ตอนที่ 4
นายน้อยของบ้านหลังใหญ่
“นายน้อยครับเอาอย่างไงต่อดี”
ศักดิ์ชัย คนสนิทของเขาถาม เมื่อ อัครเรช เดินออกมาด้านนอกและเตรียมจะขึ้นรถกลับ
“จัดการพวกมันให้เรียบร้อย เมื่อตำรวจทำอะไรมันไม่ได้ เราก็ต้องกำจัดพวกมันเอง” อัครเรชเอ่ยเสียงเข้ม อย่างน้อยเขาก็ได้รู้แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุฮอลิคอปเตอร์ที่พ่อกับแม่เขานั่งตกในวันนั้น
วันที่ทำให้เขาไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตดั่งเช่นปกติได้อีกต่อไป หลังจากที่ต้องมาเรียนรู้ทุกอย่างของสิริวัฒนาทั้งหมดจากคนสนิทของพ่อผู้จากไป
ทุกคืนวันของเขา เต็มได้ด้วยความเสียใจ ความเหงาเศร้าและเคียดแค้น ผสมปนเปกันจนยากที่จะมีรอยยิ้มอย่างรื่นรมย์ได้ในทุกวัน
มีเพียงเสียงเปียโนเท่านั้นที่ปลอบประโลมใจเขาได้
และเมื่อเขาได้เข้ามาดูธุรกิจในกลุ่มสิริวัฒนา เขาจำต้องล้างบางองค์กรใหม่ทั้งหมด บริหารจัดการทุกอย่างด้วยความชัดเจนและเด็ดขาด คนไหนที่ดูมีปัญหาและเป็นตัวถ่วงเขาพร้อมจะตัดทิ้งโดยไม่แยแส
หลังจากพ่อกับแม่เสียแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เขารู้สึกเกรงกลัวอีกต่อไป
เขาจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาสิริวัฒนา ต่อไป
.
.
“นายน้อยครับ คุณคริสกับคุณจางขอเข้าพบครับ”
คนของเขาบอกเมื่อกลับถึงบ้านสิริวัฒนา คิ้วหนาเข้มของอัครเรช ขมวดขึ้นเล็กน้อย
“บอกว่าชั้นไม่สะดวก คราวหลังให้นัดผ่านที่ออฟฟิศ”
นายน้อยของสิริวัฒนาเอ่ยเสียงเข้ม แม้คนที่ขอเข้าพบทั้งสองคนจะเป็นคนสำคัญทางธุรกิจของWS แต่ก็ไม่จำเป็นพอที่เขาอยากจะให้เจอในบ้านและเวลาส่วนตัวแบบนี้
ปกติเขาจะไม่ให้ใครขอพบง่ายๆ ยกเว้นเจ้าลูกกวางน้อยตัวนั้น ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ
“คุณหนูจะทานมื้อเย็นเลยมั้ยคะ”
แม่บ้านถามอย่างนอบน้อม เมื่อร่างสูงโปร่งของเจ้านายเดินเข้ามาในบ้าน ทุกอย่างที่นี่ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนจากที่ตอนพ่อกับแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ ทั้งข้าวของและคนรอบตัว
เพิ่มเติมคือ ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของเขาทุกคนล้วนใส่ใจและดูแลนายน้อยรูปหล่อของบ้านอันกว้างใหญ่นี้เป็นอย่างดี
“ผมขอเล่นเปียโนแปปนะครับ”
คุณหนูอัครเรชตอบอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินปรี่เข้าห้องดนตรี ซึ่งเป็นห้องที่เขาชอบที่สุดและใช้เวลาอยู่ในนั้นมากกว่าทุกมุมของบ้าน ทุกครั้งที่เขาต้องการใช้สมาธิแทบจะไม่มีใครเห็นเขาออกจากห้องนี้เลย
มีเพียงเสียงเปียโนเท่านั้น ที่ยืนยันว่านายน้อยอยู่ในนั้น
.
.
“พรุ่งนี้ คุณโอมจะทานมื้อเย็นที่บ้านเรา”
จีรวัตร บิดาของศรัญญาเอ่ยขึ้นบนโต๊ะอาหารขณะกำลังทานมื้อเย็นที่บ้านวิโรทัย
คำบอกของผู้เป็นพ่อทำให้หญิงสาว ชะงักมือที่กำลังจะตักอาหารค้างไว้เพียงครู่ ก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆ เหลือบมองหน้ามารดาและพี่สาวคนโตที่จ้องมองมาทางเธอเหมือนจะบอกว่านี่คือคำสั่งว่าเธอต้องเตรียมตัวอย่างไรต่อ
คุณโอม ที่ว่าคือ โอภาส ศรีพิพัฒน์ ลูกชายคนเล็กของตระกูลศรีพิพัฒน์ นามสกุลเก่าแก่ที่ทำธุรกิจด้านน้ำเมามาหลายยุค และมีพื้นดินในเขตกรุงเทพให้เช่าอยู่หลายจุด
คือคนที่ครอบครัวเธอ ตั้งใจจะให้ศรัญญาลูกสาวคนเล็กของบ้านเป็นฝั่งเป็นฝาด้วย หลังจากที่ได้เสนอ ศรีกัลยา ลูกสาวคนโตไปแล้ว แต่เหมือนทางฝ่ายนั้นจะพึงพอใจกับบุตรสาวคนเล็กมากกว่า
“พรุ่งนี้ แป้งอาจจะกลับค่ำนะคะ ว่าจะแวะเข้าดูงานที่บริษัท” ศรัญญาเอ่ยเบาๆ ใจเริ่มเต้นตึกตัก ด้วยเธอไม่อยากจะเจอโอภาส และต้องมานั่งปั้นหน้าเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อจะต้อนรับ
“ค่อยเข้าไปวันหลังก็ได้นี่ เรื่องนี้สำคัญกว่า”
บิดาเอ่ยเสียงเครียด หลายอย่างที่เขาเจอะเจอในช่วงหลังทำให้เขาไม่อยากจะทำธุรกิจต่อ ทั้งผลกำไรที่ย่ำแย่จนไม่แน่ใจว่าจะประคองบริษัทไปได้เท่าไหร่
“แต่พรุ่งนี้ คุณเรชอาจจะแวะเข้าบริษัทก็ได้นะคะ”
ศรัญญาบอกบิดา อย่างมีความหวัง
“อย่าฝันไปเลยแป้ง คนเย็นชาและคิดแต่ผลประโยชน์แบบนั้น ไม่มีทางรับข้อเสนอของเราหรอก”
ศรีกัลยา ผู้เป็นพี่สาวเอ่ย
เธอทราบว่านั่นเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะทำให้ธุรกิจของที่บ้านกลับมาฟื้นได้ หลังจากยื่นกู้กับธนาคารแล้วไม่ผ่าน
“นั่นนะซิ แม่ว่าเรารับข้อเสนอของคุณโอมไปเลยก็ดีนะแป้ง อย่างน้อยเราก็จะได้เดินหน้าธุรกิจของเราต่อ” มารดาเอ่ยสมทบ จ้องหน้าบุตรสาวนิ่ง บิดาเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
ศรัญญา กัดฟันแน่นจนห้อเลือด ความน้อยเนื้อต่ำใจผุดขึ้นมาในใจจนจุกแน่นในอก เธอเข้าใจว่าทุกคนหวงแหนบ้านและทรัพย์สินของบริษัท แต่ไม่มีใครสักคนที่สนใจความรู้สึกของเธอเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่มารดา ผู้ที่แสนอ่อนโยนของเธอเอง
.
.
ถึงจะฝืนความรู้สึกเช่นไร แต่สุดท้าย ศรัญญาก็ไม่ได้แวะไปที่ออฟฟิศ และอยู่ที่บ้านตามที่บิดาต้องการ แม้ตาจะคอยจับจ้องหน้าจอมือถือด้วยหวังว่าอาจจะมีใครสักคนโทรหรือส่งข้อความมาหา
เขาคงไม่ตกลงแล้ว ..ศรัญญาถอนหายใจ
แต่อย่างน้อยสัมผัสของเขาในห้องเปียโนนั้น ก็ทำให้เธอวาบหวามและวกวนอยู่กับการเล้าโลมจากปลายลิ้นและร่างกายแน่นเครียดนั้น ที่ทำให้อารมณ์กระเจิดกระเจิงและหมกมุ่นอยู่ทุกคืนวัน
จูบที่ดุดันและเอาแต่ใจของปีศาจน้ำแข็ง เหมือนจะเร่งเร้าให้เธอปลดปล่อยตัวตนออกมา
เธอเกลียดความรู้สึกนั้น แต่ก็ถวิลหาในคราเดียวกัน
“แป้ง คุณโอมมาแล้วลูก”
มารดาของเธอตะโกนมาบอก เรียกสติของศรัญญา ให้กลับมา จึงต้องรีบแต่งตัวด้วยการหยิบชุดเดรสสีชมพูอ่อนมาใส่ และแต่งหน้าแบบง่ายๆ เพื่อจะลงมาข้างล่าง
“เชิญค่ะ พี่โอม”
ศรีกัลยา ต้อนรับแขกของบ้านอย่างกระตือรือร้น
เมื่อร่างโปร่งของ โอภาส ทายาทคนเล็กของศรีพิพัฒน์ก้าวลงจากแบนทีย์คันงามที่จอดอยู่ลานน้ำพุหน้าบ้าน
หน้าหล่อเหลาออกตี๋เพราะมีเชื้อสายคนจีนนั้น หยุดมองรอบบ้านเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองร่างบางในชุดสีชมพูอ่อนที่กำลังก้าวลงบันใด และยิ้มละไมด้วยแววตาเป็นประกาย
“วันนี้น้องแป้งสวยจังครับ”
โอภาสเอ่ยชม มองร่างบางและหน้าเนียนใสผุดผาดตรงหน้าไม่วางตา
ศรัญญาสังเกตได้ว่าคำชมของโอภาสเมื่อสักครู่ ทำให้ดวงตาของศรีกัลยา พี่สาวเธอหลุบต่ำลงเล็กน้อยและเบือนหน้าหนีไปอีกทางเหมือนต้องการเก็บกดความรู้สึก
และหญิงสาวรู้ดีว่า หากโอภาสพึงพอใจในตัวของพี่สาวของเธอ เรื่องราวทุกอย่างมันคงง่ายกว่านี้
แต่ชีวิตจริงมันไม่สำเร็จรูปแบบนั้น ความรู้สึกและความพอใจของแต่ละคนที่ไม่ตรงกันนี่แหละมักจะทำให้เรื่องยุ่งเหยิง
“สวัสดีค่ะพี่โอม”
ศรัญญาโค้งตัวทักทายเมื่อเดินมาใกล้
ตอนนี้เธอคงต้องทำหน้าที่เฉพาะหน้า ต้อนรับทายาทของกลุ่มศรีพิพัฒน์ ตามที่ครอบครัวต้องการ
เพราะความหวังจากปีศาจน้ำแข็ง คงจะไม่มีโอกาสแล้ว
********************************