เสียงจอแจฟังไม่ได้ศัพท์ในโซนร้านอาหารของโรงพยาบาล หญิงสาวในชุดเสื้อกาวน์ตักข้าวเข้าปากคำโต จนแก้มตุ่ยเหมือนแฮมสเตอร์ที่กักเก็บอาหารไว้ในกระพุ้งแก้ม
เธอไม่ได้รีบกินแม้จะต้องแข่งกับเวลา ตรงกันข้ามกลับเคี้ยวเชื่องช้า คล้ายว่าไม่อยากอาหารสักเท่าไหร่นัก
มีบางอย่างกวนใจเธอไม่หยุด..
“พิมแกอย่าอมข้าวสิ” ริสาจิ้มเข้าที่หน้าผากดึงสติ
“รีบกินไอ้พิมมีเคสต่อนะเว้ย” ฐิตาช่วยสมทบอีกแรง
เพื่อนสนิททั้งสองเป็นแพทย์ประจำบ้าน อยู่วอร์ดศัลยกรรมเหมือนกัน เพราะงั้นรู้ดีว่าวอร์ดนี้งานล้นมือแพทย์จนเวรเยินขนาดไหน
“ฉันอิ่มแล้ว รู้สึกไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่”
“ถ้าไม่กินข้าวเดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้ง ตอนเข้าไปในห้องผ่าตัดแล้วทำพลาดขึ้นมา โดนอาจารย์หมอดุแน่”
“ก็มันกินไม่ลงนี่ริสา แกจะให้ฉันทำยังไง”
ริสาลอบระบายลมหายใจ พวกเธอสองคนก็ทราบข่าวของพิมรักแล้วเหมือนกัน ไม่ใช่จากปากเพื่อนสนิท แต่เป็นเรื่องที่คนในวอร์ดซุบซิบนินทาต่างหาก
พอทราบข่าวก็มานั่งเค้นเจ้าตัว ถึงได้รู้ว่าณดลนอกใจเธอไปหารุ่นน้องแพทย์ปีสี่ เปิดตัวหวานกันฉ่ำในอินสตราแกรม ลักกินขโมยกินแบบเปิดเผยทันทีที่ทั้งคู่เลิกกัน
แต่ณดลกลับตามง้ออย่างหน้าไม่อาย..
ถามหน่อยว่าใครจะอยากใช้ของร่วมกับคนอื่นกันล่ะ
“เรื่องของพี่ดลใช่มั้ย ตาแกบวมเหมือนเพิ่งร้องไห้มาเลย”
“พี่มันเป็นคนเลวไอ้พิม แกอย่าไปเสียน้ำตาให้เลย”
“จริง พี่ณดลมันเลวได้ใจเนอะฐิตา”
ริสาพยักหน้ารับกับฐิตาอย่างเห็นด้วย อย่าไปเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียวให้คนเลวแบบนั้นเลย เครื่องสำอางราคาแพงบนหน้าไม่คุ้มค่ากับคนประเภทนั้นหรอก
พิมรักถอนหายใจอย่างห่อเหี่ยว สายตาดูเหนื่อยล้าเหมือนคนที่ไม่ได้นอน แต่ความจริงคือกำลังแฮงก์จากเมื่อคืนต่างหาก
“แกตัดขาดออกมาจากคนแบบนั้นได้มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” ฐิตาพูดปลอบด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“ใช่ ดีกว่าแต่งงานกันไปแล้ว ดันมารู้ทีหลังว่าพี่มันซ่อนผู้หญิงเอาไว้” ริสาพยักหน้าระรัวให้อีกหนึ่งกำลังใจ
พิมรักยิ้มแหย เพราะความจริงไม่ได้คิดเรื่องของณดลเลยสักนิด แต่ติดอยู่ที่ตอนเช้าตื่นมาอยู่ในห้องของเทียนอี้ต่างหาก
โชคร้ายกว่านั้นคือภาพตัดจำอะไรไม่ได้เลย..
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปอยู่บนเตียงของเขาได้ยังไง ถูกลากออกไปตอนไหน แล้วเผลอทำอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า
ใช่ ทำอะไรกันมากกว่านั้นหรือเปล่า
‘รายการเงินเข้า บัญชี xxx-x-x5489-x จำนวนเงิน 150,000.00 บาท’
พอได้เห็นจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชี พิมรักก็ยิ่งอยากเอาหัวโขกโต๊ะให้รู้แล้วรู้รอด จำที่มาของเงินไม่ได้เลยสักนิดเดียว
“ไม่เป็นไรน้าแก ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแกเอง วันว่างไปซัดเหล้ากันให้ยับเลย” ริสายื่นมือตบบ่าเพื่อนสนิท เมื่อเห็นพิมรักทิ้งหัวลงกับโต๊ะอาหารอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อชานมไข่มุกร้านประจำให้ ถ้าได้ของหวานเผื่อจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง” ฐิตาตบบ่าอีกข้าง โดยไม่ลืมเอาของโปรดมาหลอกล่อให้อีกคนรู้สึกดี
จะบ้าตาย..
เมื่อคืนเธอทำอะไรลงไปกันแน่
ครุ่นคิดอยู่นานหลายวินาทีจนปวดหัว พิมรักก็เงยหน้าขึ้นมองแล้วนั่งหลังตรง ทำเอาสองเพื่อนสนิทผงะด้วยความตกใจ
ต้องไปเค้นจากปากเทียนอี้สินะ..
พอคิดได้แบบนั้นร่างบางก็ผุดลุกจากเก้าอี้ ก่อนจะฉีกยิ้มจนตาหยีกลบเกลื่อนพิรุธเอาไว้ให้มิด
“แล้วแกจะไปไหนพิม”
“ไม่กินข้าวก่อนเหรอ”
พิมรักยกมือปรามทั้งคู่ พร้อมกับยกถาดเตรียมไปเก็บ
“ฉันขอตัวไปตามดูเคสคนไข้ก่อน ยังไงก็ขอบใจพวกแกมากเลยนะ ไปละ”
พูดจบก็รีบเผ่นแน่บโดยไม่รีรอ สองเท้าก้าวฉับตรงไปยังห้องพักแพทย์ ก่อนจะหยิบมือถือกดเบอร์โทรออกหาเทียนอี้ในทันที
เมื่อเช้าพิมรักหนีกลับมาก่อนเจอเทียนอี้ สภาพของคุณหมอที่กระเสือกกะสนไปเอารถที่แองเจิลวิงคลับ เป็นภาพที่ไม่น่าจดจำเลยสักนิดเดียว
เมาค้างจนโลกหมุนไม่หยุด..
เนื้อตัวมีแต่กลิ่นเหล้า จนต้องรีบกลับไปอาบน้ำที่บ้าน แล้ว มาทำงานแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
แต้มบุญที่จะไม่โดนอาจารย์หมอด่าใช้หมดแล้ว
“ฮัลโหลค่ะคุณเทียน” พิมรักกรอกเสียงลงไปตามสาย หลังได้ยินเสียงสัญญาณรอสายเงียบไป
( สวัสดีครับคุณหมอคนสวย )
“เงินที่โอนเข้ามาเมื่อคืน คุณโอนให้ฉันเหรอคะ”
( ใช่สิ ทำไม น้อยไปเหรอ )
“น้อยบ้า.. ไม่ใช่ คุณโอนมาให้ฉันทำไม”
พิมรักเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก เกือบพลั้งปากสบถใส่อีกฝ่ายเข้าให้แล้วไหมล่ะ
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธอกำลังสติแตก แต่ยังเลือกที่จะยียวนกวนประสาทกันไม่หยุด ดูจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าจงใจปั่นหัวกัน
เขาเป็นคนเดียวที่กุมความลับเธออยู่งั้นสินะ
ยังไงก็ต้องรู้สิว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น..
( จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ )
“ถ้าจำได้ฉันคงไม่โทรมาถามคุณ”
คุณหมอเผลอใช้โทนเสียงเอาแต่ใจ จนปลายสายแค่นหัวเราะในลำคอ แต่แล้วก็เงียบไม่ตอบอะไรกลับมา
นี่เธอถูกดึงเข้าไปเล่นสงครามประสาทงั้นเหรอ
“คุณเทียน”
( ลองคิดดูสิ )
“ว่าไงนะ”
( แค่นี้ก่อน ฉันมีประชุม )
สิ้นประโยคนั้นสายก็ถูกตัดไป เหลือทิ้งไว้แค่พิมรักที่ถือสายคาหูไว้ อารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่านจนหัวคิ้วแทบจะผูกเป็นโบ
“เดี๋ยวก่อนสิ ฉันยังคุยไม่.. ไอ้บ้าเอ้ย”
ช่วงเย็นเป็นเวลาเลิกงาน พิมรักในสภาพอ่อนเพลียยกมือขึ้นมัดรวบผมลวก ๆ ท่าทีของเธอเชื่องซึมขณะเดินออกจากโรงพยาบาล กำลังจะตรงไปยังลานจอดรถ
คิดมากเรื่องเมื่อคืนจนหัวแทบระเบิดอยู่แล้ว
ทว่าก็ต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อมีหญิงสาวในชุดนักศึกษาเดินมาดักหน้าเอาไว้ ไม่วายใช้สายตาไม่เป็นมิตรมองมา
พิมรักยกยิ้มยอมใจในความหน้าด้านหน้าทน ทั้งที่ลักกินขโมยกินของชาวบ้านเขามาเป็นเดือน แต่กลับแบกหน้ามาหาเธอถึงที่โดยไร้ยางอาย
“หลบค่ะ” ร่างบางกดเสียงต่ำด้วยความไม่พอใจ แค่นี้ก็มีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว ถึงพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะที่ไร้ประโยชน์นี้
แต่อีกฝ่ายกลับขยับฝีเท้าตามเธอไม่ให้เดินหนี ใช้น้ำเสียงและสายตาให้ดูเหมือนว่าตนถือไพ่เหนือกว่าอยู่
ก็คงคิดแบบนั้นอยู่แล้ว..
หล่อนได้ผู้ชายที่แอบกินไปครองแล้วนี่
“ไม่หลบค่ะ”
“ต้องการอะไร”
“เลิกยุ่งกับพี่ณดล”
“ไปบอกคนของเธอดีกว่า ว่าให้เลิกตามง้อฉันได้แล้ว”
พิมรักถอนหายใจแล้วกลอกตามองบน ก่อนยกแขนขึ้นกอดอกอย่างเอาเรื่องเช่นกัน
อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าเธอตั้งหลายปี แต่ตั้งท่าทำตัวไร้มารยาทเสียไม่มี คงไม่ได้สำเหนียกตัวเองเท่าไหร่กับการเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์คนอื่น
คนประเภทนี้ย่อมมีความมั่นใจในตัวเองมาก..
ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของคนอื่นพัง ก็จะยิ่งมั่นใจเขาไปใหญ่ว่าผู้ชายนั้นเลือกตัวเอง
อ่า คงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจน่าดู
“ไม่จริงหรอก เขาบอกฉันเองว่าเธอขอให้เขาอยู่ บอกว่าอยากแต่งงานด้วยกันแล้วก็อับอายที่ต้องถูกทิ้ง”
“ฉันอายุมากกว่าเธอหลายปี หัดมีมารยาทหน่อย”
“จำเป็นด้วยเหรอ”
“คงลืมไว้ในท้องแม่สิท่า”
หญิงรุ่นน้องฮึดฮัดด้วยท่าทีไม่พอใจ ก่อนจะแสยะยิ้มเหยียดคล้ายว่าต้องการเอาชนะเช่นกัน
“รู้มั้ยว่าเขาพูดถึงเธอว่าอะไร”
“ไหนลองพูดมาสิ”
“เขาบอกว่าเธอมันจืดชืด ไม่มีรสชาติอะไรเลย แต่งตัวเชยรสนิยมหลายอย่างไปด้วยกันไม่ได้”
ร่างบางยืนนิ่งกับคำพูดที่จุกอก อยากคิดว่าอีกฝ่ายโกหกปั้นเรื่อง แต่แล้วก็ถูกความจริงตอกหน้าเข้าอย่างจัง
‘พิมลองแต่งตัวแบบนี้บ้างสิ เซ็กซี่ดีนะครับ’
‘น้องพิมลองแต่งหน้าแบบนี้ดูมั้ย พี่ว่าเข้ากับน้องพิมดี’
“ไม่แปลกใจหรอกทำไมผู้ชายถึงทิ้งเธอมาหาฉัน ของพวกนี้มันต้องมีลีลากันบ้าง ไม่งั้นดูตายด้านพวกผู้ชายก็ทิ้งไปไง”
ณดลเคยขอให้เธอปรับเรื่องการแต่งตัว บอกให้ลองแต่งหน้าตามคนนั้นคนนี้ โดยที่พิมรักไม่รู้เลยว่ามันเป็นสัญญาณเตือนของคนที่กำลังนอกใจ
เพราะทุกอย่างที่ณดลพยายามให้เธอปรับ มันตรงกับหญิงสาวรุ่นน้องตรงหน้าเธอหมดทุกอย่าง
อ่า ไอ้คนเลวเอ้ย
“เธอคิดว่าเธอชนะแล้วงั้นสิที่ได้คนของฉันไป”
“แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่ ของเหลือที่ฉันไม่เอาก็แค่ขยะ ขยะอย่างเขาไม่ได้มีค่าอะไรให้เสียดายเลยด้วยซ้ำ”
พิมรักข่มอารมณ์แน่น พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“เชิญภูมิใจกับของที่แย่งไปเถอะ เรื่องของยางอายก็ใช่ว่าจะติดตัวผู้หญิงอย่างเรามาตั้งแต่เกิด เป็นกำลังใจให้ก็แล้วกัน”
“อย่าให้รู้ว่าเธอมาตามเอาคืนก็แล้วกัน”
อีกฝ่ายตวาดอย่างหมดความอดทน พิมรักเพียงแค่ปรายหางตามอง ก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากแล้วตอบกลับไป
“ฉันไม่อยากได้คืนด้วยซ้ำ”
ต่อให้เคยรักมากแค่ไหนก็จะไม่กลับไป..
ความรักที่เธอให้ณดลไปตลอดระยะเวลาที่คบกัน มันหมดลงในทันทีตั้งแต่ที่เขาเลือกโกหกและนอกใจกันแล้ว
“แต่ผู้ชายที่บอกว่าเลือกเธอ เขาตามมาง้อฉันเองค่ะ”