับท่านพ่อแสดงว่าที่ท่านเอาดาบมาจี้ข้าเมื่อสักครู่นี้เพียงเพราะว่าต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างเท่านั้นเองเหรอครับ"
"ใช่ แต่ยังไงเจ้าเองก็อย่าหักโหมให้มากนัก ลูกข้าต้องการความรัก การดูแลเอาใจใส่ ไม่ใช่เพียงแต่เรื่องหลับนอนเท่านั้น เข้าใจที่พ่อพูดนะ?..."
"ข้าเข้าใจครับท่านพ่อแต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความรักจากใจของข้าล้วนๆ ครับท่านพ่อ" ลูกเขยหนุ่มกล่าวอย่างภูมิใจถึงความรู้สึกที่มีต่อคุณชายปั้น
"ดีแล้วเจ้าเพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวข้าไปทำธุระที่โฉกวง จะกลับก่อนตะวันตกดินฝากบอกอาปั้นด้วย" ประมุขของบ้านตบไหล่ลูกเขยหนุ่มเบาๆ ก่อนเดินจากไป
"ครับท่านพ่อ" เขาเองจึงเดินเข้าเรือนใหญ่ไปหาฮูหยินแสนสวยของเขาทันที
ณ สำนักเฉินอั่งเปา สถานที่ฝึกและเรียนวิทยายุทธ์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
"ท่านอาจารย์ช่วงนี้ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมท่านดูเหมือนคนอกหักมากขนาดนี้ครับ?" ลูกศิษย์ตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตสีหน้าอาจารย์ของเขาหม่นหมองคล้ายคนผิดหวังในความรัก
"เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอกหัก เจ้าเองก็ยังเด็กนัก"
"ที่ข้ารู้เพราะข้าก็เคยอกหัก ที่ครั้งหนึ่งข้าเคยแอบชอบท่านแต่เมื่อรู้ว่าท่านไม่สนใจข้า ข้าเลยตัดใจจากท่าน" ลูกศิษย์วัยใสกล่าวอย่างฉะฉานโดยไม่หลบสายตาของอาจารย์ที่กำลังอยู่ในอาการทึ่งกับสิ่งที่คนตรงหน้าได้ยิน
"เจ้าชอบข้าเหรอ?..."
"ครับ ข้าเคยชอบท่านแต่ตอนนี้ข้าไม่ชอบแล้วครับท่านอาจารย์ ข้าขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ" เมื่อศิษย์วัยใสเดินจากไป ทำให้ให้เขาได้คิดว่าหากเขาบอกรักคนที่แอบรักไปตั้งแต่ตอนนั้นคงไม่ต้องมานั่งทุกข์กับความผิดหวังแบบนี้แต่มาตอนนี้มันก็สายเกินกว่าที่เขาจะกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว เมื่อคนที่เขาแอบรักได้แต่งงานเป็นที่เรียบร้อย เขานั่งเหม่อพลางคิดอะไรวนไปวนมาอยู่หลายรอบจนไม่รู้ว่าไม่ใครคนหนึ่งนั่งลงด้านข้างกายของเขา
"ท่านเจ้าสำนัก ท่านนั่งคิดอะไรอยู่เหรอ ข้าเห็นท่านนั่งเหม่ออยู่นานแล้วนะ"
"จอมยุทธ์อะตอม ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ข้ามาตั้งแต่นานแล้วแต่มัวแวะเข้าไปหาศิษย์น้องครับ ว่าแต่ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า ถึงมานั่งเหม่อแบบนี้?..."
"ท่านจะถามข้าทำไม ในเมื่อท่านกับข้าก็ไปร่วมงานนั้นด้วยกัน" จอมยุทธ์อะตอมนั่งคิดสักพักก่อนจะนึกขึ้นได้
"นี่ท่านยังไม่ตัดใจจากคุณชายปั้นอีกเหรอครับ?"
"ข้าพยายามแล้วแต่ข้าทำไม่ได้จริงๆ"
"คนอย่างเจ้าสำนัก เฉินอั่งเปา ที่ใครๆ ต่างเรียกขานว่าจอมยุทธ์ผู้ร่าเริง มีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะเป็นเพื่อน ทำไมกลับพ่ายแพ้ต่อจิตใจตัวเองได้จนต้องกลายเป็นคนอมทุกข์อยู่แบบนี้ ข้าไม่ชอบให้ท่านมีสภาพเช่นนี้เลย ป้ะไปหอนางโลมกับข้า สุรา นารีพร้อมรอคลายความทุกข์ให้กับท่าน" เจ้าสำนักตั้งใจฟังกับการเชื้อเชิญของจอมยุทธ์อะตอม ขณะเดียวกันก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา
"พวกท่านจะไปไหนกัน?..."
"ศิษย์ข้าเจ้ามีอะไรอีก พวกข้ากำลังจะไปหอนางโลมกัน..." จอมยุทธ์อะตอมกำลังจะเอ่ยห้ามเจ้าสำนักเพื่อไม่ให้บอกสถานที่ที่จะไปแต่ไม่ทันเสียแล้ว
"ท่านพี่ ท่านจะชวนอาจารย์ข้าไปหอนางโลมอย่างนั้นเหรอ ไม่ได้ข้าไม่ให้ไปถ้าจะไปก็ไปแต่เพียงท่านอาจารย์คนเดียวเท่านั้น" ศิษย์วัยใสยื่นคำขาดกับศิษย์พี่ของเขาด้วยสีหน้าจริงจังแกมเคร่งเครียด
"เดี๋ยวๆ เจ้าเป็นอะไรรึเปล่าศิษย์ข้า ทำไมต้องโวยวายใส่เพื่อนข้าเช่นนี้"
"เอ้ออ...ท่านเฉินข้าว่าท่านอย่าถามเขาอีกเถอะ นะๆ ข้าไม่อยากไปแล้วล่ะหอนางโลมนั่นน่ะ มีอะไรดีที่ไหน สู้อยู่ที่สำนักและฝึกวิทยายุทธ์กับศิษย์น้องดีกว่า..." จอมยุทธ์อะตอมกล่าวพลางมีอาการลนลานก่อนจะรีบลุกขึ้นคว้ามือศิษย์น้องเตรียมจะก้าวขาไปจากตรงนั้นแต่....
"หยุดก่อนท่านพี่แต่สิ่งที่ข้าได้ยินที่ท่านกล่าวกับท่านอาจารย์ไม่ใช่แบบนี้นี่"
"พวกเจ้าเป็นอะไรกัน ทำไมพูดจากันแปลกๆ"
"พวกข้า...." จังหวะที่จอมยุทธ์อะตอมกำลังจะตอบแต่กลับถูกศิษย์น้องพูดแทรก เสียก่อนทำให้เขารู้สึกตื่นกลัวอย่างบอกไม่ถูก
"ข้ากับท่านพี่เรารักกันครับท่านอาจารย์ ที่ข้าบอกท่านว่าข้าไม่ได้ชอบท่านแล้วเพราะข้ามีท่านพี่ที่รักและคอยดูแลข้าเป็นอย่างดีไงครับ" เจ้าสำนักทำหน้างงกับสิ่งที่ได้ฟัง ทางจอมยุทธ์อะตอมกลับนั่งหงอยไม่พูดไม่จาอะไร
"เจ้านี่สมกับฉายา จอมยุทธ์เจ้าสำราญจริงๆ เมื่อวานยังพาหญิงนางโรมมาให้ข้า พอข้าปฏิเสธเจ้าก็ขอยืมห้องข้าสะงั้น นี่ยังมารังแกศิษย์ข้าอีก" เจ้าสำนักเฉินเผลอหลุดวีรกรรมของสหายต่อหน้าคนรัก
"ท่านพี่! ไหนท่านเคยบอกว่ารักข้าคนเดียวไม่ใช่เหรอ ทำไมเป็นแบบนี้ ท่านดูถูกความรักของข้ามาก ข้ารักท่าน ยอมท่านทุกอย่างแต่สิ่งที่ข้าได้รับคือความไม่สื่อสัตย์ของท่าน... ท่านมันคนใจร้าย... ใจร้ายที่สุด....ฉึกก!!....(อย่าาาา!!!!....)" ศิษย์น้องกล่าวกับท่านพี่ของเขาทั้งน้ำตาก่อนจะหยิบมีดสั้นที่พกติดตัวแทงตัวเองทันที เจ้าสำนักและจอมยุทธ์อะตอมตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งร้องห้ามแต่ไม่ทัน จอมยุทธ์เจ้าสำราญรีบเข้าประคองศิษย์น้องที่มีเลือดไหลนองหนุนนอนบนตัก
"เจ้าทำอะไรของเจ้าน้องพี่ ทำไมต้องทำเช่นนี้" น้ำตาจอมยุทธ์รินไหล
"ท่านไม่ต้องการข้าแล้ว ข้าจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร เมื่อทั้งชีวิตของข้าให้ท่านไปหมดแล้วแต่ท่านกลับ...เอ้อออ..." เสียงหายใจเฮือกใหญ่จากศิษย์น้องทำให้จอมยุทธ์เจ้าสำราญอดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้
"น้องพี่เจ้าต้องไม่เป็นอะไร เจ้าต้องอยู่ดูความสำเร็จของพี่ พี่ขอให้สัญญาใจจากนี้พี่จะไม่ทำให้เจ้าเสียใจอีก พี่รักเจ้านะถึงพี่จะดื่มเหล้าเคล้านารีแต่ใจพี่ก็รักเจ้าเพียงผู้เดียวเช่นกัน" ขณะที่จอมยุทธ์หนุ่มพร่ำบอกรักต่างๆ ต่อศิษย์น้องอยู่ ทางเจ้าสำนักเห็นท่าไม่ดีที่เลือดของศิษย์วัยใสไหลไม่หยุด
"พอก่อนเถอะ ข้าว่าพาศิษย์น้องของเจ้าไปทำแผลห้ามเลือดก่อนที่เจ้าจะไม่ได้บอกรักศิษย์น้องของเจ้าอีกดีกว่านะอะตอม" เมื่อจอมยุทธ์อะตอมได้สติจึงรีบนำตัวศิษย์น้องเข้าไปรักษาในห้องยาโดยมีเจ้าสำนักเฉินเป็นผู้ทำแผลให้และมีจอมยุทธ์อะตอมเป็นผู้ช่วย จากนั้นเมื่อทำแผลจนปลอดภัยจอมยุทธ์อะตอมได้อุ้มศิษย์น้องไปพักผ่อนในห้องนอนที่เขาเคยมาค้างแรมอยู่เป็นประจำ ทั้งยังคอยเฝ้าดูแลถามไถ่อาการเป็นระยะอย่างห่วงใยตลอด