หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ไบรท์ก็พาเธอมายังห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ กับคอนโด โดยวันนี้ทั้งเขาและเธอตกลงกันว่าจะมาซื้อพวกของกิน ของใช้ และอาหารสด ไว้สำหรับเวลาที่เธออยากทำอาหาร
อีกทั้งพวกของใช้เสื้อผ้าต่างๆ เธอก็ไม่อยากกลับไปเอาที่ห้อง เพราะตอนนี้ยังไม่พร้อมเจอเขาคนนั้น ขอให้จิตใจแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้โดยที่ไบรท์ไม่ต้องยืนประกบหลัง หรือยืนพยุงอยู่ข้างๆ ก็เพียงพอที่จะเจอกัน
"เอาอันนี้ด้วยไหม"
"มันคืออะไรเหรอ?" เธอดูไม่ค่อยออกเท่าไรนัก ว่ากล่องที่ไบร์ทถือมาให้เธอนั้น คืออะไร?
"ซิลิโคนแปะจุก เวลาใส่เสื้อสายเดี่ยว หรือชุดโชว์หลังอะไรแบบนี้มันจะได้สวย"
"........"
ไม่เพียงแค่เธอที่เงียบ ลูกค้าและพนักงานที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็เงียบกริบ และหันมามองทั้งสองคนเป็นตาเดียว
"ทำไมเหรอ?"
เขาถามแบบนั้นเพราะเห็นเธอนิ่งอึ้งไป แก้มขาวตอนนี้เริ่มเเดงระเรื่อ จะไม่ให้เป็นแบบนั้นได้อย่างไรกัน นอกจากเขาจะเดินเลือกเสื้อผ้าให้เธออยู่เนืองๆ ตัวนั้นก็สวยตัวนี้ก็เหมาะ แล้วพวกของใช้บางอย่างที่เธอไม่เคยนึกถึงเขายังหามาจนได้ซะขนาดนี้
"เปล่าๆ เอาๆ ไปก็ได้ "
เมื่อตั้งสติได้เธอก็รีบเออออไปกับเขา พอจ่ายเงินเสร็จก็รีบพาคนตัวโตออกจากร้านทันที เพราะมีหลายสายตาที่จับจ้องมาที่คู่เธอตลอดเวลา บ้างสงสัย บ้างยิ้มกรุ่มกริ่ม
แหง๋ล่ะ...เป็นใครจะไม่มอง ไบร์ทดูหล่อสะดุดตา และน่ากลัวในเวลาเดียวกัน อีกทั้งการกระทำของเเขายิ่งเป็นจุดสนใจของผู้คนมากมาย ไม่ใช่ไม่ดีที่เขาเอาใจใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่เธอไม่ชิน! ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งได้สัมผัสพบเจอการมีอยู่ของผู้ชายที่ซัพพอร์ตการแต่งตัวของผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดนี้
"เอาของไปเก็บก่อนไป"
"อยากได้อะไรเพิ่มไหม?"
หลังจากเดินมาได้สักพัก เขาก็บอกให้ผู้ช่วยเอาของไปเก็บที่รถ และหันมาเอ่ยถามเธอที่เดินคู่กันมา ตอนเเรกเธอก็เดินห่างเขาอยู่หรอก แต่เป็นเขานั่นแหละที่เดินเข้าใกล้เธอเรื่อยๆ ทีละนิดๆ จนแทบจะตัวชิดกันอยู่แล้ว
"ไม่เอาแล้ว นี่ก็หมดไปเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ?"
"แค่นี้เอง"
เธอเล่นผลาญเงินเขาไปตั้งเยอะ เขาพูดมาแค่นี้เนี่ยนะ เธอต้องเรียกป๋าไบร์ทไหมเนี่ย...อีกอย่างใช่ว่าที่บ้านเธอจะลำบากขนาดนั้น ถึงพ่อเเม่จะเสียไปตั้งแต่ยังเล็กแต่ก็ทิ้งทรัพย์สินจำนวนไม่น้อยไว้ให้เธอ เธอจึงเรียนหนังสือและจับจ่ายใช้สอยได้คล่องมือหน่อย แต่ก็ไม่เคยติดนิสัยฟุ่มเฟือยเลยสักครั้ง พอใจเท่าทีมี ไม่ได้ยึดติดกับความหรูหรา
"อยากได้กระเป๋าไหม?"
เมื่อเดินผ่านช็อปกระเป๋าแบรนด์เนม ไบรท์จึงเอ่ยถามหญิงสาวข้างกายอีกครั้ง เขาคิดว่าผู้หญิงน่าจะชอบ ใจจริงก็อยากซื้อให้เธอด้วยแหละ จึงถือวิสาสะคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กก่อนที่จะลากเธอเข้าไปโดยที่ยังไม่ทันได้รับคำตอบจากเธอเลยด้วยซ้ำ
"ไม่เอา"
"เข้าไปดูก่อน"
"ไม่เป็นไร กระเป๋าใบเดิมยังใช้ได้อยู่เลยเนี่ย"
เธอมองเห็นป้ายราคาเเล้วลมแทบจับ นี่ขายราคาเท่ากับสร้างบ้านได้หลังหนึ่งเลยนะเนี่ย เธอไม่เอาด้วยหรอก ไม่ชอบยึดติดกับสิ่งของตามกระแสนิยม แถมยังเกรงใจเขาอีกต่างหาก เพราะถ้าให้ซื้อเขาก็คงไม่ยอมให้เธอควักเงินจ่ายเอง
"แน่ใจเหรอว่ามันยังใช้ได้"
ไบรท์หันไปมองกระเป๋าผ้าที่เธอสะพายอยู่ ที่อดีตมันเคยเป็นสีขาว ปัจจุบันซีดหมดแล้ว นอกจากมันจะเก่ามากหนำซ้ำยังมีรอยขาดเล็กน้อย ยิ้มใช้งานมันหนักจริงๆ วันปกติต้องหอบสมุด เลคเชอร์ บ้างก็หนังสือ มาวันนี้ยังใส่ขนมบ้างของใช้ที่ซื้อมาก่อนหน้านี้เพิ่มอีก เอาเป็นว่าเจ้ากระเป๋าผ้าใบนี้ สู้ชีวิตแบบสุดๆ
"ใช้ได้ เราชอบเเบบนี้มากกว่า ถ้าแบบพวกนั้นมันก็สวยเกินไป เดี๋ยวไม่กล้าใช้"
"สักใบก็ไม่เอาเหรอ?"
เขานั้นก็คะยั้นคะยอไม่เลิก แค่อยากให้เธอได้ใช้ของแพงๆ เหมือนที่คนอื่นใช้ก็เท่านั้น เขาไม่อยากให้เธอรู้สึกน้อยหน้าใคร และก็ไม่อยากให้ใครด้อยค่าเธอ แต่ประโยคถัดมาของคนตัวเล็กก็ทำให้เขาเข้าใจบางอย่างมากขึ้น
"ไม่เอาหรอก ยิ้มใช้อะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแพงมาก แล้วก็ไม่ต้องตามกระแสทุกอย่าง ยิ้มว่าที่ยิ้มมีมันก็เพียงพอเเล้ว"
เธอส่งยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า เขาเองก็เพียงพยักหน้าตอบเเละพาเธอเดินออกไป โดยทุกการเคลื่อนไหวของเธอนั้น ทำให้เขาอดยิ้มพอใจไม่ได้ ไม่รู้สิ...ทุกอย่างที่เป็นยิ้มมันดูน่าสนใจไปหมด
"ไบรท์" จู่ๆ คนที่เดินข้างกายก็หยุดชะงัก และเอ่ยเรียกชื่อเขาขึ้นมา
"หืม"
"อยากกินชานมไข่มุก"
รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้ารูปไข่ ซึ่งแลดูสดใสแม้เธอจะไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางค์มากมาย แต่กลับมองยังไงก็ดูไม่น่าเบื่อ ยิ่งพอเธอพูดเท่านั้นยิ่งเพิ่มเสน่ห์น่าหลงไหลเข้าไปอีก จนคนมองอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
"ได้สิ"
"เเต่คิวแอบยาวอยู่นะ ไบร์ทรอได้ไหม เดี๋ยวยิ้มไปต่อแถวซื้อ"
เธอชี้มือไปที่ร้านชานมไข่มุกของโปรด ซึ่งตอนนี้มีผู้คนยืนต่อแถวยาวเป็นหางว่าว เธอเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง เวลาที่เห็นร้านไหนมีคนรอคิวเยอะยิ่งชอบใจ แสดงว่าร้านนั้นต้องอร่อยมากแน่ๆ
"เดี๋ยวเราไปซื้อให้"
"หืม?" ประโยคที่เขาเอ่ยออกมาทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และแอบรู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้สิ...นานมากแล้วที่ไม่เคยมีใครใส่ใจความรู้สึกเธอ หรือคิดจะทำเพื่อเธอแม้มันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
"ยิ้มนั่งรอตรงนี้เถอะ "
"เอาจริงดิ"
"อื้อ คิวมันออกจะยาว กลัวยิ้มปวดขา"
เขาคิดอย่างที่พูดจริงๆ ความรู้สึกที่ส่งผ่านม่านดวงตาคู่นั้นไม่มีความหมายใดผิดเพี้ยน ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นเหมือนกันนะเนี่ย แม้จะขัดกับรูปลักษณ์ของเขาก็เถอะ
"แหม๋ๆ ห่วงซะด้วย ยังไงก็ขอบคุณนะ^^"
เธอเอ่ยหยอกล้อคนตัวโต ก่อนที่จะนั่งรอตรงเก้าอี้ใกล้บริเวณนั้น ในเมื่อเขาบอกว่าจะเป็นคนไปยืนต่อคิวให้ เธอก็ไม่ขัดอยู่แล้ว นานๆ ทีจะมีคนเสียสละให้ ขอกอบโกยไว้ก่อนดีกว่า...